ตอนที่ 198 สองมาตรฐานเกินไปแล้ว
ตอนที่ 198 สองมาตรฐานเกินไปแล้ว
เจียงโม่หานใช้นิ้วชี้ดันตัวหลินเว่ยเว่ยให้ออกห่างพลางกล่าวด้วยเสียงปนเหนื่อยหน่าย “จำไว้ ไม่ว่าชีวิตใครก็ไม่ล้ำค่าเท่าชีวิตตนเอง ! เจ้าคิดว่าตนเป็นแมวเก้าชีวิตจริงหรือ ? ”
“ใช่ ใช่ ! เชื่อฟังเจ้า ต่อไปข้าจะเชื่อฟังเจ้าตลอด ! หายโกรธแล้วใช่หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยทำสีหน้าเอาใจแล้วแอบถอนหายใจโล่งอก…ในที่สุดก็ปลอบบัณฑิตหนุ่มได้เสียที ข้าเก่งเหลือเกิน !
หลินจื่อเหยียนทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากบทสนทนาของทั้งสองคน เขาจึงดึงตัวพี่รองเข้ามาพูดด้วย “พี่รอง ศิษย์พี่เจียงสั่งสอนได้ถูกแล้ว คราวนี้ข้าไม่เข้าข้างท่าน ! ก่อนที่ท่านจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงก็ช่วยนึกถึงท่านแม่ น้องสี่หรือคนในครอบครัวอย่างพวกเราหน่อยได้หรือไม่ ? อย่าว่าแต่ศิษย์พี่เจียงเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นข้า ข้าเองก็โมโหเหมือนกัน ! ”
หลินเว่ยเว่ยผลักเขาออกด้วยความรังเกียจ “เจ้าไปโมโหทางโน้นเลยไป๊ อย่ามาทำตาขวางใส่ข้า ! ” นางปลอบบัณฑิตหนุ่มด้วยความยากลำบาก แต่เจ้าเด็กนี่มาราดน้ำมันลงบนกองไฟ หาเรื่องโดนทุบหรือไร !
“พี่รอง ท่านสองมาตรฐานเกินไปหรือไม่ ? ” หลินจื่อเหยียนประท้วงเสียงดัง เวลาศิษย์พี่เจียงโมโห ท่านฉีกยิ้มหน้าบานพลางกล่าวถ้อยคำปลอบประโลม แต่พอถึงคราวน้องชายแท้ ๆ กลับบอกให้ไสหัวออกไปยิ่งไกลยิ่งดี เรียกว่าสองมาตรฐานชัด ๆ
ผู้ใหญ่บ้านก็มาถามถึงสถานการณ์เหมือนกัน เขาดูเป็นห่วงหลินเว่ยเว่ยและสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาพลางกล่าวว่า “ดูท่าแล้ววันนี้เราจะเอาข้าวสารกลับไม่ได้…”
หลินเว่ยเว่ยมองไปยังจุดแจกอาหารที่อยู่ห่างออกไป บริเวณนั้นยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีทั้งคนช่วยรักษาผู้บาดเจ็บ คนปลอบโยนประชาชนและสำคัญที่สุดคือหมินอ๋องซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บ นายอำเภอหวางจะเอากะจิตกะใจที่ไหนมาสนใจการแจกข้าวสาร ?
หวังว่าวันพรุ่งนี้จะมีการแจกข้าวสารใหม่ เพราะหลังจากพวกตนได้ข้าวสารแล้ว ถ้ารีบเดินทางก็อาจถึงหมู่บ้านฉือหลี่โกวในยามเย็น แต่ถ้ากลับไม่ทัน เมื่อถึงเขตเริ่นอันแล้วก็สามารถพักผ่อนแถวโกดังได้ ! ที่นั่นมีทหารซึ่งองค์ชายเจ็ดทิ้งไว้เฝ้าระวังเสบียงอยู่จึง…ปลอดภัยหายห่วง !
หลินเว่ยเว่ยนั่งบนเกวียนเทียมล่อของตน เมื่อลูบข้อเท้าที่รู้สึกปวดร้าวแล้ว นางก็หันไปมองประตูเมืองที่ยังมีผู้คนพลุกพล่านดังเดิม นางคลี่ยิ้มแล้วเงยหน้าพลางหรี่ตามองหมู่เมฆและท้องฟ้าสีคราม
ทันใดนั้นก็มีขวดพร้อมกลิ่นยาบางอย่างมาปรากฏขึ้นตรงหน้า
ต่อจากนั้นเจียงโม่หานก็ยัดน้ำมันนวดใส่มือนาง “ไปหาที่ไม่มีคนอยู่แล้วออกแรงนวดรอยฟกช้ำ ! ”
หลินเว่ยเว่ยนำขวดยาในมือมาเล่น “เจ้าแน่ใจว่าจะให้ข้า ‘ออกแรง’ นวดจริงหรือ ? ”
เจียงโม่หานมองนางราวกับมองคนโง่ “เจ้าจะหาเรื่องใช่หรือไม่ ? ถ้าเจ้าออกแรงนวด ! ก็คงทำให้ตนกลายเป็นคนพิการพอดี”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะอย่างโง่งม “ข้ากลัวว่าจะควบคุมแรงไม่อยู่ต่างหาก เช่นนั้น…”
“ข้าจะไปหาหยาเอ๋อร์แล้วให้นางมาช่วยเจ้า ! ” เจียงโม่หานรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวนางจะพูดสิ่งใดที่น่าตื่นตกใจออกมาอีก
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะแสนชั่วร้ายของหลินเว่ยเว่ยก็ดังไล่หลัง
ถ้าจะแข่งเรื่องความหน้าด้านหน้าทน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็พ่ายแพ้เสมอ !
“หลิน…หลินกู่เหนียงเองหรือ ? ” ทันใดนั้นน้ำเสียงแฝงความประหลาดใจของหนิงตงเซิ่งก็ดังขึ้น “กู่เหนียงจะมาอำเภอเป่าชิง เหตุใดไม่ให้คนส่งจดหมายมาบอกข้า ? มากันตั้งแต่เมื่อไร ? อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย ตามข้าเข้าเมืองเถิด ที่นี่เพิ่งมีเหตุลอบสังหารเกิดขึ้น ไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อย ! ”
หลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากเกวียนแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณชายหนิงเองหรือ ? จริงสิ ! เหตุใดข้าคิดไม่ออกว่าเรายังมีคนรู้จักที่อำเภอเป่าชิงด้วย ! คุณชายหนิง เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ ? ”
เจียงโม่หานเข้ามายืนข้างหลินเว่ยเว่ย ใบหน้าของหนิงตงเซิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น จากนั้นก็เหลือบมองเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “เมื่อครู่ตอนที่ข้ากำลังจะเข้าเมืองก็เห็นแผ่นหลังของใครคนหนึ่งเหมือนบัณฑิตเจียง ข้าจึงคิดว่าพวกท่านก็น่าจะมารับอาหารบรรเทาทุกข์เหมือนกันจึงตามมา แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ได้เจอกู่เหนียงจริงด้วย ! ”
เจียงโม่หานเป็นห่วงเพียงข้อเท้าของหลินเว่ยเว่ย เขาถลึงตาใส่นาง “เท้าไม่เจ็บแล้วหรือ ? กลับไปนั่งบนเกวียนเดี๋ยวนี้ ! ”
“เกิดอันใดขึ้น ? หลินกู่เหนียงบาดเจ็บหรือ ? ได้ยินว่าเมื่อครู่หมินอ๋องซื่อจื่อถูกลอบสังหาร ประชาชนบาดเจ็บจำนวนมาก หลินกู่เหนียง เท้าของท่าน…มา ตามข้าเข้าเมืองจะได้ให้หมอตรวจอาการ” หนิงตงเซิ่งได้สอบถามเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เมื่อครู่ยังรู้สึกขอบคุณที่ตนเสียเวลาระหว่างทางไปครู่หนึ่งจึงหลบพ้นภัยครั้งนี้ได้ !
หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มแล้วโบกมือ “ไม่เป็นไร ก็แค่รอยช้ำเล็กน้อยเท่านั้น ประเดี๋ยวนวดยาก็หายแล้ว ! ”
หนิงตงเซิ่งยังคงกล่าวต่อ “ในเมื่อหลินกู่เหนียงมาที่อำเภอเป่าชิง วันนี้ข้าจะเป็นเจ้าบ้านเอง หวังว่าหลินกู่เหนียง…แล้วก็บัณฑิตเจียงจะให้เกียรติ ! ”
หลินเว่ยเว่ยชี้ไปที่ประตูทางเข้าอำเภอ “วันนี้คุณชายหนิงเพิ่งจะกลับมาจากเขตเริ่นอันใช่หรือไม่ ? ประตูอำเภอเป่าชิงถูกปิดล้อมไว้ หากไม่มีทะเบียนบ้านหรือทะเบียนการค้าก็ไม่มีทางเข้าไปได้ ! ”
หนิงตงเซิ่งยิ้มอบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ให้ความรู้สึกเหมือนสายลมแสนอ่อนโยน “หลินกู่เหนียงคงไม่ทราบว่าพ่อค้าที่เข้าออกเมืองบ่อยเช่นพวกข้าจะมีหนังสือเดินทางสำหรับเอาไว้ใช้เข้าออก หนังสือเดินทางหนึ่งฉบับสามารถพาคนต่างถิ่นเข้าเมืองได้สองคน”
หลินจื่อเหยียนเบียดตัวเข้ามาพลางมองหนิงตงเซิ่งตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สายตาที่อีกฝ่ายมองพี่รอง…เหมือนตะขอไม่มีผิด แค่มองก็รู้ว่ามีเจตนาร้าย ! หน้าตาพอใช้ สายตาแพรวพราว แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้ ยิ้มหน้าบานเช่นนี้ อยากเกี้ยวพาใครมิทราบ ?
“พี่รอง เขาคือใคร ? ” พี่รองคงไม่ได้จะเปลี่ยนเป้าหมายเพราะไม่ได้รับความรู้สึกใดจากศิษย์พี่เจียงแล้วเปลี่ยนมาตรฐานใหม่กระมัง ? พี่รอง เวลาเลือกพี่เขยจะมองเพียงหน้าตาไม่ได้ !
หนิงตงเซิ่งโดนสายตาพินิจพิเคราะห์ของอีกฝ่ายมองจนรู้สึกไม่สบายใจ พอได้ยินคำเรียกจากปากอีกฝ่ายเท่านั้น คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็คลี่ออก “หลินกู่เหนียง ท่านนี้คือ…”
“นี่คือคุณชายหนิงซึ่งเป็นหุ้นส่วนของพวกเรา ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ที่เขตเริ่นอันเป็นของเขา อายุยังน้อยก็เป็นเจ้าของร้านค้าถึงสองสาขาแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยแนะนำให้น้องชายรู้จักก่อน จากนั้นก็พูดกับหนิงตงเซิ่งว่า “เขาคือน้องชายคนโตของข้า เป็นเหมือนบัณฑิตน้อยคือศึกษาอยู่ที่สำนักศึกษาในเขตเริ่นอัน ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็จะเริ่มสอบถงเซิงแล้ว ! ”
รอยยิ้มของหนิงตงเซิ่งดูอบอุ่นกว่าเดิม “น้องชายอายุน้อยแค่นี้ก็จะร่วมการสอบถงเซิงแล้ว ช่างเป็นเด็กหนุ่มมากความสามารถเหลือเกิน ! ”
หลินจื่อเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “มิกล้า มิกล้า คุณชายหนิงก็เป็นคนหนุ่มที่เก่งกาจเช่นกัน ! ”
สายตาของหนิงตงเซิ่งหันไปจับจ้องที่ตัวหลินเว่ยเว่ยอย่างอ่อนโยน “ข้าได้รับโชคจากหลินกู่เหนียง ถ้าไม่มีสินค้าของนางและสูตรขนมเหล่านั้น ข้าก็คงไม่รู้ว่าร้านในความดูแลจะออกมาเป็นเช่นไร ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มอย่างไม่คิดอันใดมาก “คุณชายหนิงกล่าวเกินไปแล้ว ด้วยความสามารถด้านการค้าของคุณชายหนิง แม้ไม่มีข้าช่วยเหลือ ท่านก็ไม่มีทางขาดทุนแน่นอน คุณชายหนิง พวกเรามากับชาวบ้านในหมู่บ้านจึงไม่กล้ารบกวนท่านหรอก ! ”
ภายใต้การประคองของหลานชาย ผู้ใหญ่บ้านจึงเดินเข้ามาพูดว่า “นางหนูรอง วันนี้คงไม่ได้ข้าวสารแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็ได้ ส่วนเจ้าตามคุณชายท่านนี้เข้าเมืองไปเถิด ตรวจรักษาข้อเท้าของเจ้าให้ดีแล้วจะปล่อยให้เป็นโรคเรื้อรังตามมาไม่ได้ ! ”
หลิวต้าซวนก็พยักหน้าแล้วพูดตาม “ใช่ ใช่ ! ทางนี้มีพวกเราลุงป้าคอยดูแล เจ้าตามคุณชายท่านนี้เข้าเมืองอย่างสบายใจเถิด ! ”
หลินเว่ยเว่ยหันมามองเจียงโม่หาน จากนั้นก็มองน้องสาม สุดท้ายนางก็ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม “ข้อเท้าข้าไม่ได้เป็นอันใด ไม่จำเป็นต้องให้ท่านหมอมาดูอาการ ขอบคุณน้ำใจของคุณชายมาก คราวหน้าหากมีโอกาส ข้าจะรบกวนคุณชายแน่นอน…”