ตอนที่ 49 ยังไม่ได้พูดหรือ?
หลินเว่ยเว่ยรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากสนคนเช่นนี้อีกต่อไป นางจึงหันไปพูดกับคนอื่นว่า เจวี๋ยไช่ทางด้านนี้ใกล้หมดแล้ว ข้ารู้จักสถานที่หนึ่งมีหมาฉื่อเซี่ยนขึ้นเต็มไปหมด พวกเราไปที่นั่นกันเถิด !
การเก็บผักป่าในวันนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น แม้ได้ยินเสียงร้องของหมาป่าดังมาจากระยะไกล ทว่าพวกนางไม่พบสัตว์ป่าสักตัว ยกเว้นไก่ป่าตัวหนึ่งที่ตกใจเสียงของพวกนาง และด้วยความตกใจมันจึงลนลานบินเอาหัวไปกระแทกต้นไม้จนสลบ นางเฝิงที่อยู่ตรงนั้นพอดีจึงหิ้วมันขึ้นมา
นางเฝิงไม่กล้าครอบครองไก่ป่าตัวนี้เป็นของตน นางจึงหันไปหาหลินเว่ยเว่ย เจ้าพาพวกข้ามาเก็บผักป่าบนภูเขา ทำให้เจ้าไม่มีเวลาไปล่าสัตว์ ฉะนั้นเจ้าเอาไก่ป่าตัวนี้ไปเถิด…
ไม่ต้องหรอก กฎของการล่าสัตว์บนภูเขาคือผู้ใดล่าได้ถือเป็นของผู้นั้น ! น้าเฝิง ท่านเอากลับไปต้มเพื่อบำรุงร่างกายแก่บัณฑิตเถิด ครั้งที่แล้วอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี พออ่านตำรานาน ๆ แล้วเขาจะรู้สึกเวียนศีรษะใช่หรือไม่ ? บนหลังของหลินเว่ยเว่ยได้แบกกระบุงที่ใส่ผลไม้รวมถึงผักป่าที่เก็บมาได้จนเต็มกระบุงไว้ ขณะที่มือข้างหนึ่งก็ถือกระบุงของนางหวง ส่วนอีกข้างก็ยกกระบุงของนางเฝิงขึ้นมา
แม้ดวงอาทิตย์ยังอยู่สูง แต่ยามนี้กระบุงไม้ไผ่ของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยผักป่าและไม่มีที่สำหรับเก็บเพิ่มแล้ว ชาวบ้านหลายคนจึงมองไปยังผักป่าที่ขึ้นอยู่ทั่วด้วยความเสียดายและตัดสินใจที่จะนำกระบุงขึ้นมาเพิ่มในวันพรุ่งนี้ !
ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ริมถนนใกล้เขตทางเข้าหมู่บ้าน เจียงโม่หานนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่และในมือยังคงมีตำราอยู่เล่มหนึ่งเสมอ เขากำลังจดจ่อกับเนื้อหาในตำรา ยามนี้แสงอาทิตย์กำลังส่องกระทบบนตัวเขา แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะซอมซ่อแต่ก็ไม่อาจปกปิดรัศมีเจิดจ้าที่ออกมาจากตัวเขาได้
ว้าว ! ช่างงดงามราวกับคนในภาพวาด… หลินเว่ยเว่ยเอ่ยชมเขาจากใจจริง บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในกลุ่มที่เดินตามหลังมาล้วนพากันหน้าแดงพร้อมใจที่เต้นรัว พวกนางแอบมองมาที่เขาเป็นระยะ
เจียงโม่หานได้ยินเสียงจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่งามของเขาไปหยุดอยู่ที่หลินเว่ยเว่ยเป็นคนแรก เมื่อทั้งคู่สบตากันหลินเว่ยเว่ยก็ยิ้มกว้างพร้อมโบกมือมาที่เขา
ใบหน้าของเจียงโม่หานยังไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกำลังคิดว่า ‘เด็กอ้วนคนนี้ยิ้มราวกับคนโง่งม ! ’
บัณฑิตน้อย เห็นหรือไม่ว่าข้าพาน้าเฝิงกลับมาอย่างปลอดภัย ดูสิ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเชียวนะ ! หลินเว่ยเว่ยเบี่ยงตัวออกด้านข้างเพื่อเผยให้เห็นนางเฝิงที่กำลังเดินตามหลังมา
ทว่านางเฝิงถามนางอย่างเป็นห่วงเป็นใย เด็กน้อย เจ้าเหนื่อยหรือไม่ ? ให้ข้าแบกเองเถิด
หลินเว่ยเว่ยใช้นิ้วที่เล็กสุดของตนเกี่ยวกระบุงขึ้นมาแล้วทำท่ายกขึ้นยกลงให้ดูพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม ผักป่าพวกนี้ไม่ได้หนักสำหรับข้าอยู่แล้ว น้าเฝิง ไก่ป่าในมือของท่านหนักหรือไม่ หากมันหนักก็วางในกระบุงได้เลย ประเดี๋ยวข้าจะยกไปให้ที่บ้านเอง !
เจียงโม่หานอยากเดินเข้ามารับกระบุงในมือของนาง ทว่านางเบี่ยงตัวหลบ ในมือของเจ้าถือตำราอยู่ อย่าทำให้ตำราของตนสกปรกสิ !
ดังนั้นเจียงโม่หานจึงไปช่วยนางเฝิงถือไก่ป่าแล้วถามว่า ท่านแม่ไปเอาไก่ป่ามาจากที่ใดขอรับ ?
ไก่ป่ารู้ว่าเจ้ากำลังป่วย มันจึงอาสาส่งตัวเองมาเป็นของบำรุงให้เจ้า ! หลินเว่ยเว่ยแย่งตอบหน้าระรื่น
นางเฝิงได้ยินเช่นนั้นก็เล่าเรื่องที่มาของไก่ป่าให้บุตรชายฟัง บรรดาชาวบ้านละแวกนั้นได้เห็นว่าพวกนางเอาผักป่ากลับมาเป็นจำนวนมากก็เกิดอาการเสียใจที่มิได้ตามไปด้วย
หลินเว่ยเว่ยนำกระบุงผักป่าของนางเฝิงไปส่งให้ที่บ้าน ส่วนกระบุงที่ตนแบกอยู่ด้านหลังนั้นพอเอาผักป่าออกไปแล้วก็พบว่าด้านในเต็มไปด้วยผลชิงจำนวนมาก
น้าเฝิง การทำผลไม้อบแห้งยังต้องใช้สิ่งใดอีกหรือไม่ ? ข้าจะได้หาเวลาไปซื้อในเมือง ! หลินเว่ยเว่ยถาม
นางเฝิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ผลชิงป่าพวกนี้หวานมาก แต่ถ้าอยากให้รสชาติของมันดีกว่านี้อีกหน่อยก็ควรใส่น้ำตาลเพิ่มเข้าไป แน่นอนว่าหากเป็นน้ำผึ้งก็จะยิ่งดีเข้าไปอีก…
เจียงโม่หานได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า แม้ผลชิงอบแห้งมิได้มีราคาถูก แต่หากอบมันด้วยน้ำผึ้งก็จะทำให้มีต้นทุนสูงมาก พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อแท่งหมึกจากในเมืองพอดี ประเดี๋ยวข้าจะถือโอกาสซื้อน้ำตาลกลับมาให้
ที่บ้านของข้ายังมีน้ำผึ้งป่าอีกหนึ่งโถ เช่นนั้น…พวกเราลองทำก่อนดีหรือไม่ ? เมื่อชาติที่แล้วในตอนที่หลินเว่ยเว่ยเรียนอยู่ในเมืองหลวง นางชอบทานเอพริคอตและลูกท้ออบแห้งมาก เมื่อนึกถึงตรงนี้นางก็เลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ในใจก็นึกถึงรสชาติของมันไปด้วย !
เจียงโม่หานแสร้งทำไม่เห็นท่าเลียริมฝีปากของนาง ! เขาอธิบายอย่างอดทนว่า หากในตอนแรกเราใช้น้ำผึ้งแล้วตอนหลังเปลี่ยนมาใช้น้ำตาล รสชาติและคุณภาพของมันก็จะเปลี่ยนไป ถึงตอนนั้นมีหวังว่าลูกค้าต้องไม่เห็นด้วยเป็นแน่…
ช้าก่อน…ลูกค้าหรือ ? ผลไม้อบแห้งเหล่านี้ไม่ได้ทำเพื่อเอาไว้ให้พวกเราทานเองหรือ ? หลินเว่ยเว่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลไม้อบน้ำผึ้งราคาถูกที่สุดในเมืองมีราคาตั้งชั่งละครึ่งตำลึง เจ้าไม่เสียดายหรือ ? อีกอย่างมีผลชิงป่าเยอะเพียงนี้ ต่อให้เจ้าทานแทนข้าวสามมื้อก็ยังต้องใช้เวลานานหลายวันกว่าจะทานหมด ! เจียงโม่หานมิวายถากถาง
หลินเว่ยเว่ยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ หา ? ราคาชั่งละครึ่งตำลึงเชียวหรือ ? เหตุใดร้านผลไม้อบแห้งหน้าเลือดยิ่งนัก !
เจ้าเด็กอ้วนคนนี้บางทีก็ฉลาด แต่บางทีก็โง่เขลาเสียจนทำให้ผู้ที่ได้สนทนาด้วยอยากเอาตำราในมือเคาะศีรษะนางสักที เจียงโม่หานพยายามอดกลั้นความอยากปะทะฝีปากเอาไว้แล้วยังคงอธิบายให้นางฟัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้ำตาลขายชั่งละเท่าไหร่ ? แค่น้ำตาลไม่ขัดสีธรรมดาก็มีราคาชั่งละสองร้อยกว่าอีแปะแล้ว ส่วนน้ำตาลขัดสีที่คุณภาพทั่วไปก็ราคาชั่งละครึ่งตำลึง !
หลินเว่ยเว่ยลองคำนวณตาม จากนั้นปากก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดผลไม้อบน้ำผึ้งจึงแพงมาก ! เพราะหากขายถูกเกินไปก็อาจไม่ได้แม้แต่ทุนคืน !
ในที่สุดเจียงโม่หานก็อดกลั้นไม่ไหว เขาใช้สันตำราเล่มบางเคาะไปที่หน้าผากของนางเบา ๆ ยังถือว่าเจ้ามิได้โง่งมจนเกินไป !
เช่นนั้น…พวกเราจะทำผลไม้อบแห้งไปขายในเมืองใช่หรือไม่ ? ดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวของหลินเว่ยเว่ยดูสนอกสนใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง
เจียงโม่หานเห็นนางมองมาที่ตนเช่นนั้นก็รู้สึกไม่คุ้นชิน เขาจึงหันไปส่งสายตาเชิงคำถามแก่นางเฝิง ‘ท่านแม่ยังไม่ได้พูดเรื่องความร่วมมือกับเจ้าเด็กอ้วนผู้นี้หรือขอรับ ? ’
นางเฝิงจึงส่งสายตาให้บุตรชายของตน ‘แม่ยังไม่ทันได้บอกมิใช่หรือ ? เป็นเจ้าที่ใจร้อนไปเอง ! ’
ดังนั้นนางเฝิงจึงเล่าเรื่องที่อยากร่วมมือกับหลินเว่ยเว่ยเพื่อทำผลไม้อบแห้งไปขายในเมืองออกมา จากนั้นหลินเว่ยเว่ยจึงกล่าวว่า บนภูเขาแห่งนี้นอกจากมีผลชิงป่าเป็นจำนวนมาก ยังมีลูกท้อ ลูกสาลี่ป่า พุทราป่าและองุ่นป่าอีกเป็นจำนวนมาก…ซึ่งมีเพียงพอที่จะให้เราทำผลไม้อบแห้งรวมถึงผลไม้เชื่อมที่สามารถเอาไปขายได้อีกหลายเดือน !
จากนั้นนางเฝิงจึงกล่าวขึ้นว่า เจ้าสามารถสำรวจผลไม้ป่าที่อยู่ในละแวกนี้ได้ เช่นนั้นเจ้าจงรับผิดชอบในการจัดหาผลไม้ ส่วนข้าจะรับผิดชอบในการจัดหาวัตถุดิบอื่น เงินที่หามาได้ค่อยแบ่งครึ่งกัน
หลินเว่ยเว่ยคิดแล้วจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เราต้องหักต้นทุนเสียก่อน เอาอย่างนี้แล้วกัน หลังหักต้นทุนทุกอย่างแล้ว พวกเราค่อยแบ่งคนละครึ่ง
ทำเช่นนั้นได้อย่างไร ? เจ้าก็ออกแรงไปหาผลไม้มาให้ข้า ส่วนข้าก็จัดหาวัตถุดิบอื่นให้ อย่างที่ข้าพูดก็ถูกแล้ว ! นางเฝิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่าน้ำเสียงยังคงหนักแน่นไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจ
หลินเว่ยเว่ยยังคงไม่เห็นด้วย แต่ผลไม้ขึ้นอยู่เต็มภูเขาไปหมด ข้าแค่ออกแรงเก็บเล็กน้อยเท่านั้น แทบไม่ได้ลงทุนอันใดด้วยซ้ำ แต่ท่านต้องใช้เงินซื้อน้ำตาลและน้ำตาลก็มิใช่ราคาถูก ! หากข้าแบ่งรายได้กับท่านคนละครึ่งก่อนหักต้นทุน เช่นนี้ไม่เป็นการเอาเปรียบท่านหน่อยหรือ ? เอาตามที่ข้าพูดเถิด หลังจากที่เราหักต้นทุนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยแบ่งเงินกันทีหลัง !
ตอนที่เจ้าออกไปเก็บผลไม้ เจ้าไม่เพียงต้องออกแรงเท่านั้น ยังต้องเผชิญกับอันตรายด้วย…หากพูดกันตามสัดส่วนรายได้ที่เราแบ่งกันแล้วยังถือว่าข้าเอาเปรียบเจ้าอยู่มิน้อย ฝั่งตนเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเองแล้วนางเฝิงจะมีหน้าไปเอาเปรียบเด็กน้อยอายุสิบกว่าปีได้อย่างไร
น้าเฝิง ตอนท่านทำผลไม้อบแห้งก็ต้องออกแรงเหมือนกันมิใช่หรือ ? แถมของพวกนี้ยังเป็นสูตรลับในครอบครัวของท่าน ! จะว่าไปแล้วการแบ่งสัดส่วนที่ข้าคิดก็ยังถือว่าเอาเปรียบท่านอยู่มาก ! หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่านางเฝิงเป็นสตรีบอบบางแต่สามารถส่งบุตรชายให้เรียนท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยสงครามแสนวุ่นวายเช่นนี้ได้ ทั้งต้องหาเงินซื้อตำราให้บุตรชายมาตลอดหลายปี เรื่องเหล่านี้ไม่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงที่ีบอบบางคนหนึ่ง
ตอนนี้ในเมืองไม่รับซื้องานปักของนางแล้ว ในอนาคตนางต้องลำบากกว่านี้แน่ เดิมทีหลินเว่ยเว่ยตั้งใจใช้โอกาสจากความร่วมมือนี้หารายได้มาเติมเต็มแก่ครอบครัวของนางเฝิง ทว่าตอนนี้กลายเป็นไม่รู้ว่าผู้ใดเอาเปรียบกันแล้ว !
ตอนต่อไป