ตอนที่ 85 งู ตรงนั้นมีงู !
วันนี้ถือว่านางโชคดีไม่น้อยเพราะได้ทั้งกวางและโสมมาครอง ! หลินเว่ยเว่ยจึงลูบศีรษะเจ้าเทาด้วยความเอ็นดูแล้วกล่าวว่า “เจ้าทำได้ดีมาก ! เจ้าบอกมาสิว่าอยากได้สิ่งใดเป็นรางวัล ? ”
เจ้าเทาสะบัดศีรษะออกอย่างไม่สบอารมณ์ ‘เจ้ามนุษย์ใจกล้า คิดว่าศีรษะของจ่าฝูงจะยอมถูกผู้อื่นลูบเอาง่าย ๆ หรือ ? ’
มันสะบัดศีรษะออกจากมือของหลินเว่ยเว่ย จากนั้นก็วิ่งลงภูเขาไป
‘รักษาระยะห่างกับเจ้ามนุษย์ใจกล้าผู้นี้หน่อยก็ดี จะได้ไม่ต้องกลายเป็นสุนัขสัตว์เลี้ยงของพวกมนุษย์ ! ’
จนกระทั่งมาถึงทางลงสู่ตีนเขา เจ้าเทาก็หยุดฝีเท้าลง หลินเว่ยเว่ยเห็นเช่นนั้นก็คาดเดาบางอย่างได้ทันที “เจ้า…เจ้าไม่ลงเขาพร้อมข้าหรือ ? แต่จะว่าไปแล้วตอนนี้เจ้ากลายเป็นจ่าฝูงหมาป่า ดังนั้นผืนป่าต่างหากที่เป็นบ้านเกิดของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด รักษาตัวให้ดี แล้วข้าจะขึ้นมาเยี่ยมเจ้าบนภูเขาเอง ! ”
เจ้าเทาค่อย ๆ หันกลับมามองนางเป็นเวลานาน แล้วมันก็รีบวิ่งเข้าป่าลึกอย่างรวดเร็ว
หลินเว่ยเว่ยเห็นมันวิ่งเข้าไปในป่าแล้วก็ตะโกนส่งมันด้วยน้ำเสียงดังกังวานก้องทั้งป่า “ระวังอย่าไปติดกับดักผู้ใดเข้า อย่าทำร้ายมนุษย์โดยไม่จำเป็น แล้วก็อย่าให้ตนเองได้รับบาดเจ็บอีก”
เมื่อมองไปยังบริเวณที่เจ้าเทาวิ่งหายไปนั้น หลินเว่ยเว่ยพลันรู้สึกใจหายเล็กน้อย แต่ลึก ๆ ในใจของนางรู้สึกมีความสุขมาก ‘ไม่ว่าอย่างไรจ่าฝูงก็ต้องกลับคืนฝูง นางเป็นเพียงมนุษย์ที่เคยผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตหนึ่งของมันเท่านั้น ฮึก ฮืออ…ข้าไม่มีสัตว์เลี้ยงให้ผ่อนคลายจิตใจแล้ว เศร้าเหลือเกิน ! ’
เจียงโม่หานที่นั่งอ่านตำราอยู่ในป่าเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยซึ่งทุกทีเคยร่าเริงมีชีวิตชีวามาโดยตลอด เวลานี้นางกำลังเดินคอตกลงจากภูเขาราวกับทหารที่พ่ายแพ้ในสงคราม ทันใดนั้นในใจของเขาก็มีไฟโทสะปะทุขึ้น ‘ผู้ใดรังแกนาง ? ’
จากนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นเสื้อผ้าด้านหลังของนางที่คล้ายถูกฉีกขาด ทันใดนั้นความโกรธในใจก็ปะทุจนเกือบถึงขีดสุด ‘สรุปแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ ? ข้าจะตัดมือของมันทิ้งเสีย ! ’
“เจ้าเด็กอ้วน ! ” เจียงโม่หานจับตำราไว้แน่นแล้วลุกออกจากก้อนหิน เขาพยายามทำเสียงดังเพื่อดึงความสนใจของหลินเว่ยเว่ย ‘ที่ผ่านมา ไม่ว่าข้าจะแอบไปท่องตำราในสถานที่มิดชิดเพียงใด นางก็มักตามหาจนเจอราวกับแมวตามกลิ่น ทว่าวันนี้นางเป็นอันใดไป ? ’
“หืม ? บัณฑิตน้อยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยได้ยินเสียงที่เขาจงใจทำให้ดัง ทันใดนั้นนางก็ตื่นเต้นขึ้นมา “บังเอิญมาก…แต่ข้าคิดว่าไม่น่าบังเอิญถึงเพียงนั้น สารภาพมาเสียดี ๆ ว่าที่เจ้ามักปรากฏตัวตอนข้าลงจากภูเขาเพราะต้องการดึงความสนใจของข้าใช่หรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานมองนางอย่างเอือมระอา
ทั้งแววตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มทีเล่นทีจริงรวมทั้งถ้อยคำแทะโลมของนาง ‘นางยังเป็นเด็กอ้วนหน้าไม่อายคนเดิม ฮึ ข้ากังวลไปเองมากกว่า’
ช้าก่อน เหตุใดข้าต้องห่วงนางด้วย ? นี่ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่นอน ! อาจเพราะข้าคือเจ้านายแสนยอดเยี่ยมที่สุด ต่อให้สัตว์เลี้ยงของตนน่าเกลียดเพียงใดก็จะไม่ยอมให้มันโดนผู้อื่นรังแก ใช่ ! ต้องเป็นเช่นนี้ !
เจียงโม่หานสะบัดแขนเสื้อเพื่อจะนั่งลงอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่เขาได้พบเด็กอ้วนแสนอัปลักษณ์ผู้นี้ เขาต้องสะบัดแขนเสื้อด้วยความขุ่นเคืองบ่อยครั้งกว่าเมื่อชาติก่อนเสียอีก เจ้าเด็กคนนี้ทำให้ข้าโมโหได้เก่งเสียจริง !
“เจ้าอย่าขยับ !” จู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยก็ร้องห้ามด้วยน้ำเสียงประหม่า
เจียงโม่หานเผยสีหน้าหมดความอดทนออกมา “เจ้าคิดจะทำอันใดอีก ? ”
ตอนที่เขาค่อย ๆ หันมาก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หลินเว่ยเว่ยกระโดดใส่พอดี หรือว่าเด็กอ้วนผู้ไม่รู้จักอายคนนี้จะใช้ถ้อยคำแทะโลมเขายังไม่พอ นางยังคิดลงมือกับเขาอีกใช่หรือไม่ ?
อ้อ ! รู้แล้ว ต้องเป็นเพราะเด็กอ้วนคนนี้รู้ว่าเมื่อชาติที่แล้วเขามีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง นางจึงอยากบังคับขืนใจเขาเพื่อในอนาคตจะได้กลายเป็นฮูหยินของหัวหน้าเหล่าขุนนาง เช่นนั้นนางคงไม่ช่วยชีวิตเขาตั้งแต่ตอนได้รับบาดเจ็บครั้งก่อน ไหนจะคิดหาวิธีทำให้มารดาชื่นชอบในตัวนาง ทั้งยังช่วยหาเงินเข้าบ้านตระกูลเจียงอีก ทำให้มารดาของเขาไม่ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนาเหมือนชาติที่แล้ว อืม…ยิ่งคิดก็ยิ่งมีเหตุผล !
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ใช้สายตารังเกียจมองไปยังใบหน้าขาวเนียนเหมือนผิวเด็กของอีกฝ่าย เมื่อชาติที่แล้วมีสตรีเช่นใดบ้างที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ? เขาเจอมาทั้งสตรีที่งามล่มเมือง ที่ชอบออดอ้อนเอาใจ ที่อบอุ่นและสุขุม หรือกระทั่งสตรีมีเสน่ห์เย้ายวน เรือนร่างอรชร…คนอย่างเขาจะถูกนางผู้มีใบหน้ากลมเหมือนเมล็ดแตงล่อลวงได้เช่นไร
เจียงโม่หานคิดว่าตนสามารถมอง ‘แผนร้าย’ ของหลินเว่ยเว่ยได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เหตุใดเขาจะยอมให้นางกระโจนเข้าใส่ตัวด้วยเล่า ? คิดอยากให้ตัวเขาสัมผัสกายนางเพื่อให้เขารับผิดชอบสิท่า ? ไม่มีวันเสียหรอก !
เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าวท่ามกลางสีหน้าตกใจระคนหวาดกลัวของหลินเว่ยเว่ย
กระนั้นเขาก็ยังถอยช้าไปเพราะหลินเว่ยเว่ยกระโจนเข้าใส่แผงอกของเขาอย่างรวดเร็วจนทำเขาเกือบหายใจไม่ออก ‘นางเด็กอ้วนไม่รู้หรือว่าตนมีพละกำลังมากมายเพียงใด ? นางคงคิดว่าหากไม่ได้ตัวเขาก็จะทับเขาให้ตายสินะ ! ’
โอ๊ย…สิ่งใดกัดข้า ? อย่าบอกว่าเด็กอ้วนกัดข้า ?
เจียงโม่หานหันไปถลึงตาใส่หลินเว่ยเว่ยที่เวลานี้กำลังเอาคางเกยบ่าเขาอยู่และทันใดนั้นเขาก็พบว่าในมือของนางกำลังบีบบางอย่างที่มีสีเขียวคล้ายหยกเนื้องาม…งู ?
งู ? เจียงโม่หานเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหตุใดจึงมีงูอยู่ที่นี่ ? ข้าโรยผงกำมะถันสีเหลืองไว้แถวนี้แล้วนี่…ช้าก่อน หากเมื่อครู่เด็กอ้วนไม่ได้กัดข้า เช่นนั้นข้าก็ถูก…เจียงโม่หานตาเหลือก แข้งขาอ่อนพลันล้มตัวลงไป
หลินเว่ยเว่ยบีบตรงจุดชีชุ่น1ของงูเขียวไผ่2 ขณะที่อีกมือก็คว้าเอวของบัณฑิตหนุ่มเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาล้มหัวฟาดก้อนหิน หากเขาล้มหัวกระแทกอีกคราก็มีหวังได้กลายเป็นคนปัญญาอ่อนจริง ๆ แน่ !
เมื่อเห็นว่าบัณฑิตหนุ่มหมดสติไปแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ออกแรงมือข้างที่บีบงูเอาไว้โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมันตัวขาดเป็นสองท่อน ทำอย่างไรดี ? ข้าควรทำอย่างไรดี ? พิษของงูเขียวไผ่รุนแรงเพียงนี้เชียวหรือ ? มันจะทำให้บัณฑิตหนุ่มตายหรือไม่ ? แล้วนางควรทำเช่นไรต่อไป ?
…จริงสิ ! ในละครโทรทัศน์ก็มีฉากให้เห็นตั้งมากมาย ถ้าดูดพิษงูออกมาได้ก็ไม่เป็นอันตรายแล้วใช่หรือไม่ ? นางรีบเปิดเสื้อของบัณฑิตหนุ่ม เผยให้เห็นรอยงูกัดตรงหัวไหล่ของเขา…นางไม่รอช้า รีบจัดการดูดพิษให้เขาทันที
“ไอหยา ! นั่นคือบุตรสาวคนรองของตระกูลหลินไม่ใช่หรือ ? ฟ้าสว่างโร่เช่นนี้ เหตุใดนางยังกล้าทำเรื่องหน้าไม่อายกันเล่า ? สมควรถูกจับโยนใส่คอกหมูเสียจริง ! ” มารดาของเจ้าอ้วนซานเดินลงจากภูเขาและได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนี้เข้าพอดี เมื่อนางหันไปมองก็พบกับฉากที่น่าตื่นเต้นจนดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็รีบวิ่งไปที่หมู่บ้านอย่างรวดเร็วและเอาเรื่องนี้ไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน เพราะไม่มีวันยอมพลาดโอกาสแก้แค้นไปแน่นอน ! เด็กบ้าคนนั้นกล้ามาข่มขู่นางและบุตรชายสุดที่รัก ไม่ว่าอย่างไรนางจะต้องไล่หลินเว่ยเว่ยออกจากหมู่บ้านให้ได้ !
หลินเว่ยเว่ยถุยพิษงูที่ดูดออกมา จากนั้นก็ใช้น้ำในมิติน้ำพุวิญญาณมากลั้วปาก ก่อนจะดูดพิษให้เจียงโม่หานอีกสองรอบแล้วใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณล้างแผลให้เขา
“บัณฑิตน้อย ! บัณฑิตน้อย ! ” หลินเว่ยเว่ยตบแก้มเจียงโม่หานเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเขายังไร้ปฏิกิริยาตอบรับ นางก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาทันที ‘เขาคงไม่ตายเพราะพิษงูใช่หรือไม่ ? ’
นางก้มตัวอุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นก็นึกถึงงูเขียวไผ่ที่เพิ่งฆ่าตาย นางจึงหยิบซากมันขึ้นมาแล้ววิ่งไปตามเส้นทางลงเขา ‘บัณฑิตน้อย เจ้าอดทนอีกนิด ประเดี๋ยวก็จะถึงบ้านของหมอเหลียงแล้ว ! ’
การไปบ้านหมอเหลียงต้องผ่านบ้านอีกกว่าครึ่งหมู่บ้าน บรรดาชาวนาที่กำลังทำไร่ไถนาอยู่ในแปลงนาต่างก็เห็นว่าหลินเว่ยเว่ยกำลังอุ้มบัณฑิตเจียงวิ่งไปทางบ้านหมอเหลียง คล้ายว่าบัณฑิตเจียงหมดลมหายใจไปแล้ว
“เกิดอันใดขึ้น ? บัณฑิตเจียงเป็นอันใด ? ”
“เมื่อครู่นี้มารดาของเจ้าอ้วนซานตะโกนมาตลอดทางเข้าหมู่บ้านโดยบอกว่าบุตรสาวคนรองของตระกูลหลินขืนใจบัณฑิตเจียง นางคงจะไม่…เอาถึงตายใช่หรือไม่ ! ”
“เป็นไปได้ เจ้าดูรูปร่างและพละกำลังของนางก่อนสิ บุรุษทั่วไปจะรับไหวได้อย่างไร…”
“พวกเจ้าสงบปากสงบคำหน่อยไม่ได้หรือ ? เรื่องยังไม่แน่ชัดก็พูดใส่ร้ายสตรีคนหนึ่งเช่นนี้ คิดอยากบีบให้นางฆ่าตัวตายหรือ ! อย่าลืมสิว่าผู้ใดเป็นคนพาพวกเจ้าขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ! ”
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินคนพูดว่าร้ายหลินเว่ยเว่ยก็โกรธจนตัวสั่น นางเกือบจะตบปากคนที่พูดอยู่แล้ว
1 จุดชีชุ่น อยู่บริเวณหลังหัวของงู ถือเป็นจุดตายของงู
2 งูเขียวไผ่ คือ งูเขียวหางไหม้ชนิดหนึ่ง มีพิษอ่อนไม่รุนแรง
ตอนต่อไป