หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 50 เจ้างามมาก ! พวกเจ้างดงามทั้งบ้านเลย

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 50 เจ้างามมาก ! พวกเจ้างดงามทั้งบ้านเลย

อย่าเกี่ยงกันอีกเลย ! ท่านแม่ขอรับ ทำตามที่เด็กอ้วนพูดไม่ดีกว่าหรือ ? หากในอนาคตจำเป็นต้องเลือกซื้อผลไม้มาทำก็ถือว่าเป็นวัตถุดิบแล้วกัน เช่นนี้ก็ยุติธรรมแล้วมิใช่หรือ ? เจียงโม่หานรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้สองคนนี้บ่ายเบี่ยงกันต่อไป มืดค่ำก็คงไม่ได้ข้อสรุป

หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปากพลางกระทืบเท้าราวกับหญิงสาวกำลังเง้างอน เจ้าเรียกผู้ใด ‘เด็กอ้วน’ มิทราบ ? เจ้าไม่เคยได้ยินสำนวน ‘ตีคนไม่ตีหน้า ด่าคนไม่เผยจุดอ่อนของอีกฝ่าย’ หรือ ? ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย

เจ้าเองก็บอกว่าข้า ‘งาม’ มิใช่หรือ ? เจียงโม่หานมองท่าทางโกรธจนกระทืบเท้าของอีกฝ่ายแล้วในใจก็เกิดความรู้สึกมีความสุขแปลกๆ ขึ้นมา

ที่บอกว่าเจ้างามคือข้าชมต่างหาก ! หลินเว่ยเว่ยเอ่ยอย่างมั่นใจ

เจียงโม่หานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า ที่บอกว่าเจ้าอ้วน ข้าก็ชมเช่นกัน !

ข้าขอ ขอบ ! คุณ ! เจ้า ! ทว่าต่อไปได้โปรดอย่าชมข้าเช่นนี้อีก เพราะข้ารับไม่ไหว ! นางพูดเน้นถ้อยเน้นคำอย่างแสนงอน

เจียงโม่หานโบกตำราในมือแล้วกล่าวว่า การบอกว่าบุรุษงดงาม สำหรับเขาแล้วยังไม่สู้ด่าเขาเลย !

เฮอะ ! เกิดมาหน้าตาดีแล้วยังไม่ให้ผู้อื่นกล่าวชมอีกหรือ ? หลินเว่ยเว่ยบ่นพึมพำ

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกของนางหวงแล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงกระทืบเท้าเบา ๆ พลางเดินออกจากประตูบ้านตระกูลเจียงไปด้วยความโกรธ

นางเฝิงส่ายหน้าด้วยความขบขันแล้วกล่าวว่า หานเอ๋อร์ เจ้าแกล้งนางด้วยเหตุใด ? ดูสิ ทำสาวน้อยโกรธใหญ่แล้ว !

เจียงโม่หานคิดในใจว่า ‘ยามนางทำข้าโกรธ เหตุใดไม่เห็นท่านออกหน้าแทนบ้าง ? หรือที่จริงนางคือบุตรแท้ ๆ ของท่าน ? ’

ยามนี้เขาได้ยินเสียงนางหวงดังมาจากข้างบ้านว่า ลูกแม่ เหตุใดจึงไปนานนักเล่า ?

บัณฑิตน้อยรูปงามมีเรื่องหารือกับข้า ดังนั้นจึงใช้เวลานานเจ้าค่ะ !

เจียงโม่หานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่เด็กอ้วนพูดว่า ‘บัณฑิตน้อยรูปงาม’ นางจงใจทำเสียงสูงและลงน้ำหนักเน้นคำราวกับต้องการให้เขาได้ยิน

‘เจ้าเด็กอ้วนจอมอาฆาต ! ’

พอเขาหันกลับมาก็พบว่านางเฝิงยักไหล่เพราะกำลังพยายามกลั้นขำ ที่แท้มารดาก็มีด้านที่ชอบยั่วเย้าผู้อื่นเช่นกัน

ชาติก่อน นางโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง แม้ว่านางยังอ่อนโยนและสุภาพ ทว่าระหว่างคิ้วของนางมักขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล ในความทรงจำของเขาคือนางไม่เคยหัวเราะอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน เด็กอ้วนที่ชอบปะทะกับเขาคนนี้ก็ใช่ว่าไม่มีดีเสียหน่อย ! เพราะอย่างน้อยนางก็ทำให้มารดาหัวเราะได้ !

วันต่อมา กลุ่มคนที่ขอติดตามขึ้นไปเก็บผักป่ามีมากกว่าเมื่อวานถึงสองเท่า ไม่เพียงแต่สาวน้อยสาวใหญ่เพราะแม้แต่เด็กเจ็ดแปดขวบก็สะพายตะกร้าเข้าร่วมกลุ่มเก็บผักป่าด้วย

หลินเว่ยเว่ยยังคงยืนยันอีกครั้งว่าจะรับผิดชอบแค่การช่วยหาแหล่งผักป่าให้เท่านั้น นางไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้ทุกคนได้ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงหากมีคนได้รับบาดเจ็บหรือพบสัตว์ป่าบนภูเขา แล้วพาคนในครอบครัวมาเถียงกันถึงที่บ้านอีก

ก่อนออกเดินทางนางเห็นบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานออกมาจากบ้านด้านข้าง ‘นี่เขาจะไปในเมืองหรือ ? แต่หนทางในหุบเขาหลายสิบลี้ บัณฑิตหนุ่มที่ดูบอบบางเหมือนลมพัดก็ล้มได้เช่นนี้จะเดินไหวหรือไม่ ? ’

เจ้า…ไหวหรือไม่ ? หรือรอให้ข้าลงเขามาแล้วค่อยไปในเมืองอีกที ?

หลินเว่ยเว่ยมีเจตนาดี ทว่าเจียงโม่หานได้ยินแล้วเหตุใดจึงรู้สึกไม่สบายใจถึงเพียงนี้ ?

นางถามเขาที่เป็นบุรุษว่า ‘ไหวหรือไม่ ? ’ ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนดูถูกซึ่งเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก !

ดูเจ้าสิ ! ไปในเมืองต้องเดินทางหลายสิบลี้ อาการบาดเจ็บที่ศีรษะก็ยังไม่หายดี ข้าแค่เป็นห่วงเท่านั้น เหตุใดเจ้าต้องโกรธด้วย ? เจ้าดูตนเองสิ ทำสีหน้ามืดมนยิ่งกว่าท้องฟ้าเดือนหกเสียอีก ! หลินเว่ยเว่ยรู้สึกแปลกใจ

เจียงโม่หานทำหน้าเย็นชาแล้วตอบนางว่า ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ออกเดินทางตอนนี้ก็จะทันเกวียนส่งฟืนจากหมู่บ้านปาหลีเข้าตัวเมืองพอดี สามารถขอติดเกวียนของพวกเขาไปได้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง !

เช่นนั้น…เจ้าก็ระมัดระวังด้วย เจ้าบาดเจ็บตรงท้ายทอย ทางที่ดีก็ไปให้หมอที่โรงหมอของเมืองลองตรวจดูสักหน่อย สมองที่เจ้าใช้ท่องตำรานี้อย่าปล่อยให้มีโรคตามมาทีหลัง ! เงินที่ควรจ่ายจะเสียดายไม่ได้ ! หลินเว่ยเว่ยพูดมากกว่ามารดาของเขาเสียอีก นางกำชับเตือนเสียเป็นชุด

นางเฝิงที่ถือตะกร้าไม้ไผ่อยู่ด้านข้างมองบุตรชายที่มีสีหน้าทนไม่ได้แล้วยิ้มยินดีให้แก่ความโชคร้ายของบุตรชาย

เจียงโม่หานมีสีหน้าเย็นชามากกว่าเดิมและสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปโดยไม่รอให้หลินเว่ยเว่ยกล่าวจบ

หลินเว่ยเว่ยทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาไล่ตามหลังเขาไป

หึ กล้าเรียกข้าว่า ‘เด็กอ้วน’ มิใช่หรือ ? เจ้าคนน่ารำคาญ !

เด็กสาวอารมณ์ดีนำกลุ่มชาวบ้านกว่าสามสิบคนมายังหุบเขาที่ได้สำรวจเป็นอย่างดีแล้วเมื่อวาน ผักป่าข้างในมีอยู่ไม่น้อยและไม่พบร่องรอยของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่

นางอาศัยช่องว่างขณะที่ทุกคนกำลังกระตือรือร้นในการเก็บผักป่าไปวางบ่วงดักสัตว์อีกครั้งและทำการเทน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณลงพื้นที่ใกล้เคียง

ฝนไม่ตกหนึ่งวันภัยแล้งก็ไม่ได้รับการบรรเทา การกักตุนผักป่านี้เป็นเพียงการรับประกันว่าจะไม่อดตายในฤดูหนาวอันแสนยาวนานเท่านั้น แต่จุดประสงค์ของหลินเว่ยเว่ยคือไม่ใช่แค่กินอิ่มเพราะต้องกินอย่างดีด้วย ! นางมีพื้นที่สามารถเก็บความสดใหม่ของทุกสรรพสิ่งอยู่ในมือแล้วเหตุใดจะไม่เก็บสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ให้มากขึ้น ? เพียงเท่านี้ครอบครัวของนางก็จะได้ทานแต่ของดีแล้ว

หลังวางบ่วงเรียบร้อยแล้ว นางก็ไปให้อาหารเจ้าหมาป่าที่บาดเจ็บอีกครั้ง หลินเว่ยเว่ยเดินไปรอบภูเขาทำให้นางเจอต้นชิงอีกหลายต้นซึ่งรสชาติเทียบไม่ได้กับต้นนั้น แต่หากนำมาทำผลไม้เชื่อมรสชาติก็ไม่แตกต่างกันมากนัก

หลินเว่ยเว่ยเก็บผลชิงที่สุกกำลังดีจากต้นนั้นลงมาจนหมด จากนั้นนางก็เก็บมันไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณซึ่งหลือไว้ด้านนอกแค่หนึ่งตะกร้าเท่านั้นและนางได้ใช้ผักป่าคลุมไว้ที่ด้านบนดังเดิม

นางแบกผลชิงขึ้นหลังแล้วเดินกลับมาบริเวณที่วางบ่วงเอาไว้ ตรงนั้นมีพุ่มไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนกิ่งไม้ทำเสื้อผ้าขาด นางจึงต้องใช้ไม้แหวกพุ่มหญ้าที่ขึ้นรกเพื่อเปิดทาง

เอ๋ ? ต้นไม้ตรงหน้านั้น…ผลเล็กสีแดงสด ใบเป็นวงรีคล้ายไข่ ตรงขอบมีรอยหยักเล็ก ๆ รวมกันเป็นรูปฝ่ามือ หากนางจำไม่ผิด มันต้องเป็นโสมคน1แน่นอน !

ว้าว ! โสมคน ! คาดไม่ถึงว่านางจะพบโสมคนของจริง ! นางหวนนึกถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโสมคนซึ่งเคยเห็นก่อนหน้านี้ การดูอายุของโสมและหลักสำคัญคือดูผ่านใบของมัน

โสมที่มีอายุห้าถึงสิบปีจะมีใบซ้อนห้าใบรูปมือหนึ่งกิ่ง อายุสิบถึงยี่สิบปีจะมีใบซ้อนรูปมือสองกิ่ง อายุสามสิบปีมีสามกิ่งและห้าสิบถึงแปดสิบปีจะมีใบซ้อนรูปมือสี่ถึงห้ากิ่ง…

ในบรรดาโสมคนทั้งหมด โสมที่มีใบซ้อนห้ากิ่งถือเป็นใบลำดับห้าที่หาได้ยาก แต่โสมคนตรงหน้านี้มีใบซ้อนรูปมือถึงหกกิ่งและก็เป็นใบลำดับหกในตำนานด้วย เช่นนั้นหมายความว่าโสมต้นนี้มีอายุเกินหนึ่งร้อยปีอย่างแน่นอน ! !

หลินเว่ยเว่ยปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะไปโดนรากฝอยของโสม ดังนั้นนางจึงขุดรอบ ๆ ให้กว้างเป็นพิเศษแล้วเก็บโสมเข้าไปไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณทั้งหมด นี่เป็นของดี หากถูกผู้อื่นพบเข้าก็เกรงว่าจะมีปัญหาเพิ่มเข้ามาได้

นางเงยหน้ามองความเขียวขจีรอบ ๆ ไม่ว่าจะโสมคนเอย ภูเขาใหญ่ทอดยาวนับพันลี้เอย เขากวางอ่อน กลิ่นชะมดหรือหลิงจือเอย…ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้กำลังกวักมือเรียกหานาง

ไอหยา นี่ถือเป็นคลังสมบัติอย่างแท้จริง !

แต่นางยังมีสติสัมปชัญญะ แม้ว่านางเคยล้มหมูป่าหรือไล่หมีดำ แต่ในหุบเขาที่กว้างใหญ่ยังมีอันตรายมากมายที่ไม่รู้ เช่น เสือร้าย ฝูงหมาป่า งูพิษ…และนางไม่ได้มองว่าตนเก่งจนไม่สนใจสิ่งใด หากอยากมีชีวิตที่ดีก็จะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ต้องระวังตัว !

เมื่อกลับถึงสถานที่วางกับดักเอาไว้ วันนี้ถือว่านางเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว นางดักได้กวางโตเต็มวัยตัวหนึ่ง มันดิ้นจนทำให้บ่วงที่คอยิ่งรัดแน่นขึ้นคล้ายกับมันใกล้ขาดใจตายเต็มทน

หลินเว่ยเว่ยเอากวางที่ใกล้ตายเก็บเข้ามิติน้ำพุวิญญาณและเก็บกระต่ายป่าสองตัวพร้อมโกวหวน2อีกหนึ่งตัวเข้าไปด้วย นางเหลือกระต่ายตัวหนึ่งเอาไว้ ส่วนตัวอื่นถูกจับใส่ในมิติทั้งหมด

1 โสมคน หรือ เหรินเซิน เป็น 1 ใน 4 สมุนไพรเทวดาที่ได้รับการกล่าวขานและมีประวัติที่ใช้ในการรักษาโรคและช่วยชีวิตมายาวนานกว่า 4000 ปี สมุนไพร 4 อย่างที่ได้รับสมญานามว่า สุดยอดสมุนไพรเทวดา ได้แก่ โสมคน, โส่วอู, หลิงจือและราแมลง ( ตงฉงเซี่ยเฉ่า )

2 โกวหวน คือ เป็นชื่อสามัญของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด ในอันดับสัตว์กินเนื้อที่อยู่ในวงศ์เพียงพอน

ตอนต่อไป

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท