คุณชายผู้สูงส่งเมื่อเห็นถึงความ ‘โง่เขลา’ ของนางจึงล้มเลิกความคิดที่จะรับมาเป็นบ่าว เขากล่าวกับผู้ติดตามของตนว่า พานางไปซื้อธัญพืชที่ร้าน ส่วนกวางตัวนี้ข้าจะเอาไปก่อน !
กล่าวจบเขาก็หิ้วกวางไว้ในมือแล้วควบม้าเข้าเมืองทันที ขณะที่ผู้ติดตามของคุณชายกำลังจะขึ้นม้าก็ถูกคนดึงเสื้อไว้จากด้านหลังจนเขาเกือบล้มกลิ้งลงกับพื้น
ยังไม่ให้ธัญพืชเลย เจ้ายังไปไม่ได้ ! หลินเว่ยเว่ยดึงเสื้อของผู้ติดตามเอาไว้แน่น
ผู้ติดตามของคุณชายโกรธจนอยากชกใครสักคน แต่ด้วยกำลังของเด็กโง่ทำให้เขาหวาดกลัวเช่นกัน เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า หากต้องการธัญพืชก็ต้องไปที่ร้านขายธัญพืชสิ เจ้ามาดึงข้าไว้เช่นนี้แล้วข้าจะเอาธัญพืชออกมาจากอากาศได้หรือ ?
…ถึงอย่างไรก่อนข้าจะได้ธัญพืชมาก็ปล่อยเจ้าไปไม่ได้หรอก ! หลินเว่ยเว่ยยืนยันเสียงแข็ง
ผู้ติดตามจนปัญญาจึงจูงม้าเดินนำหน้าไป ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็ดึงเสื้อของเขาไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ดึงรถลากตามหลังไป ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเดินตามทั้งสองคนอย่างสนใจเพราะเรื่องเหล่านี้สามารถเติมเต็มหัวข้อสนทนาหลังมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
ภายใต้การนำทางของผู้ติดตามคุณชายบ้านนายอำเภอ หลินเว่ยเว่ยจึงซื้อธัญพืชได้อย่างราบรื่น ธัญพืชในเมืองจิงหยุนขึ้นราคาแล้ว ทว่าไม่ได้ขึ้นมากนัก ไม่เหมือนกับเขตเริ่นอันที่ราคาธัญพืชขึ้นชนิดรายวัน
แป้งหมี่คุณภาพดี 1 ชั่งราคา 15 อีแปะ, ข้าว 1 ชั่งราคา 23 อีแปะ, แป้งข้าวโพดและธัญพืช 1 ชั่งราคา 10 อีแปะ ซึ่งราคาธัญพืชในเขตเริ่นอันตอนนี้ถือว่าแพงกว่าที่นี่ถึงหนึ่งเท่าตัว
หลินเว่ยเว่ยได้ซื้อแป้งหมี่ 500 ชั่ง ข้าว 200 ชั่งและแป้งข้าวโพดอีก 500 ชั่ง ทั้งหมดใช้เงิน 17 ตำลึง เสบียงที่หนักหนึ่งพันกว่าชั่งจำนวนหนึ่งคันรถลาก หากเป็นเขตเริ่นอันต่อให้มีเงิน 30 ตำลึงก็คงซื้อไม่ได้
วันนี้นางสามารถประหยัดเงินได้สิบกว่าตำลึงเลยทีเดียว คิดถูกแล้วที่มา ! หลินเว่ยเว่ยลากรถที่เหมือนภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งอย่างมีความสุขเข้าสู่ตรอกแสนเปลี่ยว นางกอดอกแล้วเอนตัวไปใกล้กับเสบียงราวกับว่ากำลังรอสิ่งใดอยู่
ทันใดนั้นนางก็เอ่ยปากขึ้นว่า ออกมา ! เจ้าคนลับล่อที่ตามข้ามาตลอดทาง เจ้ารอให้ข้าอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ ? ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้วยังมัวรออันใดอีก ?
ผู้ติดตามของคุณชายท่านนั้นได้ร่วมมือกับอันธพาลในเมืองอีกสองคน มือของพวกมันถือไม้ไว้คนละอันแล้วย่องมาหานางจากด้านหลัง
เจ้าเด็กโง่ ! เจ้าทำให้ข้าต้องขายหน้าต่อคุณชาย วันนี้อย่าคิดว่าจะจากไปอย่างราบรื่นเลย ! เขาโบกไม้หนาเท่าแขนไปมาแล้วกล่าวพร้อมแสยะยิ้ม
หลินเว่ยเว่ยดึงไม้ออกจากรถลากอย่างเชื่องช้า นางตีบนมือเบา ๆ แล้วหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ที่เจ้าขายหน้าก็เพราะว่าเจ้ามันไร้ประโยชน์ ! ข้าขอเตือนด้วยความหวังดีว่าให้จากไปอย่างว่าง่ายจะดีที่สุด เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้แค่ขายหน้าแน่นอน !
อันธพาลรับเงินจากผู้ติดตามของคุณชายมาแล้วจึงแสดงออกอย่างกระตือรือร้น เจ้าเด็กเลว อายุยังน้อยแต่ฝีปากไม่เบาเลย เจ้ามากวนโทสะพี่หลิวของพวกเรา วันนี้อย่าคิดจากไปอย่างง่ายดายเลย
ขอโทษ พอดีข้าไม่ชอบสิ่งใดที่ง่ายด้วยสิ ! หลินเว่ยเว่ยทำท่าทางเหมือนผู้เล่นกีฬาเบสบอล นางควงไม้ในมืออย่างเอาเรื่อง ในเมื่อเจ้าชอบเช่นนี้ก็ถือว่าเจ้ายินยอมเอง !
กล่าวจบนางก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วใช้ไม้ในมือฟาดไปยังมือที่ยื่นออกมาของอันธพาลซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นิ้วที่จับไม้อยู่นั้นเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกและไม้ในมือของมันก็หลุดกระเด็นลอยผ่านกำแพงของตรอกหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
อีกสองคนยกไม้ขึ้นสูง จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาหลินเว่ยเว่ย นางคว้าไม้ของคนหนึ่งเอาไว้แล้วใช้ไม้ของตนกั้นไม้จากอีกคนไว้ มือของอันธพาลชาจนจับไม้เอาไว้ไม่อยู่
หลินเว่ยเว่ยบิดเบา ๆ ไม้ในมือของอันธพาลก็หักออกเป็นสองท่อน มันลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดกลัว พวกมันคาดไม่ถึงเลยว่าไม้ที่หนาจะถูกเจ้าเด็กผู้นี้หักอย่างง่ายดาย หากต่อไปมาบิดที่แขนของมัน…เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันก็หนาวสั่นไปทั้งกาย ตอนนี้ไม่อยากนึกถึงผลที่ตามมาเลย
คิดหนีหรือ ? หลินเว่ยเว่ยสัมผัสได้ถึงความขี้ขลาดของอีกฝ่าย นางจึงยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวว่า สายไปแล้ว !
นางจงใจกำคอเสื้อของผู้ติดตามเอาไว้แน่นแล้วยกขึ้นสูงเหนือศีรษะ จากนั้นนางก็ยิ้มอย่าง ‘ชั่วร้าย’ ใส่อันธพาลคนที่สอง ทำให้อันธพาลคนที่สองตกตะลึงจนร้องไห้ออกมาราวกับมีผีไล่ตามหลังอยู่ มันจึงรีบวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
หลินเว่ยเว่ยมองไปที่อันพาลคนแรกซึ่งนิ้วมือข้างขวาฉีกขาด มันกลัวจนแทบถ่ายเบาออกมา นี่…พี่หลิวไปทำผิดต่อใครเข้า ! มือของเจ้าเด็กที่ยกคนมีชีวิตเอาไว้เหมือนยกลูกไก่ พละกำลังนี้ไม่ใช่ความสามารถระดับคนธรรมดาทั่วไป เป็นจอมยุทธ์หรือ ? พี่หลิวนะพี่หลิว ครั้งนี้ถือว่าท่านเตะโดนแผ่นเหล็กแล้วล่ะ น้องชายคนนี้จนปัญญาช่วยเหลือจริง ๆ
อันธพาลคนแรกแสยะยิ้มอย่างแข็งทื่อไปยังหลินเว่ยเว่ย จากนั้น…
หลินเว่ยเว่ยมองอันธพาลที่วิ่งหนีไปไกล จากนั้นนางก็กล่าวว่า นี่เจ้าคบสหายเช่นใด ? ไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย !
คุณชายโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ท่านจอมยุทธ์ ท่านผู้สูงศักดิ์… เขาโดนรัดคอเสื้อจนหายใจแทบไม่ออกราวกับปลาที่ถูกแขวนพลางร้องอ้อนวอนอย่างขมขื่น
คนอย่างเจ้า ข้าเจอมาเยอะแล้ว ! ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็เป็นหลานชาย ต่อหน้าคนที่อ่อนแอก็ทำตัวเป็นสุนัขบ้า ข้าเพิ่งเตือนสติเจ้าไปว่าหากทำผิดต่อข้าแล้วจะไม่แค่ขายหน้าเท่านั้น ! หลินเว่ยเว่ยคิดอยากลองเป็นจอมยุทธ์หญิงผู้ผดุงความยุติธรรมบ้างแล้ว
พอเขาได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่านางจะปลิดชีวิตน้อย ๆ ของตน ทันใดนั้นเป้ากางเกงของเขาก็เปียกชื้นขึ้นมาทันที จากนั้นก็มีเสียงปัสสาวะไหลลงมาตามหว่างขา ทำให้หลินเว่ยเว่ยรีบโยนเขาออกไปไกลราวกับกระสอบทราย เฮ้ย ! ประเดี๋ยวก็ทำชุดข้าเปื้อนกันพอดี !
เขาหล่นลงพื้นอย่างแรงจนเจ็บที่หน้าอกและรู้สึกราวกับว่าร่างกายกระจุยกระจายออกจากกัน เขาตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้นอยู่นานแต่ก็ลุกไม่ขึ้น
หลินเว่ยเว่ยเดินมาตรงเบื้องหน้าของอีกฝ่ายแล้วชายตามอง จากนั้นก็กล่าวว่า วันนี้ถ้าเป็นผู้อื่นคงโดนเจ้าตีและอาจรักษารถลากธัญพืชเพื่อเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัวไว้ไม่ได้ ! ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร ?
ท่านจอมยุทธ์โปรดไว้ชีวิต ข้าน้อย…ข้าน้อยเพียงคิดจะสั่งสอนเท่านั้น…ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายและปล้นเสบียง โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิดท่านจอมยุทธ์ ! เขาดูเหมือนสุนัขจนตรอกที่ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นจากพื้น
หลินเว่ยเว่ยเหยียบไปที่ขาของอีกฝ่าย หากเจ้ากล้าทำร้ายคนจริง ๆ ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ ?
อยู่นี่ ! ผู้ติดตามของคุณชายบ้านนายอำเภอโดนคนชั่วข่มขู่ รีบมาช่วยเร็ว ! เสียงของอันธพาลคนที่สองดังมาจากปากทาง
หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วแล้วเตะไปที่ขาของอีกฝ่ายเบา ๆ ทำให้เขาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมานจนหมดสติไป
เจ้าหน้าที่ศาลซึ่งถูกอันธพาลคนที่สองเรียกมา พอได้ยินเสียงร้องจึงรีบปรี่เข้ามาและทำให้ปากทางเข้าตรอกเบียดเสียดแออัดอยู่ไม่น้อย
หลินเว่ยเว่ยจึงรีบเก็บรถลากกระดานแล้วหายตัวเข้าไปในมิติน้ำพุวิญญาณอย่างรวดเร็ว
ในมิติน้ำพุวิญญาณ ข้าวสาลีกำลังออกรวง ข้าวโพดก็สูงขนาดเท่าคน อีกฝั่งของน้ำพุวิญญาณมีกระต่ายป่ากระโดดโลดเต้นบนทุ่งหญ้า กวางแต่ละสายพันธุ์มองกันเป็นพวกเดียวทั้งหมด พวกมันเดินสบายในทุ่งหญ้า ขณะที่เจ้าเทานอนหมอบอยู่ข้างน้ำพุ พอมันได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ใบหูก็ขยับ ดวงตาเบิกกว้างมองมาที่นางและเมื่อเห็นว่าเป็นหลินเว่ยเว่ย มันจึงฟุบลงไปใหม่อีกครั้ง
ตอนต่อไป