ตอนที่ 72 เขยในอุดมคติ
หึ ! ถือว่าเจ้ารู้จักประมาณตน ! บัณฑิตหนุ่มผู้เย่อหยิ่งสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินลงจากเขา ‘ต้องระมัดระวังเด็กไร้สาระผู้นี้ให้ดี หากไม่ระวังอาจเสี่ยงโดนทุบตีได้อีก เด็กคนนี้ต้องตั้งใจอย่างแน่นอน ! โอย…เจ็บ ! ! ’
หลินเว่ยเว่ยมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ‘กล้าลวนลามข้า ตบะเจ้ายังแกร่งไม่พอ ! ’
เมื่อไม่มีบัณฑิตหนุ่มคอยเกะกะรกหูรกตาแล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงนำน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณออกมา จากนั้นก็รดพืชผลในแปลงนาพร้อมฮัมเพลงเดินมุ่งหน้ากลับบ้าน
พอกลับถึงบ้านแล้ว นางหวงก็จัดการกับหัวหมูเรียบร้อย หลินเว่ยเว่ยจึงนำเครื่องปรุงที่ผสมไว้ออกมาแล้วเริ่มตั้งหม้อตุ๋นหัวหมูทันที
เมื่อคิดได้ว่าบุตรสาวไปในเมืองทั้งวันแล้วยังออกไปรดน้ำพืชในนาอีกย่อมเหนื่อยมากแน่นอน นางหวงจึงบอกกับหลินเว่ยเว่ยว่า เจ้าไปพักเถิด แม่ทำเอง !
การตุ๋นหัวหมู นอกจากเครื่องปรุงแล้วยังต้องมีการควบคุมความร้อนด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางหวงผู้มีฝีมือทำอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลินเว่ยเว่ยแค่นั่งคอยสั่งการอยู่ด้านข้าง ส่วนนางหวงก็เป็นผู้ตุ๋น สองแม่ลูกช่วยกันอย่างเข้าขาเป็นอย่างดี
ไม่นาน กลิ่นหอมเข้มข้นของหัวหมูตุ๋นก็โชยออกมาจากห้องครัวจนนางเฝิงที่กำลังเก็บผลชิงอบแห้งก็อดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้ว่า เสี่ยวเว่ย วันนี้ทำอะไรทานหรือ ?
ข้าซื้อหัวหมูมาจากในเมือง เย็นนี้เลยนำมาตุ๋น ท่านอย่าเพิ่งรีบนอน รอตุ๋นเสร็จแล้วข้าจะเอาไปให้ท่านหนึ่งจานเพื่อเป็นอาหารมื้อดึกให้บัณฑิตน้อย ! หลินเว่ยเว่ยตอบพร้อมยิ้มจนตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
นางเฝิงอดหยอกล้อไม่ได้ เหตุใดกัน ? เหตุใดจึงให้แค่บัณฑิตน้อยของเจ้าได้ทาน ไม่มีให้แม่ของเขาบ้างหรือ ?
ใต้ต้นพลับ เจียงโม่หานที่ถือตำราก็แสร้งทำไม่รับรู้ แต่ในความเป็นจริงได้ถูกกลิ่นหอมของหัวหมูตุ๋นล่อลวงไปตั้งนานแล้ว…
เขารู้สึกราวกับว่าถูกขาย ! นี่คือมารดาของเขาจริงหรือ ?
หากเป็นเด็กผู้หญิงคนอื่นคงอายจนไม่กล้าเงยหน้า ทว่าพอเป็นหลินเว่ยเว่ยกลับไม่เป็นอันใด นางทำปากมุ่ยแล้วหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็กล่าวว่า น้าเฝิง บัณฑิตน้อยเป็นคนของข้าตั้งแต่เมื่อใด ? คำกล่าวนี้ของท่านอย่าไปเอ่ยให้เด็กผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านได้ยินเชียว มีหวังข้าได้ถูกพวกนางฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่ !
นางหวงตีบนไหล่ของบุตรีเล็กน้อยแล้วกล่าวกับนางเฝิงว่า เจ้าเป็นคนแก่เช่นนี้หรือ ? แม้แต่ลูกชายของตนยังหยอกล้อได้อีก คำพูดเหล่านี้อย่าไปพูดให้ผู้ใดได้ยินเชียวเพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดได้
ตอนเขาอายุยังน้อยก็สอบติดถงเซิง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาป่วยระหว่างสอบก็ไม่แน่ว่าเขาอาจกลายเป็นผู้สอบชิงตำแหน่งซิ่วไฉซึ่งอายุน้อยที่สุดไปแล้ว ! ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวแห่งนี้ เจียงโม่หานถือเป็นเขยเต่าทองคำ1เหนือชั้นที่เปล่งประกายระยิบระยับทำนองนั้นเลยก็ว่าได้
ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไหร่ที่มาทดสอบความในใจของนางเฝิงและอยากยกบุตรสาวให้ ซึ่งทุกคนต่างถูกนางเฝิงอ้างว่าบุตรชายอายุยังน้อยและอ้างว่ากำลังมุ่งมั่นเรื่องเตรียมสอบเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนางหวงและนางเฝิงดีที่สุด แต่นางไม่เคยคิดเรื่องเกี่ยวดองกับครอบครัวของนางเฝิงมาก่อน เจียงโม่หานเป็นบุรุษหนุ่มอนาคตไกล แม้ในสายตาของนางแล้ว แม้บุตรสาวจะดีไปหมด ทว่านางเข้าใจดีและตระหนักได้ว่าบุตรสาวไม่คู่ควรกับเขา
ครอบครัวของนางก็มีบุตรชายที่กำลังเรียนอยู่ หากบุตรชายสอบติดซิ่วไฉ นางจะหาสาวชาวบ้านให้บุตรชายหรือไม่ ? พอเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว นางหวงจึงไม่ได้คาดหวังอันใดมาก
นางเฝิงมองหลินเว่ยเว่ยก็เห็นว่าเด็กสาวผอมลงและใบหน้าก็นับวันค่อย ๆ งดงามขึ้น ไหนจะผิวนุ่มละเอียดสีเหมือนข้าวสาลีต้นสมบูรณ์ แขนขาเรียวยาว ขึ้นเขาก็ล่าหมาป่าได้ ลงเขาก็ไถนาเป็น ออกจากห้องก็เข้าครัว อีกอย่างนิสัยยังน่าสนใจถึงเพียงนี้ นางอยากขโมยเด็กคนนี้ไปเป็นลูกสะใภ้เสียจริง !
นางเฝิงหันไปมองยังบุตรชายที่ก้มหน้าอ่านตำรา เฮ้อ ! นิสัยของหานเอ๋อร์ไม่น่าสนใจเช่นนี้ แถมยังเป็นหนอนหนังสือ บางทีสาวน้อยอาจไม่สนใจก็เป็นได้ แต่ว่า…เหตุใดเมื่อครู่จึงปฏิเสธอย่างรีบร้อนกันเล่า ?
หลินเว่ยเว่ยช่วยนางเฝิงเก็บผลชิงอบแห้งลงกระบุง เนื้อผลชิงที่แห้งดีแล้วมีน้ำหนักถึงเจ็ดสิบแปดสิบชั่ง พรุ่งนี้ต้องเอาไปส่งในเมือง ไม่รู้ว่าที่ร้านของอาเถียนจะรับซื้อผลไม้อบแห้งจำนวนมากเช่นนี้ได้หรือไม่…
นางเฝิงช่วยเด็กสาวขนผลชิงอบแห้งไปที่ห้องฝั่งตะวันตกแล้วกล่าวกับนางว่า ร้อนเช่นนี้เจ้าซื้อของคาวมาเยอะ ไม่กลัวว่าจะทานไม่หมดแล้วเสียเอาหรือ ?
จริงสิ ! เกือบลืมไปเลย ! หลินเว่ยเว่ยยิ้มแล้วเดินมาที่ลานบ้าน จากนั้นก็บอกกับนางหวงและเจ้าหนูน้อยว่า ข้าจะเล่นมายากลให้พวกท่านดู…
เจ้าหนูน้อยถามด้วยแววตาเป็นประกาย พี่รอง มายากลคือสิ่งใดหรือ ?
มันก็คือ…การแสดงชนิดหนึ่ง ! หลินเว่ยเว่ยมองไปทางบัณฑิตหนุ่ม
‘แย่แล้ว เผลอหลุดคำศัพท์สมัยใหม่ออกไปอีกแล้ว เด็กคนนั้นต้องสงสัยแน่ ไม่เป็นไร จะเป็นหรือตายฉันก็ไม่ยอมรับ เช่นนั้นเขาจะทำอะไรฉันได้ ? ’
หลินเว่ยเว่ยเอาถังใส่น้ำใบใหญ่ออกมาแล้วนำดินประสิวที่ซื้อมาจากร้านขายยาสมุนไพรวันนี้ใส่ลงไปตามสัดส่วนที่แน่นอนแล้วหยิบเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ซึ่งด้านในมีน้ำเต็มอยู่มาหนึ่งใบ ผ่านไปสักพักนางก็เรียกนางเฝิงและเจ้าหนูน้อยมาดู อย่ากะพริบตา ช่วงเวลามหัศจรรย์มาถึงแล้ว
ว้าว ! พี่รอง เย็นสบายจัง ! เจ้าหนูน้อยเอาหน้าไปแนบกับถังไม้ก็พบว่าน้ำในถังเดิมทีตากแดดจนอุ่น บัดนี้เริ่มเกิดความเย็นขึ้นมา จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ใส่ดินประสิวลงในน้ำอีกเล็กน้อย แล้วน้ำก็ค่อย ๆ แข็งตัวเป็นชั้น…
สวรรค์ ! คาดไม่ถึงเลยว่าน้ำจะสามารถรวมตัวกันเป็นน้ำแข็งได้ นางเฝิงอุทานออกมา ‘เสี่ยวเว่ยทำได้เช่นไร ? นางเป็นเทพธิดาหรือ ? ’
ไม่รู้ว่าเจียงโม่หานมาถึงข้างถังน้ำตั้งแต่เมื่อใด เขามองน้ำที่กำลังเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งพลางขมวดคิ้วแล้วถามว่า เจ้าซื้อดินประสิวมาเพื่อทำสิ่งนี้น่ะหรือ ?
น้ำที่อยู่ในเครื่องปั้นดินเผาได้กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว หลินเว่ยเว่ยใช้กระบวยตักออกมาหนึ่งถ้วยเล็กแล้วเทบนน้ำเชื่อมของผลชิงป่าต้ม จากนั้นก็ใส่ผลชิงที่เพิ่งต้มเสร็จลงไปแล้วนางก็ส่งให้เจ้าหนูน้อย นางหัวเราะคิกคักและหันไปมองเจียงโม่หาน ถ้าไม่เอามาทำน้ำแข็ง แล้วเจ้าจะให้ข้าเอามาทำดินปืนหรือ ?
ดวงตาที่เย็นชาของเจียงโม่หานเปล่งประกายขึ้นมา ในชาติก่อนเพื่อช่วยเหลือฮ่องเต้ล้มล้างกบฏ เขาจำเป็นต้องเสาะหาทหารและคนแปลกหน้าไม่รู้ตั้งเท่าไรมาทดลองและไม่รู้ว่าตายไปเท่าไหร่ถึงจะสามารถผลิตดินปืนใช้ในสนามรบได้ หากนางไม่ใช่คนที่กลับชาติมาเกิดแล้วจะรู้จัก ‘ดินปืน’ ได้อย่างไร ? ดีล่ะ ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาให้ข้าเห็นจนได้ !
มัวแต่คิดอันใดอยู่ ? รีบรับไปสิ ! ทานสักถ้วยเพื่อดับร้อน หลินเว่ยเว่ยนำถ้วยน้ำแข็งใส่ไว้ในมือของบัณฑิตหนุ่ม น้องสี่ เจ้าทานอีกไม่ได้แล้ว! ตอนเย็นเจ้าทานซี่โครงหมูไปเยอะมาก อีกประเดี๋ยวก็ต้องทานหัวหมูตุ๋นอีก เจ้าไม่กลัวแน่นท้องหรือ!
เจียงโม่หานใช้ช้อนตักน้ำแข็งเข้าปากแล้วถามอย่างเรียบเฉยว่า เจ้าทำดินปืนเป็นหรือ ?
ชาติก่อน ในอึดใจสุดท้ายก่อนที่เขาจะตาย สูตรการผสมดินปืนถูกเขากุมเอาไว้อย่างแน่นหนา ผู้อื่นไม่มีทางรู้แน่นอน !
เหมือนจะเป็น…กำมะถัน ดินประสิว ถ่านอะไรทำนองนี้ ผสมตามสูตรที่ตายตัว…ส่วนเรื่องที่ว่าทำเช่นไรข้าไม่รู้หรอก ! ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็รู้ตัว
โลกนี้มีดินปืนหรือ ? บัณฑิตหนุ่มคงไม่ได้กำลังหลอกถามนางอยู่ใช่หรือไม่ ? เขายิ่งเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย หากไม่ระวังอาจถูกเขาจับได้แน่
เจียงโม่หานตกใจเล็กน้อย ‘เป็นไปไม่ได้ ! นางขโมยสูตรของข้ามาจากที่ใด ? นอกจากคนสนิทที่ไว้ใจได้สองสามคนก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าในดินปืนมีกำมะถันและถ่าน…คนสนิทสองสามคนก็ล้วนเป็นบุรุษ ! หรือสูตรผสมดินปืนจะรั่วไหลออกมาหลังจากที่เขาตาย ? ’
1 เขยเต่าทองคำ หมายถึง เขยผู้ร่ำรวยและตรงตามอุดมคติทุกอย่าง เนื่องจากเต่าทองเป็นสัญลักษณ์ประจำตำแหน่งของขุนนางชั้นสูงในสมัยราชวงศ์ถัง
ตอนต่อไป