หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 229 แนะนำอย่างยิ่งใหญ่ว่า…คู่ครอง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 229 แนะนำอย่างยิ่งใหญ่ว่า…คู่ครอง

ยามราตรี ดวงดารากะพริบแสงกระจ่างฟ้า จู่ ๆ เจียงโม่หานก็ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขาเงี่ยหูฟังก็พบว่าประตูหลังบ้านตระกูลหลินมีเสียงเหมือนโดนข่วนเกิดขึ้น

เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วย้ายบันไดมาที่หลังบ้านตระกูลเจียง ตอนที่ปีนขึ้นไปเห็นนอกกำแพงแล้วเขาต้องสูดหายใจเข้าลึกทันที…ภายใต้ความมืดมิด ดวงตาสีอำพันคู่หนึ่งมองมาทางเขาพอดิบพอดี

หมาป่าตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุดยังแยกเขี้ยวข่มขู่ราวกับพร้อมโจมตีเสมอ แต่มันก็โดนหมาป่าสีเทาอีกตัวใช้ร่างกายที่แข็งแรงกว่าหยุดไว้

เห็นได้ชัดว่าหมาป่าสีเทาเป็นจ่าฝูง มันกวาดสายตามองเจียงโม่หาน หลังจากค่อย ๆ ถอยไปสองสามก้าวแล้วหมาป่าตัวที่ขู่เมื่อครู่ก็ไปยืนอยู่บริเวณกำแพง ทันใดนั้นจ่าฝูงก็วิ่งกระโจนขึ้นหลังหมาป่าตัวนั้นแล้วทะยานตัวเข้ามาในกำแพงบ้านตระกูลหลิน

เหมือนว่าหมาป่าตัวนี้จะเปี่ยมสติปัญญา เพราะหลังจากกระโดดเข้ามาแล้วก็ไม่ได้ไปทำร้ายสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้ตรงหลังบ้าน แต่เดินอย่างองอาจมายังประตูหลังบ้านแล้วยกสองขาหลังขึ้นยืนเหมือนมนุษย์เพื่อดึงสลักกลอนประตูหลังบ้านออกอย่างชำนาญ

ต่อจากนั้นหมาป่าอีกหลายตัวซึ่งอยู่ข้างนอกก็ค่อย ๆ คาบสัตว์ที่ล่าได้เข้ามาไว้ตรงหลังบ้าน เมื่อวางเสร็จแล้วก็เดินออกไปอย่างเป็นระเบียบ จ่าฝูงก็เดินออกไปเช่นกัน แต่ในขณะที่เจียงโม่หานกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันก็คาบบางอย่างไว้ในปากแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้งและตรงไปที่ลานหน้าบ้าน !

เจียงโม่หานจึงรีบลงจากกำแพงแล้วย้ายบันไดมาที่ลานหน้าบ้าน ห้องที่หลินเว่ยเว่ยพักอยู่มีกำแพงติดกับบ้านสกุลเจียง เขาจึงปีนขึ้นกำแพงอีกครั้งแล้วใช้ก้อนหินโยนไปที่หลังคาห้องของหลินเว่ยเว่ย

เร็ว ! รีบตื่นขึ้นมา ! ถ้ายังไม่ตื่นอีก…ข้าจะข้ามไปแล้ว ! เขาใช้แสงจันทร์เพื่อมองจ่าฝูงเดินข้ามลานหลังบ้านมายังมุมของลานทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างชัดเจน นัยน์ตาสีอำพันเผยความเยือกเย็นออกมา

โชคดีที่เด็กน้อยหลับไม่ลึกมาก เมื่อผลักประตูออกมาแล้วนางก็ขยี้ตาพลางกวาดมองโดยรอบ “เฮ้ ! บัณฑิตน้อย เพิ่งห่างกันเอง เจ้าคิดถึงข้าแล้วหรือ ? อยาก ‘จันทร์เฉิดฉายเหนือกิ่งหลิว คนรักนัดพบยามสนธยา’ กับข้าแล้วหรือ ? ”

หืม ? เหตุใดใบหน้าที่งดงามของบัณฑิตหนุ่มจึงขาวซีดขึ้นมาก ? รูปหน้าบิดเบี้ยวอีก หมายความว่าอย่างไร ? เจ้าพูดออกมาสิ

เจียงโม่หานเห็นจ่าฝูงตัวนั้นค่อย ๆ เดินเข้าใกล้หลินเว่ยเว่ย เขาจึงร้อนใจจนเหงื่อตกและชี้ไปด้านหลังของนาง เพราะอยากเตือนให้ทราบถึงอันตรายที่อยู่ด้านหลัง แต่ก็กลัวเสียงของตนจะทำให้หมาป่าตกใจ พอคิดว่าหากให้นางหันไปมองแล้ว โบราณไม่ได้บอกว่าเวลาเจอหมาป่าอย่าหันกลับไปมองเด็ดขาดหรอกหรือ ? เพราะมันจะขย้ำคอเอาได้ !

“เจ้าเป็นอะไร ? เจอผีมาหรือ ? หรือว่าฝันร้าย ? ข้างหลังข้า ? ข้างหลังของข้ามีอะไรอีกเล่า ? คงไม่ใช่…สิ่งไม่ดีกระมัง ? ” หลินเว่ยเว่ยไม่กลัวดินไม่กลัวฟ้า แต่กลัวฉากหนังสยองขวัญเหล่านั้นมาก

นางเครียดขึ้นมาทันที ราวกับภาพสโลว์โมชั่นในภาพยนตร์คือนางค่อย ๆ หันไปมอง แต่แล้วก็ต้องตกใจเพราะดวงไฟสีเหลืองขนาดเล็กที่อยู่ข้างหลัง นางจึงกระโดดถอยออกมาสองสามก้าว

“ระวัง ! ” เจียงโม่หานกระวนกระวายยิ่งกว่าอะไร เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนกำแพงแล้ว เขารู้ดีว่าช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ตอนที่หมาป่าพุ่งเข้าใส่ เขาก็สามารถเข้าไปขวางได้ ตอนนี้เขามีอยู่แค่ความคิดเดียวคือ…จะปล่อยให้หมาป่าทำร้ายเด็กน้อยไม่ได้ !

ทันใดนั้นตัวเขาก็ถูกแช่แข็งอยู่ตรงกำแพง เขายกมือขยี้ตา นี่ข้าเห็นอะไรเข้า ? เด็กน้อยใจกล้าจนสามารถตบศีรษะจ่าฝูงหมาป่าแถมยังดุมันด้วย “สวรรค์ ! ตกใจแทบแย่! อย่าแอบมายืนอยู่ข้างหลังเช่นนี้สิ ตาสีเหลืองคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าตอนกลางดึก เจ้าจะกลัวหรือไม่ ? ”

จ่าฝูงเจ้าเทาใช้สายตาของราชามองนางอย่างดูแคลนเหมือนกำลังบอกว่ามีอะไรน่ากลัว นางขี้ขลาด ! ทันใดนั้นมันก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตที่กำลังปีนกำแพงอยู่…โจรขึ้นบ้านเจ้าหรือ ให้มันช่วยไล่ออกไปหรือไม่ ?

หลินเว่ยเว่ยมองตามสายตาของมันแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นางรีบวิ่งไปที่ใต้กำแพงบ้านแล้วยื่นมือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บให้บัณฑิตหนุ่มจับ เมื่อรับตัวคนลงมาได้แล้วนางก็พูดอย่างขี้เล่นว่า “บัณฑิตน้อย เจ้าคือ…โจรเด็ดบุปผาหรือ ? ”

“หมาป่าตัวนี้คืออะไร ? อ้อ ไม่ใช่แค่ตัวนี้เพราะหลังบ้านยังมีอีกมาก ! ” เจียงโม่หานดึงตัวหลินเว่ยเว่ยมาไว้ด้านหลังด้วยมือเพียงข้างเดียวเพื่อให้ตนกลายเป็นฝ่ายเผชิญหน้ากับจ่าฝูงหมาป่าแทน

หลินเว่ยเว่ยตบบ่าของเขาแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องเครียด ก่อนหน้านี้จ่าฝูงหมาป่าได้รับบาดเจ็บจึงรักษาตัวอยู่ที่บ้านข้าระยะหนึ่ง เจ้าตัวนี้รู้คุณคนจึงเอาสัตว์ที่ล่ามาตอบแทนอยู่บ่อยครั้งและไม่เคยโจมตีมนุษย์มาก่อน จริงสิ ป่าสนแดงก็เป็นอาณาเขตของหมาป่าฝูงนี้ ข้าไปบอกพวกมันไว้ล่วงหน้าว่าให้พวกมันออกไปตอนกลางวันแล้วค่อยกลับมาใหม่ตอนกลางคืน ! ”

เจียงโม่หานมองนาง จากนั้นก็ก้มหน้ามองจ่าฝูงหมาป่าที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสองก้าว ฟังจากที่นางพูดแล้ว เขาก็คิดว่าแววตาของจ่าฝูงหมาป่าเต็มไปด้วยความหวาดระแวงเพราะกังวลว่าเขาจะทำร้ายนาง !

ภายใต้สายตาหวาดระแวงของจ่าฝูงหมาป่า เจียงโม่หานจึงค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้วลูบศีรษะหลินเว่ยเว่ยจนผมยุ่งเหยิง “เจ้า…มีเรื่องให้ประหลาดใจ ( ตกใจ ) มากแค่ไหนกัน ? ” เสมือนสุราเก่าที่ยิ่งเก่ายิ่งทำให้ประหลาดใจ ยิ่งเก่ายิ่งมีรสชาติ !

“แท้ที่จริงสติปัญญาของเจ้าเทาเทียบเท่าเด็กอายุสองสามขวบเท่านั้น ! เจ้าดีกับมันหน่อย มันก็จะสัมผัสได้เอง เรื่องหมาป่าตอบแทนบุญคุณมนุษย์มีอยู่ในนิทานหลายเรื่องเลย” ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็โน้มกายไปลูบศีรษะเจ้าเทา หลังจากสะบัดหัวไปมาแล้ว มันก็เบี่ยงหลบมือของนาง แต่ไม่มีทีท่าจะโจมตีแม้แต่น้อย

“มา แนะนำให้รู้จักกันหน่อย นี่คือจ่าฝูงเจ้าเทา ทั้งฉลาดและมีคุณธรรม ! ” หลินเว่ยเว่ยตบศีรษะเจ้าเทา จากนั้นก็ชี้มาที่เจียงโม่หานแล้วเปลี่ยนมาแนะนำให้จ่าฝูงหมาป่ารู้จัก “นี่คือบัณฑิตน้อย อีกไม่นานก็จะกลายเป็นคู่หมั้นของข้าแล้ว ! คู่หมั้น เจ้ารู้ไหมว่ามีความหมายอย่างไร ? ก็คือคู่ครองในฝูงหมาป่า…”

พอได้ยินคำแนะนำนี้แล้วใบหน้าของเจียงโม่หานก็มีแต่สีดำคล้ำ หลินเว่ยเว่ยลากมือเขามาวางไว้ใต้จมูกของเจ้าเทา “จดจำกลิ่นนี้ไว้ ต่อไปห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่ ? ”

“เอ๋ ? ” จนถึงตอนนี้หลินเว่ยเว่ยเพิ่งพบว่าในปากของเจ้าเทามีบางอย่างดิ้นอยู่ เมื่อนางเอื้อมมือออกไปเพื่อเอาสิ่งเล็ก ๆ ออกมาจากปากมัน ร่างกายของเจียงโม่หานก็เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเย็นเยือก

“ว้าว ! ลูกสุนัข ? หรือลูกหมาป่า ? หรือลูกของสุนัขกับหมาป่า ? ” หลินเว่ยเว่ยอาศัยแสงจันทร์สลัวเพื่อมองสิ่งมีชีวิตที่กำลังดิ้นอยู่ในฝ่ามือ เป็นเจ้าตัวน้อยสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ ท่าทางไม่ค่อยเหมือนหมาป่าแต่เหมือนหมาป่าผสมสุนัขบ้านมากกว่า !

“ตัวเล็กมาก ! เจ้าเทา มันคงไม่ได้เป็นลูกของเจ้าหรอกกระมัง ? ” หลินเว่ยเว่ยคำนวณในใจว่าหมาป่าใช้เวลาตั้งท้องสองเดือน…เจ้าเทาก็รวดเร็วเหมือนกันนี่ พอกลับเข้าป่าได้ไม่นานก็หาคู่ครองได้เลย !

เจ้าเทาเลียลูกน้อยในมือของนาง ดวงตาสีอำพันจับจ้องมาที่นาง…เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนเล่นลูกชายของมัน ลองนึกดูว่าเจ้าลืมอะไรหรือเปล่า ?

ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็วางลูกหมาป่าไว้ในมือเจียงโม่หาน แล้วหยิบจานอาหารของสัตว์เลี้ยงในบ้านมาเพื่อเทน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณลงไป

จ่าฝูงเจ้าเทาจ้องหน้าเจียงโม่หานด้วยแววตาดุร้ายทันทีราวกับว่ากลัวเขาจะทำร้ายลูกน้อยของตน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท