ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยค่อนข้างพอใจในตัวหลิวว่ายจื่อมาก ตัวเลขอารบิกที่นางสอนให้ เขาก็ฝึกฝนจนชำนาญแล้ว การบวกลบในหลักร้อยก็สามารถคำนวณแล้วพูดปากเปล่าออกมาได้ วิธีการคำนวณแบบแนวตั้งก็เรียนได้พอสมควร สมุดบัญชีที่เขาเขียนก็มีระเบียบขึ้นมาก เพราะอย่างน้อยหลินเว่ยเว่ยก็อ่านแล้วเข้าใจ
“อาว่ายจื่อ งานก่อสร้างที่ท่าเรือใกล้เสร็จแล้ว ท่านช่วยลองสังเกตว่ามีเรือที่ผ่านมาอยากเช่าโกดังบ้างหรือไม่ คุณชายหนิงพอใจในผลงานของท่านมาก ข้าจะพูดชมท่านต่อหน้าเขาสองสามประโยค ดูว่าจะแย่งตำแหน่งผู้ดูแลโกดังมาให้ท่านได้หรือไม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยแขวนเหยื่อไว้ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
หลิวว่ายจื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น ผู้ดูแลโกดัง ! คืองานดูแลโกดังเหล่านั้นหรือ ? เดิมทีตัวโกดังมี 8 ห้อง ทว่าหลังจากปรับปรุงใหม่แล้วมันก็มีเพิ่มถึง 16 ห้อง ! ต่อไปเขาจะต้องดูแลโกดังทั้ง 16 ห้องนี้หรือ ! ! ใจเย็น ๆ ! จะลืมตัวไม่ได้ ! ! ไม่อย่างนั้นความสุขที่มากล้นเกินไปจะแปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์ได้ !
“หลานสาว เจ้าช่วยบอกคุณชายหนิงให้หน่อยว่าข้าจะตั้งใจทำงานแน่นอน ! ถ้าให้โอกาสนี้แก่ข้า ข้าจะไม่มีวันทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณชายหนิงมีต่อข้า ! ” หลิวว่ายจื่อทุบหน้าอกแสนผอมแห้งของตน
หลินเว่ยเว่ยกวาดตามองหลิวเอ้อร์ล่ายที่กำลังยืนชะโงกศีรษะมองห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นนางก็ยิ้มแล้วกล่าวกับหลิวว่ายจื่อว่า “ผู้ดูแลหลิวมีหน้าที่ดูแลแค่บัญชีสินค้าที่เข้าออกและสมุดบันทึก แต่ยังต้องการลูกน้องสักหน่อยเพื่อคอยคุ้มกันโกดัง…”
ดวงตาของหลิวว่ายจื่อเปล่งประกายทันที “หลานสาว คนคุ้มกันเหล่านี้ คุณชายหนิงจัดเตรียมไว้หรือยัง ? ”
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณชายหนิงงานยุ่งถึงเพียงนั้น ไฉนเลยจะมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อย ? เขากล่าวไว้ว่าถ้าฝั่งข้ามีคนที่ไว้ใจได้ก็แนะนำให้เขาสักคนสองคน เฝ้าโกดังต้องเป็นคนที่มีนิสัยดี มีความอดทน หากสินค้าโดนขโมยขึ้นมา ข้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอก…ช่างเถิด ข้าให้คุณชายหนิงเลือกคนเองดีกว่า…”
“ไม่ดี ! หลานสาว เจ้าลองคิดว่าหากเจ้าแนะนำคนในหมู่บ้านฉือหลี่โกว พวกเขาก็จะนึกถึงความดีของเจ้าใช่หรือไม่ ? นี่ถือเป็นเวลาที่เจ้าจะได้สร้างบารมีในหมู่บ้าน ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ต่อไปจะมีใครกล้าเข้ามาขวางทางเจ้าอีก ? ”
หลิวว่ายจื่อคิดแทนจากมุมมองของหลินเว่ยเว่ยจริง ๆ แต่ก็แน่นอนว่าต้องมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง ลองคิดว่าถ้าคนที่เขาแนะนำทำให้นางหนูรองพอใจได้ก็จะยิ่งพิสูจน์ได้ว่าเขามีอำนาจในการต่อรองกับนางหนูรอง ส่วนคนที่เคยดูถูกเขาในสมัยก่อนก็จะไม่เข้ามาประจบเขาหรือ ? มีหน้ามีตาจะตาย !
“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องมีคนที่เหมาะสมให้เลือก ! ตอนนี้ข้าขอยังไม่กล่าวสิ่งใดมาก รอดูไปก่อนก็แล้วกัน” หลินเว่ยเว่ยจงใจถอนหายใจ จากนั้นก็จับมือเจ้าหนูน้อยแล้วพากันออกมาจากตรงนั้น
เจียงโม่หานหันกลับไปมองหลิวเอ้อร์ล่ายที่โดนหลิวว่ายจื่อลากไปยังด้านข้างปราดหนึ่ง หลังจากนั้นก็หันกลับมาพูดกับหลินเว่ยเว่ย “เจ้าคิดจะใช้งานเขาหรือ ? เจ้าไม่กลัวนิสัยเก่าเขากำเริบหรือไร ? ”
“จนถึงตอนนี้ข้ายังพอใจในการกระทำของเขามาก แต่ก็แน่นอนว่าต้องทดสอบไปอีกระยะหนึ่ง ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นระดับน้ำในคูข้างแปลงนาบ้านตนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงขุดรูระบายน้ำหนึ่งแห่งเพื่อให้น้ำไหลเข้ามาในแปลงปลูกข้าวโพด
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงว่า…สำเร็จแล้ว ! ต่อไปเวลาจะรดน้ำพืชผลก็ไม่ต้องขึ้นเขาไปหาบน้ำลงมาทีละถังแล้ว ! บัณฑิตเจียงกับนางหนูรองได้ทำความดีที่เป็นประโยชน์ใหญ่หลวงให้หมู่บ้านเรา ! สายตาที่พวกชาวบ้านมองทั้งสองคนจึงเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและตื้นตันใจ
หลินเว่ยเว่ยออกเดินสำรวจท่อไม้ไผ่อีกรอบ เมื่อพบว่าไร้ปัญหา นางก็เดินกลับมาที่หมู่บ้านอย่างสบายใจ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงดื่มด่ำกับความสุขที่มี พวกเขาล้อมรอบกังหันวิดน้ำหรือตรงแปลงนา ท่าทางราวกับไม่อยากจากไป พวกเด็กหนุ่มที่อยู่บนภูเขาก็ผลัดกันขับเคลื่อนกังหันวิดน้ำ…ที่นาของตระกูลหลินจึงเปียกชุ่มอย่างทันใจ
เมื่อเข้ามาในบ้าน หลินเว่ยเว่ยก็เห็นหลีชิงในสภาพม้วนแขนเสื้อขึ้นสูงและกำลังผ่าท่อนฟืนอยู่ นางถอยกลับไปที่หน้าบ้านแล้วเหลือบมองไปยังประตูบ้านหลังข้าง ๆ…ก็ยังลงกลอนไว้อย่างดี !
“ไม่ต้องมองแล้ว กำแพงบ้านเจ้าสูงแค่นี้ คิดว่าจะขวางข้าได้หรือ ? ” หลีชิงเหวี่ยงขวานลงไป ท่อนฟืนก็ถูกผ่าออกเป็นสองท่อน
“เฮอะ ! สารภาพมาโดยดีว่าเจ้าเป็นโจรใช่หรือไม่ โดนทางการไล่ตามจนถึงบนเขาใช่หรือเปล่า ? ” หลินเว่ยเว่ยถอนหายใจ ชายคนนี้เป็นแมลงสาบหรือไร ? เจ็บหนักถึงเพียงนั้นและเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันก็ลุกมากระโดดโลดเต้นได้แล้ว
หลีชิงจัดเรียงฟืนที่ผ่าแล้วให้เรียบร้อย จากนั้นก็หยิบไม้มาอีกท่อนแล้วยกขวานขึ้นอีกครั้ง “หากข้าเป็นโจร ป่านนี้ของมีค่าในบ้านเจ้าก็หายหมดแล้ว ตอนนี้ข้าคงไปเสพสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังจะอยู่ใช้แรงงานให้เจ้าเช่นนี้หรือ ? ”
“ข้าไม่ได้กดขี่คนเจ็บ ใช้แรงงานก็เป็นสิ่งที่เจ้าทำเอง ! ” หลังจากคราวก่อนแม่ทัพหนุ่มของทางการก็มาที่นี่อีกสองครั้งและบอกว่าเพียงแจ้งเบาะแสของหลีชิงจะมีเงินรางวัลถึง 50 ตำลึงให้
โชคดีที่ตอนหลินเว่ยเว่ยช่วยคนกลับมาไม่มีใครเห็นเลย มิหนำซ้ำยังพามารักษาอาการที่บ้านปู่เถียน เวลาส่งอาหารส่งยาก็ปีนกำแพงกลับไปกลับมา หลีชิงรักษาบาดแผลอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 10 กว่าวันแล้วก็ยังไม่มีใครรู้สักคน
“ฟังจากเสียงบนเขา กังหันวิดน้ำสร้างเสร็จแล้วใช่หรือไม่ ? ” หลังผ่าฟืนเสร็จแล้วหลีชิงก็ตักน้ำมาดื่ม เมื่อดื่มลงไปอึกหนึ่งแล้วน้ำที่เหลือก็ถูกเทรดศีรษะของเขา…คนตระกูลหลินใจดี แม้แต่น้ำก็ยังหวานกว่าบ้านคนอื่น !
เอิ่ม…คือตรรกะบ้าบออะไรกัน ?
หลินเว่ยเว่ยใช้หลังมือตีหน้าอกของเจียงโม่หาน “ยังมีเรื่องที่ข้ากับบัณฑิตน้อยทำไม่ได้อีกหรือ ? ”
เจียงโม่หานถอยหลังไปสองก้าว เขารีบหลบมือที่อยู่ไม่สุขของนางทันที
หลีชิงเห็นภาพนี้แล้วก็ถลึงตาอย่างไม่สบอารมณ์ใส่เจียงโม่หาน…ผู้มีพระคุณตีเจ้าก็ถือว่าชอบเจ้า ถ้าเจ้าไม่ได้มีหน้าตาเหมือนเทพเซียนลงมาจุติ คิดว่าใครอยากจะสนใจอีกหรือ ? อย่าได้รับเกียรติแล้วโยนทิ้งสิ ! ผู้มีพระคุณเป็นสาวน้อยมีจิตใจงดงามและบริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้ากล้าคิดทำร้ายจิตใจนางหรือ !
เจียงโม่หานกวาดสายตามองหลีชิงเบา ๆ เขาเข้าใจนิสัยหลีชิงที่สุด แม้บุญคุณเพียงหยดเดียวก็จะตอบแทนมากเป็นสายธาร หลีชิงสามารถยกชีวิตไว้ในมือเจ้า ! ไม่ต้องบอกเลยว่าสายตาเช่นนี้ต้องกำลังเรียกร้องความยุติธรรมแทนเด็กตัวแสบอยู่เป็นแน่ !
นางเคยกล่าวไว้ว่าไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับตัวข้าเลย ทว่าเหตุใดคนรอบข้างต่างมองว่าข้าเป็นบุรุษที่ชอบเล่นกับความรู้สึก ? ข้าไปทำให้ใครไม่พอใจหรือ ? มีความยุติธรรมอยู่บ้างหรือไม่ ?
“บัณฑิตน้อย มื้อเที่ยงนี้เจ้าอยากกินอะไร ? ช่วงหลายวันมานี้เจ้าตรากตรำทำกังหันวิดน้ำ ถึงเวลาที่เจ้าจะได้รางวัลแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยนึกทบทวนว่ามีวัตถุดิบอะไรอยู่ในห้องใต้ดินบ้าง พอที่จะนำมาทำอาหารเลิศรสอะไรได้หรือไม่
“ข้าอยากกินอะไรเจ้าก็ทำออกมาได้หมดเลยหรือ ? ” เจียงโม่หานเห็นนางพยักหน้าอย่างมีความสุขจึงจงใจหาเรื่องนาง “ข้าอยากกินเนื้อมังกรบิน เจ้าทำสิ ! ”
“เนื้อมังกรบิน ? ง่ายมาก ! พี่หลีชิง ได้เวลาใช้วรยุทธของท่านแล้ว ไปเถิด ไปยิงมังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้ากลับมาสักสองสามตัว ! ” ใครต่างก็บอกว่า ‘ท้องนภามีเนื้อมังกร ปฐพีมีเนื้อลา’ ล้วนเป็นอาหารเลิศรสสำหรับมนุษย์ทั้งนั้น ในชาติก่อนหลินเว่ยเว่ยเคยกินเนื้อลาแล้ว ทว่ามังกรบินจะไปหากินจากที่ไหนเล่า
หลีชิงหันมาถลึงตาใส่เจียงโม่หานอีกครั้งแล้วก็รีบขึ้นเขาโดยออกทางประตูหลังทันที
ส่วนเจียงโม่หานรีบหลบสายตาและทำหน้าหดหู่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเด็กตัวแสบใช้เจ้า แล้วเจ้าจะมาถลึงตาใส่ข้าด้วยเหตุใด ? เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “เจ้าคิดจะใช้นกขี้บ่น1มาหลอกข้าหรือ ? ”
“ก็เจ้าพูดเองว่า ‘เนื้อมังกรบิน’ มังกรบินไม่ได้อยู่บนฟ้าหรือ ? เจ้าอย่าดูถูกมังกรบินเชียวนะ นี่คืออาหารอันโอชะแสนเลื่องชื่อ เจ้าอย่าเพิ่งบอกว่าไม่ชอบ ระวังอีกประเดี๋ยวจะเป็นการตบหน้าตนเอง ! ” หลินเว่ยเว่ยกำลังยุ่งอยู่กับการล้างหม้อพลางเอ่ยอย่างแสนมั่นใจ
1 นกขี้บ่น หรือนกเฮเซลบ่น มีขนสีน้ำตาลแดง บางครั้งเรียกว่าไก่ป่าและเป็นสัตว์สงวนของประเทศจีน
ตอนต่อไป