ตอนที่ 196 ทำดีไม่ได้ดี
ตอนที่ 196 ทำดีไม่ได้ดี
จากมุมของนางในเวลานี้คือทวารทั้งเจ็ดของมนุษย์โอสถมีเพียงหูเท่านั้นที่นางสามารถมองเห็น นางแอบดึงพลังจากจุดตันเถียนไปรวมไว้ที่มือขวา หลังตะโกนออกมาเสียงดั่งลั่นแล้วเหล็กแหลมในมือก็ถูกแทงเข้าที่หูของมนุษย์โอสถ !
ตอนนี้มนุษย์โอสถได้เอื้อมมือมาคว้าข้อเท้าของหลินเว่ยเว่ยไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ในขณะที่มันกำลังออกแรงดึงนางออกจากกาย ทันใดนั้นมันก็ต้องปล่อยมือแล้วเลื่อนไปจับศีรษะของตน จากนั้นก็ลงไปดิ้นกับพื้นแทน
“ไอหยา ! ” เมื่อหลินเว่ยเว่ยล้มลงกับพื้นก็รีบกลิ้งไปด้านข้างอย่างรวดเร็วจึงรอดจากการโดนมนุษย์โอสถทับ
มนุษย์โอสถที่โดนเหล็กแหลมแทงเข้ารูหูก็เอามือกุมศีรษะพลางกรีดร้องดั่งสัตว์ร้าย อาการดิ้นไปดิ้นมาของมันเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ เสียงก็อ่อนแรง หมินอ๋องซื่อจื่อสบโอกาสจึงรีบพุ่งเข้าไปแล้วหาจังหวะแทงกระบี่ที่หักไปยังดวงตาของมนุษย์โอสถและกดให้คมกระบี่ลงลึกไปถึงแกนสมองของมัน
บัดนี้มนุษย์โอสถจึงนิ่งสนิท
ยามที่มนุษย์โอสถกำลังดิ้นไปมาก่อนหน้านั้น เจียงโม่หานก็เดินอ้อมมายังข้างกายหลินเว่ยเว่ยแล้วถามด้วยความร้อนใจ “เป็นเช่นไรบ้าง ? บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยขยับแขน สะบัดเท้า ทันใดนั้นนางก็ร้องด้วยเสียงน่าสงสาร “เจ็บ…”
“เจ็บตรงไหน?” เจียงโม่หานเคยเห็นมนุษย์โอสถมาก่อนในชาติที่แล้ว ยามนั้นฮ่องเต้เสด็จประพาสทิศใต้พอดี ตัวเขาก็ตามเสด็จด้วย สามเมืองในทิศใต้สมรู้ร่วมคิดกับกบฏของราชวงศ์ก่อนจึงส่งมนุษย์โอสถมาลอบสังหารฝ่าบาท ตอนนั้นทหารรักษาพระองค์จำนวนแปดร้อยนายหลงเหลือไม่ถึงร้อย พวกเขาสูญเสียกันอย่างหนัก มีบางคนโดนมนุษย์โอสถแตะเพียงเล็กน้อยก็แขนขาขาด ได้แต่นั่งบนเก้าอี้ล้อเข็นไปชั่วชีวิต
เจียงโม่หานแตะไหล่หลินเว่ยเว่ยเบา ๆ เพราะกลัวนางเจ็บ “หมอ ! หมออยู่ที่ใด ? มีหมออยู่หรือไม่…”
“ชู่…” หลินเว่ยเว่ยห้ามเขาแล้วกล่าวด้วยความเขินอายว่า “ข้าไม่ได้เป็นอันใด เพียงแต่เมื่อครู่ตอนร่วงลงมาก้นกระแทกพื้น…”
ไอหยา ตรงนั้นของสตรีจะให้หมอตรวจได้อย่างไร ? อีกอย่างคือเนื้อตรงก้นหนานุ่ม อย่างมากก็แค่บาดเจ็บที่ผิวหนังเท่านั้น ไม่ร้ายแรงจนถึงกระดูกหรือเส้นเอ็น เพื่อให้เจียงโม่หานสบายใจ หลินเว่ยเว่ยจึงลุกขึ้นจากพื้นแล้วกระโดดไปมาอยู่กับที่สองสามครั้ง
โอ๊ย ! ดูเหมือนข้อเท้าที่มนุษย์โอสถจับจะเจ็บเล็กน้อย เมื่อยกขากางเกงขึ้น นางก็ได้เห็นข้อเท้าที่มีสีเขียวอมม่วง
เจียงโม่หานเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองนางทันทีแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ข้อเท้าบาดเจ็บหรือ ? นายอำเภอหวางมาถึงแล้ว ข้าจะไปถามว่าในอำเภอเป่าชิงมีหมอด้านกระดูกฝีมือดีหรือไม่”
หลินเว่ยเว่ยรีบคว้าข้อมือเขาไว้แล้วยกเท้าขึ้นมาแกว่งไปมา ก่อนจะวางมันลงกับพื้นและลองเดินสองสามก้าว “ข้าไม่เป็นไร ! ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูกหรอก ! ”
เมื่อนายอำเภอหวางทราบเรื่องก็รีบพาทหารของทางการที่เหลือมายังจุดเกิดเหตุ…เป็นอย่างที่คิดว่าเจ้าหน้าที่ของทางราชการมักจะมาถึงสถานที่เกิดเหตุเป็นรายสุดท้ายเสมอ ภาพยนต์และละครโทรทัศน์ไม่ได้นำเสนอเรื่องหลอกลวง !
“ซื่อจื่อ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือขอรับ ? หมอซ่ง หมอซ่งอยู่ที่ใด ? ” นายอำเภอหวางเห็นหมินอ๋องซื่อจื่อใช้กระบี่ยันพื้นไว้แล้วกระอักเลือดออกมา ร่างกายโซเซ แววตาขุ่นมัวจนเกือบหมดสติอยู่แล้ว หมินอ๋องซื่อจื่อเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของหมินอ๋องซึ่งฮ่องเต้ก็รักเสียยิ่งกว่าโอรสแท้ ๆ ของพระองค์ ดังนั้นท่านจะเป็นอันใดไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นการที่ข้าจะสูญเสียหมวกขุนนางไปคงเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะอาจกลายเป็นหายนะของตระกูลมากกว่า !
หมินอ๋องซื่อจื่อโบกมือ “ไม่เป็นไร ท่านออกคำสั่งให้หมอไปดูอาการเหล่าองครักษ์ของข้าก่อน…”
หมินอ๋องซื่อจื่อนำองครักษ์ของจวนหมินอ๋องมาด้วย 14 นาย ครึ่งหนึ่งถูกแบ่งไปอพยพประชาชน ส่วนอีกครึ่งก็คง…
เดิมทีหมอซ่งเป็นหนึ่งในทีมแพทย์อาสาของอำเภอเป่าชิง หลังมีการแจกข้าวสารบรรเทาทุกข์แล้วหมอที่เคยประจำการอยู่ก็ถูกจัดระเบียบโดยหมินอ๋องซื่อจื่อ ในแต่ละวันจะมีหมอประจำการ ณ ประตูนอกเมืองหนึ่งคนเพื่อช่วยรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วย วันนี้ก็มาถึงเวรของหมอซ่งพอดี !
เขาถูกนำตัวออกจากที่ซ่อน…เพื่อตรวจอาการเหล่าองครักษ์ที่ไม่อาจลุกขึ้นจากพื้นได้ ในบรรดาองครักษ์ 8 นาย มีครึ่งหนึ่งที่หมดลมหายใจไปแล้ว ส่วนที่เหลือบ้างก็แขนฉีกออกจากหัวไหล่ บ้างก็ซี่โครงหักถึงเจ็ดแปดซี่ บางนายอวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัสจนมีลมหายใจแผ่วเบา บางนายกระอักเลือดและหมดสติยังไม่ฟื้น…อาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไปจนทำให้เขาตึงมือขั้นสุด !
“ท่านหมอ ข้ามาช่วย ! ” หลินเว่ยเว่ยทนเห็นองครักษ์ผู้ภักดีตายไปเช่นนี้ไม่ได้ นางจึงเข้าไปช่วยโดยฝืนความเจ็บที่ก้นและข้อเท้าเอาไว้
เจียงโม่หานดึงไว้ก็ไม่อยู่ เขาจึงเดินตามนางไปด้วยสีหน้าเย็นชา…เด็กคนนี้จิตใจดีเกินไป ทำเพื่อคนอื่นจนชีวิตน้อย ๆ ของตนก็ไม่สนแล้วหรือ ?
หมอซ่งล้างบาดแผลให้ผู้บาดเจ็บ หลินเว่ยเว่ยก็ส่งน้ำสะอาดให้ หมอซ่งเขียนใบสั่งยา หลินเว่ยเว่ยก็อาสาไปต้มยา หมอซ่งหยิบยาสูตรลับออกมา หลินเว่ยเว่ยก็คอยส่งน้ำอุ่นถ้วยหนึ่งให้ถึงมือ…
เด็กรับใช้ของหมอซ่งโดนแย่งงานจนไม่มีที่จะยืน…เจ้าหมอนี่คงไม่ได้คิดแย่งอาจารย์ไปจากเขาหรอกกระมัง ?
หมอซ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงในอำเภอเป่าชิง ฝีมือด้านการแพทย์ไม่เลว เมื่อเขาไม่มีศิษย์คอยสืบทอดวิชาจึงทำให้ครอบครัวของเด็กคนนี้ใช้เส้นสายเพื่อส่งเขามารับใช้ข้างกายหมอซ่ง
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางพอใจกับตำแหน่งเด็กรับใช้เล็ก ๆ นี้หรอก เขามาเพื่อเป็นลูกศิษย์หมอซ่ง ดังนั้นจะปล่อยให้ผู้อื่นแย่งไปไม่ได้ !
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุการณ์แย่งงานทำของคนสองคนขึ้นมา ในเวลาปกติเด็กรับใช้ก็ขยันขันแข็งอยู่แล้ว วันนี้กลับดูโดดเด่นยิ่งกว่า ยังไม่ทันให้หมอซ่งออกคำสั่ง เขาก็รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร หลังแย่งงานมาได้แล้วเขายังทำตัวเป็นเด็กที่ส่งสายตาเย้ยหยันให้หลินเว่ยเว่ย !
การที่หลินเว่ยเว่ยเข้าไปช่วยเพราะอยากใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณรักษาชีวิตพวกองครักษ์ไว้ เมื่อเห็นเด็กรับใช้คอยแย่งงาน นางก็หาถังน้ำมาสองสามใบแล้วแสร้งเดินวนรอบค่ายพักฉือหลี่โกวรอบหนึ่งเพื่อเปลี่ยนจากน้ำธรรมดาให้กลายเป็นน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณ เมื่อวางถังน้ำไว้ข้างมือเด็กรับใช้ของหมอซ่งแล้ว นางจึงว่างงานในที่สุด
หมินอ๋องซื่อจื่อลากสังขารของตนโดยมีนายอำเภอหวางช่วยประคองมาดูอาการบาดเจ็บขององครักษ์ ทันใดนั้นหมอซ่งก็กล่าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “เรียนซื่อจื่อ พวกเขาบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่พวกเขามีร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็งจึงพ้นขีดอันตรายมาได้ ทว่าแขนขององครักษ์ท่านนี้…ข้าน้อยไร้ความสามารถจะต่อคืนแล้วขอรับ ! ”
องครักษ์นายนั้นมีสีหน้าซีดเผือด แต่ท่าทางดูดีขึ้นบ้างแล้ว “แค่รักษาชีวิตไว้ได้ข้าก็พอใจแล้ว ! ซื่อจื่อขอรับ หมอซ่งมีวิชาแพทย์สูงส่ง พอข้าน้อยดื่มยาที่เขาสั่งให้แล้ว ข้าน้อยก็รู้สึกได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่ไหลออกมาจากอวัยวะภายใน มันไหลวนไปทั่วทั้งแขนขา รู้สึกได้ว่าร่างกายเปลี่ยนไปทันที ท่านเองก็บาดเจ็บภายใน อย่าห่วงแต่พวกข้าน้อยเลยขอรับ ท่านให้หมอซ่งตรวจอาการเถิด ! ”
ไม่รู้ว่าหลินเว่ยเว่ยโผล่ออกมาจากไหน นางได้ยื่นน้ำอุ่นให้หมินอ๋องซื่อจื่อทันที
จู่ ๆ แววตาขององครักษ์นายนั้นก็มีไฟลุกโชน เขาจ้องหลินเว่ยเว่ยแล้วตวาดเสียงดังลั่น “เจ้าเป็นใคร ? เหล่าลิ่วอยู่ที่ใด ? เหตุใดจึงปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาได้ ถ้ามีศัตรูปะปนเข้ามา ซื่อจื่อไม่ต้องเสี่ยงอันตรายอีกหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปากใส่เขา “เมื่อครู่ข้าทำงานหัวหมุนร่วมกับหมอซ่ง ยาที่เจ้ากินเข้าไปข้าก็เป็นคนต้ม ถ้าข้ามีเจตนาร้าย เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้หรือ ? ”
เจียงโม่หานหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นนางทำดีแล้วยังโดนต่อว่า เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ตนเองได้รับบาดเจ็บแล้วยังไม่ยอมพักผ่อน คอยอยู่ช่วยหมอรักษาคนเจ็บ สมองเจ้าคิดอันใดอยู่ ? ดูสิ อีกฝ่ายซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้าหรือไม่ ? ”