ตอนที่ 216 ไม่หมั้นกับข้าแล้วจะหมั้นกับผู้ใด ?
ตอนแรกเจียงโม่หานยังสงสัยว่าหลินเว่ยเว่ยจะกลับชาติมาเกิดเหมือนตนและเข้าใจผิดว่านางใกล้ชิดตนเพราะล่วงรู้ตำแหน่งและอำนาจในอนาคตของเขามาก่อน ทว่าพอรู้จักกันนานเข้าจึงได้รู้ว่านางมีนิสัยเช่นนี้อยู่แล้ว !
“ข้าควรรู้สิ่งใด ? เอาเถิด ข้าจะลองคิดดู…บัณฑิตน้อย เจ้าฝันกลางวันอยู่หรือ ! ” หลินเว่ยเว่ยยังเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของเขา…ไม่ได้เป็นไข้ใช่หรือไม่ !
เป็นอย่างที่คิดว่าเด็กคนนี้ไม่รู้เรื่องราวในอดีตชาติ แต่อย่างไรนางก็ต้องมีที่มาที่ไปเช่นกัน ตอนนี้เขาไม่อยากซักไซ้ ก็ใครใช้ให้เขา…ตกอยู่ในมือเด็กตัวแสบเล่า !
ก่อนที่จะตกหน้าผา มือของเขาก็ยังจับมือนางไว้แน่น…แม้ไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจว่าเด็กตัวแสบที่ไม่มีข้อดีอยู่กับตัวคนนี้ได้เข้าไปหยั่งรากลึกในหัวใจเขาแล้ว
คาดไม่ถึงว่าตำแหน่งฮูหยินของโฉวฝู่ในอนาคตจะเป็นเด็กป่าเถื่อนนิสัยหยาบคายและตรงไปตรงมาคนนี้ ! เขาต้องโดนเหล่าผู้ทรงอำนาจในเมืองหลวงหัวเราะเยาะแน่นอน !
ทว่าโฉวฝู่อย่างเขาเป็นผู้ปกป้องครอบครัวได้ดีที่สุด สามารถหัวเราะเยาะเขาได้แต่จะหัวเราะเยาะฮูหยินของเขาไม่ได้เด็ดขาด ! เด็กตัวแสบมีจิตใจบอบบาง ถ้าเขาไม่ปกป้องไว้หน่อยก็จะโดนสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นรังแกจนตาย
หืม ? ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไปไกลโข สถานการณ์ของตนในเวลานี้ยังจะมีโอกาสได้เป็นโฉวฝู่หรือไม่ยังไม่ทราบ ! อีกอย่างตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่ทลายกำแพงที่กั้นระหว่างกันออกเลย !
ไม่ได้การ แม้วันนี้ทั้งสองจะไม่รอด ทว่าก็แค่ตายเท่านั้น ก่อนตายจะต้องคุยเรื่องความสัมพันธ์ให้ชัดเจนเสียก่อน เจียงโม่หานวางมือที่เอวหลินเว่ยเว่ยแล้วค่อย ๆ ออกแรงทำให้ทั้งสองคนอยู่แนบชิดกันมากกว่าเดิม
หลินเว่ยเว่ยรู้สึกได้ว่าเนินหน้าอกอันนุ่มนิ่มชนิดสาวน้อยแรกรุ่นของตนถูกเบียดจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย นางจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “บัณฑิตน้อย อย่าออกแรงเยอะเช่นนี้สิ เราไม่ตกไปหรอก ! ”
“ข้าสละชีวิตช่วยเจ้าไว้ เจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดหน่อยหรือ ? ” เจียงโม่หานมองไปที่นางพร้อมคำใบ้ในประโยคคำถาม
“มี ! ” หลินเว่ยเว่ยมองแล้วทันใดนั้นนางก็เอื้อมมือไปดึงแก้มอีกฝ่าย “ดูเจ้าสิ โง่ใช่หรือไม่ ? เหตุใดไม่รู้จักปล่อยมือ ? ตายคนเดียวดีกว่าตายสองคน เจ้าโง่เอ๊ย ข้าจะชี้แนวทางการใช้ชีวิตให้เจ้าว่าเวลาที่ควรปล่อยมือก็ต้องปล่อย ! ”
“ไม่ว่าสิ่งใดข้าก็ยอมปล่อยได้ ! ” มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ปล่อยไม่ได้ ! ! ดวงตาของเจียงโม่หานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าใจอ่อน ทนเห็นชีวิตใครคนหนึ่งสูญสลายไม่ได้ แต่เจ้าจะสละชีวิตไปพร้อมกันไม่ได้ ! นี่ไม่เรียกว่าจิตใจดีแต่เรียกว่าโง่ต่างหาก”
ใจอ่อน ? จิตใจดี ? โฉวฝู่ที่โดนขุนนางในราชสำนักเห็นเป็นปิศาจเลือดเย็นในชาติที่แล้วสามารถใจอ่อนและมีจิตใจดีได้หรือ ? ตลกสิ้นดี !
เจียงโม่หานจ้องนางด้วยแววตาหนักแน่น เด็กคนนี้มีดวงตาที่ใสยิ่งกว่าน้ำในหุบเขา เวลาปกติชอบยิ้มหัวเราะสนุกสนานจนทำให้กลายเป็นเสี้ยวพระจันทร์น่ารัก ยามที่หันมามองแล้วความแวววาวในดวงตาก็เผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าที่แสนธรรมดาเปลี่ยนไปจนทำให้ผู้คนหวั่นไหว
“ไม่ได้มีคำโบราณกล่าวไว้ว่าบุญคุณช่วยชีวิตมีเพียงใช้ร่างกายตอบแทน เจ้าคิดว่าอย่างไร ? ” เจียงโม่หานเห็นว่าคำใบ้ของตนไม่ประสบความสำเร็จจึงเปลี่ยนมาเป็นพูดตรง ๆ…เร็ว โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว พลาดโอกาสนี้ก็จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง
หลินเว่ยเว่ยตาโตแล้วทำท่าทางเหลือเชื่อ “บัณฑิตน้อย เจ้าอ่านตำรามากไปหรือ ? เจ้ากลายเป็นคนหัวโบราณตั้งแต่เมื่อใด ? ”
“บุญคุณช่วยชีวิตก็มีแล้ว กายแนบกายก็เกิดแล้ว ! เจ้าไม่หมั้นกับข้าแล้วจะหมั้นกับผู้ใด ? ” เจียงโม่หานขมวดคิ้ว…ทำไมหรือ ? คิดใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยมือเพื่อจับใช่หรือไม่ ?
“บุญคุณช่วยชีวิต ? ” หลินเว่ยเว่ยก้มหน้ามองสถานการณ์ของทั้งสองคน…เขาไม่เป็นตัวถ่วงก็ถือว่าดีแล้ว จะเอาบุญคุณช่วยชีวิตมาจากไหน เอาเถิด แม้เขาสละชีวิตช่วยไว้ แต่เมื่อก่อนนางก็เคยช่วยเขานี่ ถือว่าเสมอกัน !
ส่วนประเด็นกายแนบกายนี้…ยังมีเสื้อผ้ากั้นอยู่ไม่ใช่หรือ ? บัณฑิตน้อย เมื่อก่อนเจ้าเห็นข้าเป็นกอเอี๊ยะหนังสุนัขที่อยากแกะออกแทบตายไม่ใช่หรือ ? เหตุใดวันนี้อยากให้นางใช้ร่างกายตอบแทน ? หรือไม่อยากเดินบนถนนหวงฉวน1คนเดียวจึงอยากลากนางไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย ?
เจียงโม่หานไม่ชอบท่าทีของนาง หมายความว่าอย่างไร ! เมื่อก่อนคนที่เข้ามาเกาะแกะเขาโดยไร้ยางอายไม่ใช่นางหรอกหรือ คนที่อยากจะลงมือลวนลามเขาก็เป็นนางไม่ใช่หรือ ? แล้วตอนนี้เขาให้นางได้สมปรารถนา นางกลับเล่นตัว เฮ้อ ! สตรีหนอสตรี !
โอ้ ! เขาโมโหอีกแล้ว ! ช่างเป็นบุรุษที่เอาใจยากเสียจริง !
ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้น เจ้ากอดข้า ข้ากอดเจ้า หากไม่ได้อยู่บนหน้าผาแห่งนี้ก็คง ‘โรแมนติก’ ไม่น้อย ! อาทิตย์ค่อย ๆ ขึ้นมาจนถึงเหนือศีรษะแล้วมันก็ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก
ตอนที่พวกนางออกจากหมู่บ้านได้นำอาหารติดตัวมาด้วย ดังนั้นการไม่กลับบ้านตอนกลางวัน คนในครอบครัวย่อมไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ เฮ้อ ! ไม่รู้ว่าเมื่อใดคนในบ้านจึงจะสังเกตเห็นความผิดปกติแล้วขึ้นเขามาตามหา ?
“บัณฑิตน้อย เหนื่อยหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของตนด้วยเสื้อของบัณฑิตหนุ่ม จากนั้นก็หาหัวข้อสนทนาเรื่อยเปื่อย
เจียงโม่หานเข้าใจผิดว่านางยืนจนเมื่อยแล้วจึงออกแรงประคองเอวบางให้ยกขึ้น “อย่าคิดเปลี่ยนเรื่อง พูดแค่ว่าเจ้าจะยอมหมั้นกับข้าหรือไม่ ! ”
“เจ้า…พูดจริงหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยมองหน้าเขาอย่างจริงจัง แต่ในใจมีใบหน้าของแฟนคลับตัวน้อยโผล่ขึ้นมา…ว้าว ! หล่อจัง ! ดูดีมาก ! เป็นชายในอุดมคติมากเลย !
เจียงโม่หานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะเอาเรื่องเช่นนี้มาพูดเล่น ? ”
“ไม่ใช่สิ…” หลินเว่ยเว่ยพูดติดขัด “เหตุใด…จู่ ๆ เจ้าก็…”
นางหยุดพูดเพื่อเรียบเรียงความคิด จากนั้นก็เงยหน้ามองบัณฑิตหนุ่มแล้วเอ่ยในสิ่งที่ตนคิด “แม้ว่า…ข้าจะหลงใหลในความงามของเจ้า แต่…เราสองคนแตกต่างกันเกินไป เจ้าน่ะ เป็นหิมะขาวท่ามกลางแสงอรุณในฤดูใบไม้ผลิ แต่ข้าเป็นคนธรรมดาเดินดิน เจ้ามีสายลม บุปผา หิมะและจันทราของตน ส่วนข้ามีเพียงฟืน ข้าว น้ำมันและเกลือเท่านั้น ! ”
เมื่อเห็นว่าเขาคิดค้าน นางก็ยังกล่าวต่อ “เป้าหมายของเจ้าคือการสอบซิ่วไฉ สอบจอหงวน ลองคิดว่าหากให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่าเจ้ามีภรรยาเป็นสาวบ้านนอกไม่รู้หนังสือจะน่าอายมาก ! ”
“เจ้าอายุยังน้อย ตอนสอบติดจอหงวนก็คงสวมกวานแล้ว ได้ยินว่าพวกคนมีอำนาจในเมืองหลวงหรือพวกเชื้อพระวงศ์ชอบจับลูกหลานคลุมถุงชน พอถึงเวลานั้นด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้าต้องทำให้สาวงามในเมืองหลวงหลงใหลแล้ว ให้เจ้าเลือกได้จนตาพร่ามัวไปเลย ! หากหมั้นตอนนี้ข้ารู้สึกเสียดายแทนเจ้า ขาดทุนเกินไป !
“ยิ่งไปกว่านั้น บรรดานักปราชญ์ทั้งหลายให้ความสำคัญแก่ความสง่างามมากที่สุด ไหนจะสาวงามที่คอยปรนนิบัติ ฉินเซ่อสอดประสาน2นั่นอีก” หลินเว่ยเว่ยไม่รู้ว่าเขากำลังมีความรู้สึกอย่างไร
ชายในอุดมคติคิดจะบินลงมาแต่งกับนาง นี่เป็นเรื่องที่เด็กสาวได้แต่ร้องขอแล้วเหตุใดนางจึงโง่ผลักไสออกไป ? ทว่าเมื่อวิเคราะห์มาจนถึงอึดใจสุดท้ายแล้ว นางรู้สึกไม่ปลอดภัย…หากได้รับแล้วค่อยสูญเสีย ถ้าเป็นเช่นนั้นสู้ไม่หวังตั้งแต่ต้นยังจะดีกว่า !
เจียงโม่หานเผยให้เห็นรอยยิ้มแต่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “โอ้ ! รู้เยอะใช่ย่อย ‘หิมะขาวท่ามกลางแสงอรุณในฤดูใบไม้ผลิ’ ‘คนธรรมดาเดินดิน’ ‘สายลม บุปผา หิมะและจันทรา’ ‘สาวงามคอยปรนนิบัติ’ ‘ฉินเซ่อสอดประสาน’ ! เสแสร้ง เจ้าเสแสร้งต่อไปสิ ! คิดว่าคำพูดเหล่านี้สาวชาวบ้านไม่รู้หนังสือคนหนึ่งจะพูดออกมาได้หรือ ? ”
1 ถนนหวงฉวน ในวัฒนธรรมจีนหมายถึงสถานที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่หลังความตาย
2 ฉินเซ่อสอดประสาน หมายถึง คู่สามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง