เจียงโม่หานได้ยินเช่นนั้นจึงมีใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์กว่าเดิม ‘ไม่กลัวว่าข้าจะได้ยินหรือ ? พวกเจ้าทำผิดพลาดหรือไม่ ? ’
“ใช่ ! คราวก่อนที่ต้าจ้วงพูดเช่นนี้ก็โดนนางทุบจนมารดาแทบจำหน้าลูกไม่ได้”
“น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าความจริงใจของนางจะได้รับการตอบแทนหรือไม่ มีบัณฑิตไม่น้อยที่พอสอบติดแล้วก็ทอดทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่บ้านแล้วไปแต่งกับสตรีจากตระกูลมั่งมีหรือครอบครัวขุนนาง…”
เจียงโม่หานได้ยินแล้วถึงขั้นพูดไม่ออก
เฮอะ ตอนนี้ทั่วหล้าต่างรู้ว่าหลินเว่ยเว่ยมีใจให้เขา แล้วถ้าเขาไม่แต่งนางเข้าบ้านก็จะกลายเป็นบุรุษหลายใจ ทรยศต่อภรรยา…ข้าผิดหรือ !
หลินเว่ยเว่ยเงยหน้าแล้วสบเข้ากับแววตาซับซ้อนของเจียงโม่หาน…มองข้าด้วยเหตุใด ? ตกใจในความองอาจของข้าหรือ ? ข้าเก่งกาจใช่หรือไม่ ? จากนั้นนางก็เริ่มบีบลูกสนสองลูกด้วยมือเดียวแล้วยักคิ้วให้เขาอย่างได้ใจ !
เจียงโม่หานหลบสายตาอย่างยากที่จะเอ่ย เขาล่ะเศร้าเหลือเกิน ! เห็นได้ชัดว่าเด็กตัวแสบยังไม่โต หัวใจยังเหมือนเด็กคนหนึ่ง การยั่วเย้าแบบไม่รู้ตัวเป็นเพียงการหยอกเล่นของนางเท่านั้น เฮ้อ ! ความอัปยศนี้เขายอมแบกรับก็ได้ !
พูดเหมือนในชาติก่อนเขาแบกความอัปยศน้อยที่ไหนกัน ? ทว่าเหตุใดคราวนี้เขาถึงรู้สึกเศร้า ? ส่วนชื่อเสียงของบุรุษหลายใจนี้ เขาไม่อยากแบกรับไว้เลย !
เมื่อถึงเวลาลงเขา หลินเว่ยเว่ยก็ยังแบกกระสอบขนาดเท่าเนินเล็ก ๆ เช่นเดิม นางเดินอยู่ด้านหลังของเจียงโม่หาน ขณะเดียวกันก็ยังช่วยเขาถือกระบุงไม้ไผ่บนหลังเป็นครั้งคราวด้วย
ถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อกลับเข้าหมู่บ้านแล้ว เจียงโม่หานก็ยังเหนื่อยเอาเสียมาก ๆ ดูเหมือนต้องฝึกวรยุทธกับ เรียนสิ่งที่เกี่ยวกับขาหรือเท้าสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาคงกลายเป็นไก่อ่อนไร้เรี่ยวแรงในสายตาเด็กตัวแสบจนมันหยั่งรากลึกในสมองนางแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ !
พวกเขายังไปที่ลานบ้านของผู้ใหญ่บ้านและแบ่งกันอย่างเท่าเทียม คราวนี้ก็มีส่วนของเจียงโม่หานซึ่งได้มาไม่มากไม่น้อย แต่ละบ้านจึงได้ 300 กว่าชั่งเหมือนเดิม
พอขึ้นเขาได้ 3 วันติดกัน เมล็ดสนที่อยู่ในแต่ละบ้านก็มีมากถึง 1,000 ชั่ง ผู้ใหญ่บ้านจึงตัดสินใจจะพักหนึ่งวัน ! หลายครอบครัวที่ขาดแคลนอาหารย่อมอดใจไม่ไหวที่จะนำเมล็ดสนหนึ่งกระสอบไปแลกเงินในเมือง
ขาไปพวกเขามีความสุขมาก แต่ตอนกลับมาก็คอตกและหัวเสีย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ผู้ใหญ่บ้านจึงถามว่า “เป็นอันใดกัน ? ”
“ปีนี้สถานการณ์ย่ำแย่ ชาวบ้านในเขตก็ไม่ค่อยมีเงินเหมือนกัน แม้แต่ข้าวยังซื้อไม่ไหว แล้วใครจะมีเงินมาซื้อเมล็ดสน ? ” หลิวต้าจ้วงกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“น่ารังเกียจที่สุดคือตระกูลอู๋ ! กดราคาจนได้แค่ 3 อีแปะต่อชั่ง ราคาเมล็ดสนปีที่แล้วดีถึง 20 อีแปะต่อชั่ง แต่เขากดเหลือแค่ 3 อีแปะ ใจดำอำมหิตยิ่งกว่าสิ่งใด ! ”
ผู้ใหญ่บ้านเข้าสู่ความเงียบ ลำบากมา 3 วัน แต่ละบ้านมีเมล็ดสนกว่าพันชั่ง เดิมทีหลงเข้าใจผิดว่าพอแลกเงินกลับมาในจำนวนไม่น้อย แล้วเขาก็จะรวมกลุ่มพากันไปซื้อข้าวสารที่อำเภอจิงหยุน จะได้รับรองว่าคนทั้งหมู่บ้านสามารถผ่านฤดูหนาวไปได้ แต่ใครจะรู้ว่าเมล็ดสนที่อยู่ในมือกลับขายไม่ออก…
“3 อีแปะเช่นนั้นหรือ ? รังแกกันเกินไป ! ไม่ขาย ! อย่างมาก…อย่างมากพวกเราก็เก็บไว้กินเอง ! ” ต่อจากนั้นชาวบ้านที่เข้ามาล้อมรอบก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ พอเข้าใจสถานการณ์แล้ว ทุกคนก็โมโหทันที
แต่ก็มีบางเสียงที่ต่างออกไป “1 ชั่ง 3 อีแปะ ถ้า 1,000 ชั่งก็ได้เงิน 3 ตำลึง ถ้าไม่ขาย…กินเมล็ดสนจะอิ่มท้องได้หรือ ? เด็ก ๆ ในบ้านต่างรอให้ขายเมล็ดสนมาซื้อข้าว ! ”
ผู้ใหญ่บ้านมองใบหน้าเศร้าสร้อยที่อยู่รอบกาย เขาเคาะกระบอกยาสูบในมือแล้วเดินหลังค่อมมาที่บ้านตระกูลหลิน ชาวบ้านที่เดินตามมาด้านหลังดวงตาเป็นประกาย จริงสิ ! ไปหานางหนูรองสิ นางต้องมีวิธีแน่นอน ! ผ่านไปไม่ทันไรหลินเว่ยเว่ยก็กลายเป็นที่พึ่งของคนทั้งหมู่บ้านแล้ว !
“จะให้ข้าใช้เส้นสายเพื่อขายเมล็ดสนให้ตระกูลหนิงเช่นนั้นหรือ ? ได้ก็ได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้คุณชายหนิงมีร้านแค่สองสาขา เขาจะซื้อเมล็ดสนที่เยอะเช่นนี้ไหวหรือ ? ” เมื่อความต้องการขายในตลาดมากเกินไป ราคาสินค้าย่อมตกเป็นธรรมดา ปัจจุบันมีการขายเมล็ดสนนับหมื่นชั่งในท้องตลาด ราคาไม่ถูกกว่าผักกาดขาวถึงจะแปลก !
“ถ้าเช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี ! ” ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ เดิมทีคิดว่าไปเสี่ยงอันตรายกับฝูงหมาป่าบนเขาแล้วจะสามารถพัฒนาชีวิตชาวบ้านได้ แต่ผลลัพธ์เล่า ? ทำงานหนักมาหลายวันกลับขายเมล็ดสนไม่ได้
หลิวต้าซวนหันไปมองทางเจียงโม่หานแล้วถามด้วยท่าทางหวาดหวั่นว่า “บัณฑิตเจียง แม้แต่กังหันวิดน้ำเจ้ายังทำได้ ต้องมีทางแก้ปัญหานี้ใช่หรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานมองด้วยความอึ้งงันเล็กน้อย
ตรรกะบ้าบออันใด ? สร้างกังหันวิดน้ำเป็นก็ไม่ได้แปลว่าจะขายเมล็ดสนให้พวกเจ้าได้
“ข้าไม่มีวิธีแก้ ! ” เจียงโม่หานทำหน้านิ่ง ระหว่างที่ทุกคนทำหน้าผิดหวังเขาก็กล่าวต่อ “หลินเว่ยเว่ยต้องมีวิธีแน่นอน พวกเจ้าไปขอร้องนางสิ ! ”
“หลินเว่ยเว่ยหรือ ? คือผู้ใดกัน ? ”
“ไม่ว่านางเป็นใคร ขอแค่มีวิธีช่วยพวกเราแลกเมล็ดสนเป็นเงินได้ก็พอ หรือจะให้พวกเราไปคุกเข่าขอร้องก็ยังได้ ! ”
“บัณฑิตเจียง รบกวนบอกเราหน่อยเถิดว่าหลินเว่ยเว่ยอยู่ที่ใด ? ”
หลินเว่ยเว่ยยกมือขึ้นพร้อมใบหน้ามืดมน “ข้า ! ข้าอยู่นี่ ! ! ”
“หืม ? เจ้าไม่ใช่หลินเว่ยเอ๋อร์หรอกหรือ ? เปลี่ยนเป็นหลินเว่ยเว่ยตั้งแต่เมื่อไร ? ” หลิวต้าซวนมองนางอย่างงุนงง
“ใช่ หลินเว่ยเอ๋อร์ก็หลินเว่ยเอ๋อร์สิ จะเปลี่ยนเป็นหลินเว่ยเว่ยได้อย่างไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยกลอกตามองบนแต่ปากก็อธิบายว่า “ หลินเว่ยเอ๋อร์ชื่อเดิมของข้ามีความหมายไม่ค่อยดี พวกท่านจึงเอาแต่เรียกข้าว่าเด็กโง่ ! ข้าจึงเปลี่ยนเป็นหลินเว่ยเว่ยตั้งนานแล้ว ! ”
หลิวต้าซวนตบศีรษะตนเองแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ ! ข้านึกออกแล้ว ! นางหนูรองชื่อเสี่ยวเว่ย พี่สาวชื่อเสี่ยวเฉียง แถมยังเป็นชื่อที่สหายหลินตั้งให้ด้วยล่ะ”
ฮ่าฮ่า เสี่ยวเฉียง…เสี่ยวเฉียง ! พี่ใหญ่แน่วแน่ไม่กลัวความยากลำบาก แม้จะล้มแต่ก็ลุกขึ้นสู้ใหม่ได้ เป็นเสี่ยวเฉียง1ที่ตีไม่ตายสมชื่ออย่างแท้จริง !
“อย่ามัวแต่เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้อยู่เลย ! เมื่อครู่บัณฑิตเจียงกล่าวว่าอย่างไร ? นางหนูรองมีวิธีแก้ปัญหาหรือ ? เจ้าแนะนำคนซื้อเมล็ดสนให้เราได้หรือไม่ ? ” สิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านสนใจคือประเด็นนี้ !
หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เมล็ดสนในตลาดมีมากมายถึงเพียงนั้นย่อมราคาตกเป็นธรรมดา สิ่งที่พวกเราต้องทำคือเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้เมล็ดสน ! ”
เจียงโม่หานคลายคิ้วที่ขมวดทันที…ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีทางสร้างความลำบากให้นางได้หรอก !
ผู้ใหญ่บ้านถามต่อ “จะสร้างมูลค่าทางการตลาดให้เมล็ดสนอย่างไร ? คุณภาพของเมล็ดสนก็ดีที่สุดแล้ว เมล็ดอวบใหญ่ รสชาติก็ดี…”
“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านชอบกินเมล็ดสนหรือไม่ ? ” จู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยก็ถามขึ้นมา
ผู้ใหญ่บ้านเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ “ชอบสิ ! ”
“แล้วเวลาท่านกินเมล็ดสนมักรู้สึกเช่นไร ? ” หลินเว่ยเว่ยถามอีกครั้ง
ผู้ใหญ่บ้านก้มหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง แต่แล้วทันใดนั้นหลานชายตัวน้อยที่อยู่ข้างต้นขาก็ยกมือขึ้น “เมล็ดสนแข็งเกินไป เคี้ยวไม่เพลิน ปวดฟันด้วย ! ”
“ถูกต้อง ! ” หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเจ้าตัวน้อยพร้อมส่งสายตาชื่นชมให้เขา วังตงเฉียงเขินอายจึงรีบเข้าไปซ่อนด้านหลังท่านปู่ทันที จากนั้นก็แอบมองนางผ่านช่องขา…อิจฉาเอ้อร์ฮว๋าที่มีพี่สาวทั้งเก่งและอ่อนโยนเช่นนี้จัง !
1 เสี่ยวเฉียง เป็นคำแสลง หมายถึงแมลงสาบ
ตอนต่อไป