ตอนที่ 42 มาสิ ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง !
หลินเว่ยเว่ยทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว หลังจากน้ำในถังของทั้งสองบ้านถูกเติมจนเต็มและเนื่องจากพี่สาวคนโตยังทำอาหารไม่เสร็จ นางจึงขึ้นเขาไปตักน้ำมารดพืชพันธุ์ในแปลงนาของตนจนครบทุกแปลง
ป้ากุ้ยฮวาที่เห็นว่านางขยันขันแข็งถึงเพียงนี้จึงหันไปกล่าวกับสามีพร้อมรอยยิ้มว่า ลูกสาวคนรองของนางหวงอายุย่าง 14 ปีแล้วใช่หรือไม่ ? หากบุตรชายบ้านไหนได้แต่งงานกับนาง บ้านนั้นก็คงมีคนมาช่วยทำงานเพิ่มอีกคน ! หากบุตรชายคนรองของพวกเราอายุมากกว่านาง ข้าก็อยากให้เขาหมั้นหมายกับนาง !
ป้ากุ้ยฮวามีบุตรชาย 2 คน คนโตอายุ 18 ปีซึ่งตอนนี้เขาแต่งภรรยาเข้าบ้านมาแล้ว อีกทั้งยังมีบุตรที่อายุเกือบครบ 1 ขวบด้วย ส่วนบุตรชายคนรองเพิ่งอายุ 11 ปี ตอนนี้เขาก็กำลังเป็นเด็กซุกซน วัน ๆ เอาแต่ขึ้นเขา เล่นน้ำและปีนต้นไม้ราวกับลูกลิง เขาไม่มีท่าทีเคร่งขรึมเลยแม้แต่น้อย
หลิวต้าชวนลูบไหล่ที่บวมแดงแล้วส่ายศีรษะ ลูกของเจ้าเอาแต่เรียกนางว่า ‘นางเด็กโง่’ เจ้าคิดว่าเขาจะยอมหรือ ? แล้วถ้าวันใดนางกลับมาโง่เขลาอีกครั้ง เจ้าจะเลี้ยงนางไปตลอดชีวิตหรือไม่ ?
ป้ากุ้ยฮวาได้แต่คิดแล้วถอนหายใจออกมา ครอบครัวของน้องหวงลำบากมาหลายปีแล้ว หวังว่าสวรรค์จะมีตา ไม่ทำให้ชีวิตของนางต้องยากลำบากไปทั้งชีวิต !
ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงต้นฤดูร้อน อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น หลินเว่ยเว่ยจึงไปรดน้ำในแปลงพืชพรรณทุกเช้าและเย็น วันละ 2 เวลา นอกจากนี้นางยังแอบเอาน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณมารดแปลงนาอยู่เป็นประจำ ทำให้พืชพรรณในแปลงของครอบครัวนางดูเขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์กว่าแปลงของป้ากุ้ยฮวาที่อยู่ถัดไป
และข้าวโพดที่นางปลูกใหม่ก็เริ่มแทงยอดเล็ก ๆ ขึ้นมา แสงของดวงอาทิตย์กระทบกับใบสีเขียวอ่อนของยอดพืช เมื่อมองแล้วก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและความหวัง
เมื่อกลับถึงบ้าน อาหารเช้าก็ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้พี่สาวต้มโจ๊กลูกเดือยและทำแป้งทอดแผ่นเล็ก โดยที่นางได้แบ่งโจ๊กลูกเดือยให้ทุกคนเพียงคนละ 1 ชามเท่านั้น ส่วนแป้งทอดก็ได้แบ่งให้ทุกคนเพียงคนละ 1 แผ่นเช่นกัน อย่างมากที่สุดพวกนางก็พอทานอิ่มได้ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นจึงไม่ต้องเอ่ยถึงหลินเว่ยเว่ยที่ทานเท่ากับสองคนในมื้อเดียว
นางหวงเหลือบตามองบุตรสาวคนโตโดยมิได้กล่าวอันใด จากนั้นนางก็แบ่งแป้งทอดของตนออกเป็นชิ้นใหญ่แล้วยื่นใส่มือของบุตรสาวคนรอง ส่วนเจ้าหนูน้อยก็หันไปมองพี่ใหญ่และหันไปมองพี่รอง จากนั้นเขาก็ทำตามมารดาแล้วยื่นแป้งทอดให้พี่รองเช่นกัน พี่รอง ข้าตัวเล็กนิดเดียว กินไม่หมดหรอก ท่านช่วยกินหน่อยสิ !
หลินเว่ยเว่ยมิได้กล่าวอันใดออกมาสักคำ นางเพียงล้างมือให้สะอาดจากนั้นก็เอาแป้งหมี่ออกจากโถแล้วไปเด็ดต้นหอมมาจากหลังบ้าน นางใช้น้ำมันหมูที่เจียวเมื่อวานมาทำชงโหยวปิงที่มีลักษณะคล้ายแพนเค้กต้นหอมในชาติที่แล้ว นางทำแพนเค้กออกมาทั้งหมด 3 แผ่นโดยแบ่งแผ่นใหญ่สุดให้นางหวง ส่วนอีกแผ่นให้น้องชายคนเล็กและตัวนางเอง มีเพียงพี่สาวคนโตเท่านั้นที่ไม่ได้รับส่วนแบ่ง !
นางได้ทานแพนเค้กต้นหอมคำหนึ่งแล้วก็แทะแป้งทอดอีกคำหนึ่ง ในขณะกำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยนั้นพี่สาวก็ทำได้เพียงกำตะเกียบไว้แน่นด้วยความโกรธ ทั้งยังตวัดสายตามองไปยังเจ้าหนูน้อยอย่างเอาเรื่อง เมื่อครู่นี้เจ้ายังแบ่งแป้งทอดให้พี่รอง เหตุใดเจ้าไม่แบ่งชงโหยวปิงให้พี่ใหญ่บ้าง ? ของกินสามารถซื้อเจ้าได้อย่างง่ายดายเชียวหรือ เจ้าเด็กเนรคุณ !
นางหวงจนปัญญากับบุตรสาวทั้งสองที่ทะเลาะกันไปมา นางจึงแบ่งชงโหยวปิงให้บุตรสาวคนโตครึ่งหนึ่ง ทว่าอีกฝ่ายสะบัดหน้าหนีด้วยความโกรธ
ตอนนี้นางเฝิงนำเหลียงเฟิ่น1มาแบ่งให้พวกเขาและเมื่อเห็นว่านางหวงกำลังจะปฏิเสธ นางจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า หลายวันมานี้ครอบครัวของท่านมักนำข้าวของมาให้พวกเราเสมอ บุตรสาวคนรองของท่านก็มักมาช่วยงานบ้านที่ข้าไม่สามารถทำได้อยู่เป็นประจำ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงนำแป้งและถั่วมาทำเหลียงเฟิ่นให้พวกเด็ก ๆ ได้ทานเป็นของหวาน
เมื่อกล่าวมาถึงเพียงนี้ นางหวงจึงทำได้เพียงตอบรับ แต่เจ้าก็รับปากว่าจะสอนบุตรสาวคนโตของข้าปักผ้ามิใช่หรือ แค่นี้ข้าก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณเช่นไรแล้ว…
นั่นมิใช่เรื่องใหญ่เสียหน่อยเพราะมันคืองานถนัดของข้า จากนั้นนางเฝิงก็หันไปบอกบุตรสาวคนโตของนางหวงที่ยามนี้กำลังมุ่ยปากด้วยความไม่สบอารมณ์ อีกประเดี๋ยวตามข้าไปที่บ้าน ข้าจะสอนเจ้าวาดแบบร่างดอกไม้
บุตรสาวคนโตได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างดีใจ จากนั้นก็รีบทานและเก็บชามพร้อมตะเกียบของตนไปล้าง ทั้งยังรีบไปซักเสื้อผ้าของคนในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าของหลินเว่ยเว่ยไม่ได้รับการเหลียวแลจากนางแม้แต่น้อย
หลินเว่ยเว่ยใช้ขี้เถ้าจากพืชมาซักเสื้อผ้าของตน จากนั้นก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าหากเข้าเมืองครั้งหน้า นางจะซื้อสบู่กลับมาด้วย เพราะถ้าให้นางใช้ขี้เถ้าซักเสื้อผ้าอยู่เช่นนี้มีหวังได้คันคะเยอทั้งตัว !
เมื่อนางกลับมาจากบ่อน้ำแล้ว เจ้าหนูน้อยก็ใช้มือทั้งสองข้างประคองไข่ไก่ฟองหนึ่งเข้ามาอย่างระมัดระวังพร้อมบอกนางด้วยความดีอกดีใจว่า พี่รอง หลูฮวาออกไข่แล้ว ท่านลองลูบมันสิ มันยังอุ่นอยู่เลย !
ด้วยความพยายามของเจ้าหนูน้อยทำให้แม่ไก่สาวสองตัวได้รับการตั้งชื่ออย่างเสร็จสรรพ โดยตัวหนึ่งมีชื่อว่าหลูฮวา ส่วนอีกตัวมีชื่อว่าหลูหง
ตอนเที่ยงข้าจะทำไข่ตุ๋นให้เจ้า ! หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะของเจ้าหนูน้อยด้วยความเอ็นดู เจ้าต้องจับแมลงให้ได้มากกว่าเดิม พวกเราจะได้นำมันไปเป็นอาหารให้แม่ไก่ แม่ไก่จะได้ตัวอ้วน ๆ แล้วเราก็จะมีไข่ให้ทานทุกวัน !
เจ้าหนูน้อยพยักหน้าราวไก่จิกข้าวเปลือกและวางไข่ลงในครัว จากนั้นเอาตะกร้าพร้อมพลั่วอันเล็กของตนขึ้นมา ก่อนจะรีบออกจากบ้านตรงไปยังตีนเขา เพราะว่าตอนนี้เด็กน้อยได้รับคำสั่งให้คอยดูแลกระต่ายและแม่ไก่ ในอนาคตครอบครัวจะได้ทานเนื้อหรือไม่ก็ต้องพึ่งเขาแล้ว ! ตอนนี้เองเจ้าหนูน้อยก็ได้รู้สึกว่าตนเติบโตเป็นผู้ใหญ่และรู้สึกว่าช่างน่าภูมิใจยิ่งนัก !
ทว่าเขายังมิทันได้ไปถึงตีน เขาก็โดนลูกสมุนของเจ้าอ้วนซานเข้ามาขวางทางไว้เสียก่อน ไอ้เด็กน้อย ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เช้าเจ้าได้กินของอร่อยมาด้วย ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องแบ่งให้พี่อ้วนซานบ้างใช่หรือไม่ เด็กชายผิวคล้ำที่มักคอยติดตามเป็นสุนัขรับใช้ให้เจ้าอ้วนซานได้กลิ่นหอมของชงโหยวปิงก็อดใจไม่ไหวจนกลืนน้ำลายดังอึกและเด็กชายผิวคล้ำก็เอาเรื่องนี้มาเล่าให้เจ้าอ้วนซานฟัง ทำให้มีฉากที่เจ้าอ้วนซานเข้ามาขวางเจ้าหนูน้อยไว้เช่นนี้
เจ้าหนูน้อยมองไปยังพวกเขาอย่างระมัดระวังแล้วกล่าวว่า แม้แต่บ้านของข้ายังมีไม่พอกินเลย เหตุใดข้าต้องเหลือให้เจ้าอ้วนซานด้วย ? เมื่อก่อนตอนที่บ้านของข้าต้องอดอยาก ข้าก็ไม่เห็นพวกเจ้าเอาของอร่อยมาแบ่งบ้างเลย !
ทันใดนั้นเจ้าอ้วนซานก็ดึงคอเสื้อของเจ้าหนูน้อยไว้แล้วยกตัวเขาขึ้นมา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า ต่อไปนี้หากบ้านของเจ้าทำของอร่อย เจ้าต้องเอามาแบ่งให้ข้า ได้ยินหรือไม่ ! ?
แต่เจ้าหนูน้อยมิได้เกรงกลัวเจ้าอ้วนซานเลยสักนิด เขาจึงย้อนถามว่า เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย ?
ก็เพราะว่าหมัดของข้าแข็งแกร่งกว่าหมัดของเจ้า ! หากเจ้าไม่ฟัง ข้าก็จะอัดเจ้าเสียตอนนี้เลย ! เจ้าอ้วนซานโบกสะบัดกำปั้นขนาดใหญ่ของตน
เจ้าหนูน้อยเห็นเช่นนั้นก็กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า แล้วหมัดของเจ้าแข็งแกร่งเท่าหมัดพี่รองของข้าหรือไม่ ? เจ้าสามารถเคลื่อนย้ายก้อนหินใหญ่ในหมู่บ้านได้หรือไม่ ? และเจ้าสามารถฆ่าหมูป่าด้วยมือเปล่าได้หรือ ? หากเจ้ากล้าทำร้ายข้า พี่รองก็สามารถพังประตูบ้านเจ้าได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้นางก็จะโยนเจ้าให้หมูป่ากิน !
เจ้าอ้วนซานเป็นหัวหน้าของเด็กในหมู่บ้านแห่งนี้ แม้แต่เด็กที่มีอายุมากกว่าก็ยังไม่กล้ามีปัญหาด้วย ดังนั้นเขาจึงมองว่าเจ้าหนูน้อยไม่ต่างอันใดจากพวกลูกน้อง และเมื่อเห็นว่าเจ้าหนูน้อยไม่ยอมไว้หน้ากันถึงเพียงนี้ เขาก็โมโหจนง้างมือขึ้นแล้วฟาดไปยังใบหน้าขาวเนียนของอีกฝ่ายทันที
และในตอนนั้นเอง เด็กชายผิวคล้ำก็ตะโกนด้วยความหวาดกลัว นางเด็กโง่มาแล้ว ! ลูกพี่ พี่สาวของเจ้าตัวเล็กมาแล้ว !
เจ้าจะทำอันใด ? หลินเว่ยเว่ยแย่งตัวเจ้าหนูน้อยออกมาจากมือของเจ้าอ้วนซาน หลังตรวจดูว่าน้องชายของตนไม่ได้รับบาดเจ็บ นางจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หันไปขมวดคิ้วใส่เจ้าอ้วนซานอย่างเอาเรื่อง เจ้าตัวโตถึงเพียงนี้แต่มารังแกเด็กอายุ 6 ขวบ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ ?
ผู้ใดรังแก ? ตาข้างไหนของเจ้าที่เห็นว่าข้ารังแกเขา ? ข้าก็แค่เล่นกับเขาเท่านั้นเอง ไม่เชื่อก็ถามพวกนี้สิ ! เจ้าอ้วนซานยิ้มท้าทาย เขาไม่ยอมรับผิดอย่างหน้าด้าน ๆ
หลินเว่ยเว่ยจึงเดินเข้าหาเขา จากนั้นก็คว้าคอเสื้อของเขาขึ้นมาแล้วออกแรงยกเบา ๆ ทันใดนั้นร่างของเจ้าอ้วนซานก็ลอยขึ้นตามแรงยก สองขาของเขาแกว่งไปมาอยู่กลางอากาศ หลินเว่ยเว่ยได้ยกตัวเขาขึ้นสูงมาก จากนั้นนางก็กล่าวด้วยรอยยิ้มท้าทายว่า เช่นนั้นข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่ ?
เจ้าอ้วนซานดิ้นรนขัดขืนอย่างหนักพลางคว้ามือที่กำลังกำเสื้อตรงหน้าอกของตนไว้ เหตุใดมือของนางจึงเหมือนเฉียนจื่อ2ขนาดใหญ่ที่ไม่ว่าออกแรงกระชากเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นได้
1 เหลียงเฟิ่น คือ ของว่างที่ทำจากแป้งและถั่วลักษณะเหมือนเยลลี่ นิยมทานในช่วงฤดูร้อน
2 เฉียนจื่อ คือ คีม
ตอนต่อไป