หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 103 เป็นบอยแบนด์ได้เลย

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

“พี่ชาย ท่านทำอันใด ? ” เจ้าหนูน้อยเดินถือตะกร้าใส่หญ้าสดเข้ามาหาอีกฝ่าย จากนั้นก็มองท่าทางที่ออกแรงจนหน้าแดงด้วยความสงสัย

ชายหนุ่มหัวเราะสองคราแล้วกล่าวว่า “หืม ? อ้อ ! ข้าเป็นบ่าวรับใช้ของสหายบัณฑิตเจียงบ้านหลังถัดไป…ข้าว่างจึงมาดูว่าพอจะช่วยอันใดได้บ้าง”

เจ้าหนูน้อยวางตะกร้าลงแล้วช่วยแก้มัดเชือกออกจากกองฟืนพร้อมเอ่ยอย่างมีมารยาทว่า “ขอบคุณพี่ชายยิ่งนัก แต่ไม่ต้องหรอก ประเดี๋ยวข้าช่วยพี่รองเอง ! ”

เจ้าหนูน้อยยกท่อนฟืนออกจากกองสองท่อน จากนั้นก็ลากเข้าไปในบ้านของตน ช่างเป็นเด็กที่ขยันและแข็งแรงเสียจริง

เมื่อกลับมาอีกครา หลินเว่ยเว่ยก็เข้ามาขวางเขาเอาไว้ นางยัดตะกร้าใส่มือเจ้าหนูน้อย “พวกกระต่ายของเจ้าหิวแล้ว ไปล้างหญ้าแล้วเอาให้พวกมันสิ”

พอเอ่ยถึงกระต่ายแล้ว เจ้าหนูน้อยก็หันไปมองกองฟืนด้วยความสับสน เขาอยากช่วยงานแต่ก็กลัวกระต่ายจะหิว เพราะเจ้าตัวเล็กเหล่านั้นทำให้มนุษย์อยากทะนุถนอมเสียจริง

ทันใดนั้นบ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อ้าปากค้างทันที เขารู้สึกตกตะลึงจริง ๆ เพราะเด็กสาวชาวบ้านคนนี้แข็งแรงมาก ท่อนฟืนใหญ่เท่าท่อนขาบุรุษแต่นางยกได้คราละหกเจ็ดท่อนอย่างสบาย ฟืนกองสูงจนเลยศีรษะแล้ว แต่นางดูไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย

บ่าวรับใช้จึงลองดูอีกครา ท่อนฟืนขนาดเดียวกันแต่เขาต้องยกฟืนสองท่อนขึ้นด้วยความพยายามอย่างหนัก ชาวบ้านในหุบเขา…มีแรงเยอะทั้งหมดเลยหรือ ?

เขาใช้สายตาแสนซับซ้อนจ้องมองหลินเว่ยเว่ยที่กำลังขนฟืนเข้าบ้าน พร้อมกันนั้นก็กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า…สตรีเช่นนี้ บุรุษใดจะกล้าแต่งด้วย ? ถ้าไม่ระวังแล้วทำสิ่งใดผิดใจนาง จะไม่โดนนางทุบตีจนลุกไม่ขึ้นเลยหรือ !

“เจ้ารอง สหายของบัณฑิตเจียงมาหา เจ้าขึ้นเขาไปตามหานเอ๋อร์กลับมาให้น้าเฟิงหน่อย” นางหวงเช็ดมือขณะเดินออกมาจากบ้านหลังข้าง ๆ เมื่อเห็นบุตรสาวกำลังแบกท่อนฟืนท่อนสุดท้ายอยู่ นางก็เอ่ยปากทันที

หลินเว่ยเว่ยชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ข้าหรือ ? ภูเขาละแวกหมู่บ้านใหญ่ถึงเพียงนี้ เหตุใดพวกท่านจึงคิดว่าข้าจะหาคนเจอ ?

“ก็ได้เจ้าค่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยวางท่อนฟืนแล้วสวมบทบาทไปทำธุระแทนผู้อื่นโดยการวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือกไปเส้นทางที่ตนใช้ขึ้นเขาประจำ ระหว่างทางที่ขึ้นไปนางก็ตามหาคนไปด้วยและก็เป็นอย่างที่คิดคือวิ่งมาได้ครึ่งเขาแล้วมายังสถานที่เงียบสงัดแห่งหนึ่ง นางก็เห็นบัณฑิตหนุ่มกำลังถือตำราไว้ในมือ ทว่าสายตาไม่ได้อยู่ที่ตำรา

“ดูเจ้าสิ ออกมาชมวิวก็ต้องชมวิวสิ จะถือตำรามาเพื่อเหตุใด ? ” หลินเว่ยเว่ยบ่นอย่างไม่เกรงใจ

เจียงโม่หานกวาดสายตามองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากนั้นก็รีบหันไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้กล่าวอันใด เพียงลุกขึ้นแล้วถือตำราเล่มนั้นไว้ด้านหลังและค่อย ๆ เดินลงจากเขา

มุมปากของหลินเว่ยเว่ยกระตุกขึ้นทันที บัณฑิตหนุ่มผู้สูงส่งและไม่สนผู้ใดกลับมาอีกแล้ว ไม่สนก็ไม่สนสิ เพราะอย่างไรนางก็ชินแล้ว

“มีคุณชายท่าทางนิสัยดีมากและเรียกตนว่าเป็นสหายของเจ้ามาเยือน เขาเป็นสหายสนิทของเจ้าหรือ ? แต่พูดก็พูดเถิด ด้วยนิสัยเสียอย่างเจ้า คนนิสัยไม่ดีคงทนรับไม่ไหวหรอก คาดไม่ถึงว่านอกจากข้าแล้วยังมีคนที่สามารถทนนิสัยของเจ้าได้อีก ! ”

หลินเว่ยเว่ยเดินตามบัณฑิตหนุ่ม จากนั้นก็เลียนแบบท่าทางการเดินของเขาโดยมือหนึ่งไพล่ไปด้านหลัง หน้าอกเชิดขึ้นราวกับไก่ตัวผู้ที่หยิ่งทะนงไม่มีผิด

สันกรามของเจียงโม่หานขยับไปมา อย่างตัวเขายังเรียกว่านิสัยเสียอีกหรือ ! หากยึดตามนิสัยในชาติที่แล้วของเขา เจ้าเด็กอ้วนคงตายไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ! ภายในหุบเขาเช่นนี้มีโอกาสและวิธีบางอย่างที่สามารถทำให้คนหายตัวได้โดยไร้สุ้มเสียง !

“บัณฑิตในสำนักศึกษาของพวกเจ้าชอบทำตัวสูงส่งเช่นนี้หมดหรือ ? ถ้าออกไปเป็นวงบอยแบนด์คงฮอตน่าดู ! ” หลินเว่ยเว่ยแค่ลองเลียนแบบท่าทางครู่เดียวก็รู้สึกว่าเหนื่อยเสียยิ่งกว่าทำงานครึ่งวันของตนเสียอีก นางลดระดับไหล่ลงแล้วเด็ดหญ้าพร้อมโยนใส่หลังบัณฑิตหนุ่มตรงเบื้องหน้า

ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน ทำให้หลินเว่ยเว่ยไม่ทันระวังจนเกือบชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา

เจียงโม่หานหันมาจ้องนางพักใหญ่จนทำให้หลินเว่ยเว่ยหลงเข้าใจผิดว่าใบหน้าของนางเปื้อนอยู่ นางจึงรีบยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ด

แม้จะไม่เข้าใจว่าสิ่งใดคือ ‘วงบอยแบนด์’ แต่สำหรับคำศัพท์ใหม่นี้เจียงโม่หานยังพอเดาความหมายได้บ้าง เขาเค้นเสียงดัง ฮึ “กู่เหนียง อย่าเอาแต่เอ่ยถึงรูปโฉมของบุรุษเพราะมันไม่งาม ! ”

“ก็ตรงนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย ! ข้าเป็นคนอย่างไร ผู้อื่นไม่รู้แต่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ? ถ้าต้องเสแสร้งต่อหน้าเจ้าอีก ข้าก็เหนื่อยตายพอดี ! อย่างข้าน่ะเรียกว่าใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานความจริง ! ”

“เถียงคำไม่ตกฟาก ! ” เมื่อทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเจียงโม่หานก็หันหลังแล้วเดินลงเขาทันที ฝีเท้าของเขาไม่ช้าไม่เร็วมาก เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่

ส่วนหลินเว่ยเว่ยที่อยู่ด้านหลัง ประเดี๋ยวก็เด็ดดอกไม้ ประเดี๋ยวก็ไล่ตามผีเสื้อ หลังทิ้งระยะห่างได้ระดับหนึ่งแล้วนางก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามไปทันที

เมื่อเจียงโม่หานกลับถึงบ้าน เขาก็เห็นเฝิงชิวฟานกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะหนังสือข้างหน้าต่างอย่างหลงใหล ด้านข้างของอีกฝ่ายยังมีถ้วยชาและลูกท้ออบแห้งอันหวานฉ่ำอีกหนึ่งจาน

“ศิษย์พี่เฝิงกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ? ” แม้เสียงของเจียงโม่หานจะไม่ดังมาก แต่การที่เขาเริ่มพูดก่อนก็ถือว่าเป็นความกระตือรือร้นที่หาได้ยากยิ่ง

เฝิงชิวฟานวางตำราในมือลง จากนั้นก็ลุกขึ้นมากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เพิ่งกลับมาเมื่อวาน ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าแล้ว…เป็นเช่นไรบ้าง ? บาดแผลของศิษย์น้องดีขึ้นหรือไม่ ? ”

“ดีขึ้นพอสมควร ทำให้ศิษย์พี่ต้องเป็นห่วงแล้ว” เจียงโม่หานมองใบหน้าอันหล่อเหล่าและยังดูอ่อนเยาว์ของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเงาของจวิ้นอ๋อง1ผู้โดดเด่น กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวาและเลื่อนตำแหน่งได้อย่างราบรื่นก็ซ้อนทับตัวของเฝิงชิวฟาน

เฝิงชิวฟานถอนหายใจ “คราวนี้ชูเหม่ยวู่วามเกินไป…” ชูเหม่ยคือนามรองของอู๋ปัว

เจียงโม่หานมองใบหน้าที่ดูเหมือนจริงใจของเฝิงชิวฟาน ถ้าไม่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่และรู้นิสัยของอีกฝ่ายแล้ว ตัวเขาก็คงโดนใบหน้าอันเสแสร้งหลอกลวงเป็นแน่ คำพูดประโยคนี้ของเฝิงชิวฟาน ภายนอกเหมือนรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วกำลังยุยงให้เขามีความแค้นและไม่พอใจในตัวอู๋ปัว

เมื่อชาติก่อน เวลานี้มารดาของเขาได้เสียชีวิตจากไปแล้ว ตัวเขาก็นอนจมอยู่กับความแค้นแล้วยังมีความรู้สึกหมดหนทางไปต่อ ทว่าเฝิงชิวฟานก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยออกตัวเป็นศัตรูกับอู๋ปัวร่วมกับเขาพร้อมแบกรับความรู้สึกไร้ค่าแทนเขา ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นในใจยิ่งเติบโตเร็วกว่าเดิม ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและเป็นเครื่องมือแก้แค้นที่เฝิงชิวฟานไม่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้มา…

หลังทำให้ใจเย็นลงแล้วเขาก็มองไปที่เฝิงชิวฟานพลางกล่าวเบา ๆ ว่า “มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เราอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย”

แม้เฝิงชิวฟานจะแปลกใจในความใจเย็นของอีกฝ่าย ทว่าก็ยังไหลตามน้ำ “ศิษย์น้องช่างใจกว้าง บางทีเพราะมีเรื่องเข้าใจผิดกันอยู่ วันหน้าข้าต้องช่วยพูดแทนศิษย์น้องแน่นอน…”

“ขอบคุณศิษย์พี่ แต่ไม่เป็นไร ! ในเมื่อไม่ใช่คนเดินบนเส้นทางเดียวกัน แค่อยู่ห่างไว้ก็พอ ! ” เจียงโม่หานนั่งลง จากนั้นก็ชี้ไปยังลูกท้ออบแห้งในจานแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ลองชิมลูกท้ออบแห้งนี่สิ บ้านข้าทำเอง ท่านอย่าได้รังเกียจเลย”

1 จวิ้นอ๋อง คือตำแหน่งรองจากอ๋อง ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งจวิ้นอ๋องนอกจากพระโอรสในองค์ฮ่องเต้แล้วยังมีพระโอรสในองค์รัชทายาทหรือพระโอรสในอ๋องซึ่งเป็นพระนัดดาขององค์ฮ่องเต้ด้วย

ตอนต่อไป

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท