ตอนที่ 183 ขายฝีมือไม่ขายเรือนร่าง
ตอนที่ 183 ขายฝีมือไม่ขายเรือนร่าง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ! ” หลินเว่ยเว่ยหัวเราะจนตัวโยน นางยื่นมือไปลูบศีรษะเจ้าหนูน้อย “แค่หยอกเจ้าเล่น ! แม้ตอนกลางวันข้าจะไปอยู่ในเมือง แต่พอตกเย็นก็จะกลับบ้านเหมือนเดิม ! ”
“พี่รองไม่ไปอยู่ในเขตเริ่นอันแล้วหรือ ? ” เจ้าหนูน้อยยังถามต่อ
“ไม่ไป ! ไปอยู่ที่นั่นก็พักได้แค่ที่โกดัง แถมยังไม่มีเตาให้ทำอาหารด้วย ไฉนเลยจะสบายเท่าที่บ้าน” หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมยิ้มหวาน
ทันใดนั้นเจ้าหนูน้อยก็หันไปมองหลินจื่อเหยียนและเจียงโม่หาน “พี่สาม พี่โม่หาน ยังจะไปอยู่ที่สำนักศึกษาอีกหรือไม่ ? ”
หลินจื่อเหยียนยิ้มแล้วเกาจมูกพักหนึ่ง “เนื่องจากภัยแล้งเป็นเหตุ นักเรียนส่วนใหญ่ก็เหมือนข้าที่ลากลับบ้านและมีบางส่วนที่เลิกเรียนไปเลย ดังนั้นห้องของพวกเราจึงเหลืออยู่แค่ไม่กี่คน อาจารย์ก็เหลือแค่ท่านสองท่าน ข้าคิดว่าอยู่ศึกษาตำรากับศิษย์พี่เจียงไปก่อนดีกว่า ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มแล้วแกล้งหยอกน้องสาม “เจ้าศึกษาตำรากับบัณฑิตน้อยแล้วได้มอบของขวัญแทนคำขอบคุณแก่เขาหรือยัง ? ”
หลินจื่อเหยียนรู้ว่าพี่รองกำลังแกล้งตนอยู่ เขาจึงกล่าวต่อไป “ของขวัญแทนคำขอบคุณของข้าไม่ได้มีพี่รองจัดการให้หรือ ? พี่รองอยากให้สิ่งใดก็ให้เถิด ! ”
หลินเว่ยเว่ยเอียงศีรษะแล้วมองไปทางเจียงโม่หาน “บัณฑิตน้อย เจ้าอยากได้สิ่งใด ? ”
เจียงโม่หานตอบโดยไม่ลังเล “ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ! ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ยังอยากกินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานอยู่สิท่า ! ข้าวเหนียวนึ่งซี่โครงไม่อร่อยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยล้อเลียนว่าเขาเป็นนักกิน !
เจียงโม่หานจึงกล่าวอีกครั้ง “เช่นนั้นก็เอาข้าวเหนียวนึ่งซี่โครงเพิ่มอีกจาน ! ”
“ได้! ขอแค่เจ้าทำให้ต้าฮว๋าของบ้านเราสอบติดถงเซิง เจ้าอยากกินสิ่งใดข้าจะทำให้หมด ! หมูนึ่งข้าวคั่ว ข้าวเหนียวไก่ ข้าวเหนียวนึ่งซี่โครง หัวสิงโตน้ำแดง ลูกชิ้นไข่มุก หมูสับทอดตุ๋นผักกาดขาว ( ลูกชิ้นแห่งความสุข )…” หลินเว่ยเว่ยนับนิ้วขณะพูดชื่ออาหารขึ้นมาทีละเมนู
เจียงโม่หานเหลือบมองนาง “แล้วถ้าเขาสอบติดซิ่วไฉล่ะ ? ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าสอนจนต้าฮว๋าของบ้านเราสอบติดซิ่วไฉได้ เจ้าให้ทำสิ่งใด ข้าก็จะทำหมดทุกอย่าง ! ”
“ขายตัวเองมาเป็นแม่ครัวให้บ้านข้าก็ทำได้หรือ ? ” เจียงโม่หานทำท่าทางมั่นใจราวกับมีแผนการอยู่แล้ว
“เป็นแม่ครัวได้ แต่ขายตัวไม่ได้ ! ข้าเป็นแม่ครัวมืออาชีพ ขายฝีมือไม่ขายเรือนร่าง ! ! ” หลินเว่ยเว่ยยักคิ้วให้เขา !
นางเฝิงหัวเราะทันที ! นางเข้าใจแล้วว่าด้านการปะทะคารม บุตรชายผู้วิเศษของตนมักตกเป็นรองเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเว่ยเว่ย
แต่นางหวงส่ายศีรษะอย่างหมดคำที่จะกล่าวออกมา เด็กคนนี้เวลาอยู่ต่อหน้าบัณฑิตเจียงทีไรชอบพูดเหลวไหลอยู่เรื่อย ! ยิ่งเคยได้ยินบุตรสาวกล่าวว่าไม่อยากออกเรือนมาแล้ว คนเป็นมารดาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ! ในเวลานี้ดูเหมือนว่าบุตรสาวจะไม่สนใจบุรุษอื่นใดนอกจากบัณฑิตเจียง เฮ้อ ! ถ้าบัณฑิตเจียงเป็นเหมือนคนธรรมดาเหล่านั้นก็คงจะดีไม่น้อย
บ้านตระกูลหลินเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน เมื่อมีหลินเว่ยเว่ยอยู่ก็ไม่เคยขาดเสียงหัวเราะอีกเลย
ลมเย็นพัดโชย เจียงโม่หานกำลังเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านและมองร่างอันร่าเริงสดใสในลานบ้านพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นตรงมุมปาก……แม้ว่าลานบ้านนี้จะธรรมดา แต่ภาพแสนอบอุ่นและหวานชื่นถึงจะเป็นความรู้สึกของการมีครอบครัวสำหรับเขา ชีวิตในจวนขุนนางใหญ่เมื่อชาติก่อนเป็นเพียงคุกที่สวยหรูเท่านั้น…หากไม่มีคนในครอบครัวอยู่ด้วย ท้ายที่สุดมันก็หนาวเหน็บอยู่ดี !
หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เสี่ยวร่างก็เข้ามาแย่งหน้าที่ล้างจาน น้ำใสสะอาดถูกบรรจุจนเต็มถัง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะชะโงกศีรษะเข้าไปดื่มกิน บ้านเจ้านายโชคดีมากเพราะที่อื่นแม้แต่การดื่มน้ำยังกลายเป็นปัญหา แต่ทางฝั่งนี้ล้วนใช้น้ำสะอาดซักผ้าและล้างจาน !
เมื่อล้างจานเสร็จแล้ว เขาก็ไปทำความสะอาดห้องต่าง ๆ เสี่ยวร่างยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะยังทำความสะอาดลานบ้านด้วย หลังรอให้เขาว่างงานแล้ว เจ้าหนูน้อยก็ลากเขาไปที่คอกกระต่าย
เจ้าหนูน้อยเท้าสะเอวแล้วกล่าวด้วยเสียงภาคภูมิ “เห็นแล้วใช่หรือไม่ ? เดิมทีที่นี่มีกระต่ายอยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่ตอนนี้นับรวมกับลูกกระต่ายที่เพิ่งคลอดออกมาก็มีถึงร้อยตัวได้ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังคลอดออกมาอีกครอก ทำเป็นเนื้อกระต่ายผัดห้าเครื่องเทศก็ขายได้เงินเยอะมากเลย ! พี่รองกล่าวว่าเงินจากการเลี้ยงกระต่ายของข้าจะเก็บไว้ให้ข้าทั้งหมด เพื่อให้ข้าได้ใช้ศึกษาเล่าเรียนในอนาคต ! ”
ระหว่างที่เจ้าหนูน้อยกำลังเอ่ยเรื่องเหล่านี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ “ดูเถิด ! นี่คือโลกที่ข้าสร้างมากับมือ”
เสี่ยวร่างมองกระต่ายขนปุยตัวแล้วตัวเล่าด้วยดวงตากลมโต “เก่งกาจมากขอรับ ! นายน้อยอายุแค่นี้ก็สามารถหาเงินเพื่อช่วยครอบครัวได้แล้ว ! ” ถ้าเขาเก่งเหมือนนายน้อย บิดามารดาและพี่สาวก็อาจจะ…เขาช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย !
“ข้าจะสอนวิธีเลี้ยงกระต่ายให้เจ้า ต่อไปเจ้าจะได้เก่งกาจเหมือนข้า ! เราสองคนต้องทำเงินให้เยอะกว่าเดิมและเมื่อถึงเวลานั้นเจ้ากับข้าก็จะไปเรียนที่สำนักศึกษาด้วยกัน ในเมืองมีซาลาเปาไส้เนื้อ เจี่ยวจือ (เกี๊ยวซ่า) และถังหูลู่รสชาติเปรี้ยวหวาน…แต่ถังหูลู่ที่เขตเริ่นอันไม่อร่อยเท่าผลไม้ในโถกระเบื้องเคลือบที่พี่รองทำหรอก ! ” เจ้าหนูน้อยจับมือเสี่ยวร่างเอาไว้…จงติดตามข้า แล้ววันหน้าเจ้าจะได้อยู่ดีกินดี !
เสี่ยวร่างพยักหน้า ทว่าทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนมาส่ายศีรษะแทน “บ่าวเรียนวิธีเลี้ยงกระต่ายจากท่านเพราะเป็นเด็กรับใช้ของท่าน เมื่อท่านไปเรียนหนังสือแล้ว บ่าวก็จะไปช่วยแบกกระเป๋าและฝนหมึกขอรับ ! ”
แต่เจ้าหนูน้อยกล่าวว่า “ไม่ได้ เจ้าเองก็ต้องเรียนหนังสือ ไม่อย่างนั้นพอวันหน้าข้าได้เป็นขุนนางใหญ่แล้ว คนข้างกายไม่รู้หนังสือก็จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้ ! ”
“ถ้าเช่นนั้น…รอให้นายน้อยมีเวลาว่างแล้วก็สอนหนังสือบ่าว รับรองว่าบ่าวจะตั้งใจเรียนแน่นอนขอรับ ! ” เสี่ยวร่างรู้ว่าการไปที่สำนักศึกษาต้องมอบของขวัญแสดงความขอบคุณแก่อาจารย์ ทว่าเขาเป็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งแล้วจะให้เจ้านายออกเงินแทนได้อย่างไร ?
หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วหลินเว่ยเว่ยก็ไปดูโรงงานแปรรูปเมล็ดสน ตั้งแต่มีลูกจ้างเสนอตัวทำงานกะกลางคืน 7 คน หน้าเตาก็ไม่เคยว่างเว้น เมล็ดสนที่แช่เสร็จแล้วถูกนำไปคั่วต่อ ฟืนใต้เตาก็ถูกเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง
เยี่ยนเอ๋อร์และฉือถัวเดิมทีเลิกงานแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังช่วยงานอยู่หน้าเตา ชาวบ้านที่มาคุมไฟประจำกะดึกก็ตั้งใจฟังประสบการณ์ควบคุมไฟของเด็กสองคนนี้ เพราะการดูไฟถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการคั่วเมล็ดสน !
ป้ากุ้ยฮวาเปลี่ยนจากงานทำเนื้อแผ่นมาเป็นผู้ดูแลโรงงานแปรรูปเมล็ดสนแทน พอหลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาในโรงงานก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายกำลังอบรมคนงานใหม่ “นี่คือโรงงานแปรรูปแห่งหมู่บ้านฉือหลี่โกวของพวกเราจึงเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของทุกบ้าน
หากผู้ใดปล่อยให้สูตรเล็ดลอดออกไปก็จะถือเป็นคนเลวของฉือหลี่โกว ผู้ใหญ่บ้านกล่าวแล้วว่าไม่เพียงไล่ออกจากโรงงาน แต่ยังจะไล่ออกจากฉือหลี่โกวด้วย ! ตั้งใจทำงานให้ดี พวกเจ้าลองคิดตามว่าเพียงคืนเดียวก็ทำเงินได้ถึง 40 อีแปะแล้ว งานดี ๆ เช่นนี้จะไปหาได้จากที่ใด ?
ทุกคนต้องตั้งใจทำงาน ลูกค้ารายใหญ่ที่เสี่ยวเว่ยหามาก็ต้องรั้งไว้ให้ได้ ! ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพอโรงงานแปรรูปกลับมาเป็นของหมู่บ้านในปีหน้า มันก็จะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภของพวกเรา ! แค่ธุรกิจเดียวนี้ แต่ละบ้านก็จะได้เงินถึง 20 ตำลึง 20 ตำลึงเชียวนะ !
นึกถึงในอดีตสิ คนในครอบครัวต้องทำงานเหนื่อยยากถึง 2 ปีเต็มก็ยังไม่ได้เงินกลับมาเยอะเท่านี้เลย จะเกียจคร้านไม่ได้เด็ดขาด ! ”
ไม่ว่าเป็นคนดูไฟหรือคนคั่วเมล็ดสนก็แสดงท่าทีว่าจะตั้งใจทำงานและรักษาสูตรลับไว้อย่างดี…แม้จะให้เงินมากกว่าก็ไม่มีทางนำไปบอกคนนอก นางหนูรองคำนวณรายได้ให้พวกตนนานแล้ว ดังนั้นพวกตนไม่ได้โง่เสียหน่อย จะตัดช่องทางทำมาหากินทำไม !
ตอนต่อไป