หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 238 หลุมพราง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 238 หลุมพราง

ทว่านางเองก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน

“หลานสาว โอ้ ! เหตุใดจึงพันแขนเช่นนั้น ? ไปเจ็บตัวได้อย่างไร ? ไม่ระวังล่ะสิ ! ” หลิวว่ายจื่อกำลังนั่งอยู่บนเกวียนเทียมล่อของบ้านตระกูลหลินเพื่อกลับมารายงานเรื่องของงานทั้งหมด !

เขายื่นสมุดบัญชีให้หลินเว่ยเว่ยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมื่อห้าวันก่อน องค์ชายเจ็ดย้ายเสบียงขึ้นเรือไปหมดแล้ว นอกจากเงิน 160 ตำลึงก็ยังให้รางวัลแก่ข้าอีก 5 ตำลึง สมแล้วที่เป็นองค์ชาย พระทัยกว้างดุจมหาสมุทร ! ”

หลินเว่ยเว่ยพลิกดูสมุดบัญชีแล้วพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “เหตุใดยังรับเงินจากองค์ชายเจ็ดอีกล่ะ ? ข้าไม่ได้พูดแล้วหรือ ? ขอแค่พระองค์ช่วยเรื่องเสบียงบรรเทาทุกข์กับเราได้ เราจะให้ใช้โกดังโดยไม่คิดเงิน ! ”

“ข้าก็ทูลแล้ว ! แต่องค์ชายตรัสว่าพระองค์ไม่ขาดแคลนเงินเล็กน้อยเหล่านี้ ! ” หลิวว่ายจื่อมองนาง แล้วก็มองนางอีก เขาดูเหมือนมีบางอย่างที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยออกมา

หลินเว่ยเว่ยสังเกตเห็นจึงพูดกับเขาว่า “อาว่ายจื่อ เราไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย ท่านมีอันใดก็พูดออกมาเถิด ! ”

“นางหนูรอง ได้ยินว่าคุณชายหนิงมาที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวของเราหรือ ? เขาคงมาหาเจ้าสินะ ? ” หลิวว่ายจื่อขมวดคิ้ว “เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับคุณชายหนิงเช่นนั้นหรือ ? ”

“แน่นอนว่า…เป็นหุ้นส่วน ! ” หลินเว่ยเว่ยยังพลิกไปอีกหน้า โอ้ โกดังถูกเช่าอีกแล้ว เงินค่าเช่ายังจ่ายล่วงหน้าด้วย ไม่เลวเลย ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่สิบวัน เงิน 300 กว่าตำลึงก็เข้าบัญชีแล้ว เงินต้นทุนที่ใช้ซื้อโกดังได้คืนมา !

แววตาของหลิวว่ายจื่อดูคลุมเครือขึ้นมาทันที “ไม่ใช่แค่นั้นกระมัง ? เหตุใดเจ้าถึงมีอำนาจมากเพียงนั้น เงินค่าเช่าร้อยกว่าตำลึงบอกจะไม่เอาก็ไม่เอาได้หรือ ? ”

“ง่ายมาก เพราะโกดังที่ท่าเรือไม่ใช่ของตระกูลหนิงแต่เป็นของตระกูลหลิน ! ” เจียงโม่หานเข้ามานั่งข้าง ๆ หลินเว่ยเว่ยแล้วกวาดตามองหลิวว่ายจื่ออย่างเย็นชา…นอกจากความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้เด็กน้อยมีสถานะอันใดกับเจ้าคนแซ่หนิงอีก !

หลิวว่ายจื่อแทบล้มในทันที “หืม ? โกดังสิบกว่าห้องที่ท่าเรือเป็นของหลานสาว…? ”

“ใช่ ! ดังนั้นต้องรู้ว่าใครเป็นนาย อย่าเอาแต่ทำหน้าประจบใส่คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ! ” แม้แต่นายตัวจริงยังไม่รู้ว่าเป็นใคร โง่เง่าเสียจริง ! ไม่รู้ว่าเหตุใดเด็กน้อยถึงเลือกมาใช้งาน !

หลินเว่ยเว่ยกระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ แล้วพูดกับหลิวว่ายจื่อว่า “โกดังที่ท่าเรือเป็นตระกูลหลินและตระกูลเจียงร่วมกันซื้อ เดิมทีมี 8 ห้อง ต่อมาปรับปรุงเป็น 16 ห้อง…นี่ก็เป็นท่านที่ดูแลจนเสร็จสิ้น ตอนนั้นไม่อยากให้มันเด่นสะดุดตาจึงปล่อยให้ท่านเข้าใจผิดว่าโกดังเป็นของคุณชายหนิง”

“ดังนั้นต้องเข้าใจว่าเงินเดือนที่ได้รับมาจากผู้ใดหรือทำงานให้ใคร ! ถ้าแค่นี้ยังไม่เข้าใจ ข้าก็คงพูดได้แค่ ‘เสี่ยวเว่ย เจ้ามองคนผิดแล้ว ! ’ ” เจียงโม่หานพูดแบบตัวร้ายอยู่ด้านข้าง !

หลิวว่ายจื่อรีบพูดต่อทันที “ใครให้เงินข้า ข้าก็จะภักดีกับผู้นั้น ! แม้ข้าหลิวว่ายจื่อจะเลว แต่สำหรับเรื่องนี้ชัดเจนพอ ! เพียงแต่…คาดไม่ถึงว่าหลานสาว ไม่สิ ต่อไปต้องเรียกเจ้าว่า ‘นายหญิง’ ฮ่าฮ่า ! คาดไม่ถึงว่าตระกูลหลินที่เคยลำบากที่สุดจะสามารถซื้อโกดังหลังโตในเขตเริ่นอันได้ ! ”

“เห็นหรือไม่ ! ข้าบอกแล้ว แม้ในอดีตอาว่ายจื่อจะทำตัวไม่ดี แต่เขาก็ให้ความสำคัญเรื่องความรู้สึกและคุณธรรม อย่างไรก็ถือเป็นคนฉลาด ! อาว่ายจื่อ เมื่อก่อนท่านเคยเรียกข้าอย่างไรก็เรียกอย่างนั้นเถิด ! โกดังที่เขตเริ่นอัน เมื่อก่อนท่านเคยดูแลอย่างไรตอนนี้ก็ดูแลอย่างนั้น ! อืม แล้วค่าเช่าในบัญชีนี้เล่า ? ” หลินเว่ยเว่ยทำตัวเป็นนักแสดงที่ดี

หลังเผชิญกับการค้าขายหลายครั้งแล้ว หลิวว่ายจื่อชื่นชมในความกล้าหาญของหลินเว่ยเว่ย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับองค์ชายและซื่อจื่อ สีหน้านางไม่เปลี่ยนและยังพูดคุยได้อย่างธรรมชาติ…อ้อ ได้ยินว่าตอนอยู่ที่อำเภอเป่าชิง นางยังอาศัยพละกำลังของตนช่วยซื่อจื่อไว้ด้วย มีความสัมพันธ์นี้แล้วรวมกับความสามารถอันเหนือมนุษย์ของนางหนูรอง การติดตามนางจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน !

เมื่อได้ยินถ้อยคำพวกนี้ของหลินเว่ยเว่ยแล้ว หลิวว่ายจื่อก็เหมือนได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปในวันที่อากาศร้อนจัด เขารู้สึกสบายไปทั้งตัวจึงยืดตัวตรงและทุบหน้าอกเพื่อรับประกัน “หลานสาว ข้าหลิวว่ายจื่อให้คำมั่นสัญญาแก่เจ้าว่าจะดูแลโกดังที่ท่าเรือให้อย่างดีแน่นอน ! ค่าเช่าที่เจ้ากล่าวถึงก็ได้มาโดยบังเอิญ คนขององค์ชายเจ็ดเพิ่งย้ายของออกไป ผู้ดูแลชิวก็มาหาถึงที่ทันที หลังฟังราคาจากข้าแล้ว เขาก็ลงนามในสัญญาโดยไม่กล่าวอันใดสักคำ แถมยังจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า…”

“มาหาเองถึงที่ ? แถมยังใจกว้างเช่นนั้น แม้แต่ราคาก็ไม่ต่อรอง…” หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเจียงโม่หาน เหตุใดจึงได้กลิ่นไม่ดี ? “สินค้าเหล่านั้นคืออะไร ? ”

“เป็นผ้า ผู้ดูแลชิวบอกว่าได้ซื้อสินค้ามีตำหนิราคาถูกมาจากทางใต้หนึ่งลำเรือ จะมาลองว่าขายได้ราคาดี ๆ ในภาคเหนือหรือไม่ ข้าดูสินค้าแล้วแม้จะเป็นสินค้ามีตำหนิก็ไม่ส่งผลต่อการตัดเสื้อผ้า ! ” หลิวว่ายจื่อเห็นทั้งสองคนมีสีหน้าผิดปกติไป จึงเริ่มใจสั่นแล้วรายงานละเอียดกว่าเดิม !

ในชาติที่แล้วเจียงโม่หานไม่เคยเผชิญกับเรื่องเลวร้ายใดมาบ้าง ? หลังได้ยินเขาก็คิดว่ามันมีบางอย่างมากกว่านั้นแน่นอน เขาจึงพูดกับหลิวว่ายจื่อว่า “สัญญาที่ลงนามแล้วเจ้าเอามาด้วยหรือไม่ ? ข้าขอดูหน่อย ! ”

“เอามาด้วย เอามาด้วย ! ” หลิวว่ายจื่อรีบหยิบสัญญาออกมา “ดูสิ ข้างบนเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าระยะเวลาเช่า 10 วัน จ่ายเงินทั้งหมด 160 ตำลึง…”

เป็นอย่างที่คิด ! พอเจียงโม่หานเห็นแล้วก็ชี้ไปยังค่าชดใช้ 10 เท่าในสัญญาแล้วพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “สินค้าชำรุดหนึ่งลำเรือคุ้มค่าให้ขนจากใต้มาเหนือเช่นนั้นหรือ ? แม้แต่ค่าขนส่งยังสูงกว่าต้นทุนมากโข ! ที่อื่นไม่ยอมไปแต่เลือกมายังพื้นที่ประสบภัยแล้ง ราษฎรยังมีไม่พอกิน ไฉนเลยจะมีเงินไปซื้อผ้ามาตัดเสื้อ ? ”

หลิวว่ายจื่อฟังออกถึงความไม่ชอบมาพากล “เจ้าหมายความว่า…พวกเขาวางหลุมพรางเพื่อหลอกเอาเงินค่าชดใช้จากเราใช่หรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ผ้ากลัวสิ่งใดมากที่สุด ? น้ำ ! ไฟ ! ความสกปรก ! ”

น้ำ เขตเริ่นอันไม่มีฝนตกมาหลายเดือนแล้ว ! ถ้าเรื่องความสกปรก โกดังตระกูลหลินก็สะอาดมาโดยตลอด หากผ้าเหล่านี้ยังสกปรกได้ก็คงจงใจทำเกินไปหน่อย ! ดังนั้นมีเพียงสถานการณ์เดียว…

“ไฟ ? ” หลิวว่ายจื่อพูดเสียงสูง “ไอ้สารเลวแซ่ชิวคงไม่ได้อยากจุดไฟเผาโกดังเราหรอกนะ ? ”

เจียงโม่หานเผยแววตาเย็นชา เขาโบกมือให้หลิวว่ายจื่อแล้วเข้าไปกระซิบออกคำสั่งสองสามประโยค ขณะฟังหลิวว่ายจื่อก็พยักหน้าเป็นครั้งคราว ฟังจบแล้วน้ำเสียงก็ดูฮึกเหิมขึ้นมาทันที “ได้ ! ข้าจะกลับเขตเริ่นอันเดี๋ยวนี้ ! ”

เจียงโม่หานอยากรู้ว่าใครวางหลุมพรางใส่พวกตนกันแน่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่วางใจ “ข้าจะไปกับเจ้า ! ”

“ข้าก็จะไปด้วย ! ” หลินเว่ยเว่ยยกมือขึ้น

แต่เจียงโม่หานไม่เห็นด้วย “เจ้าอยู่รักษาตัวที่บ้าน…”

“บาดแผลของข้าหายพอสมควรแล้ว สะเก็ดส่วนใหญ่ก็หลุดออกด้วย ! ข้าไม่สน เจ้าไป ข้าก็จะไป เจ้าไม่ไป…ข้าก็จะไปอยู่ดี ! ” ช่วงหลายวันนี้หลินเว่ยเว่ยอยู่บ้านว่าง ๆ จนเบื่อจะตายอยู่แล้ว…ถ้านางมีนิสัยอย่างว่าก็…คงอดใจไม่ไหวที่จะหนีออกไปนานแล้ว !

เมื่อเห็นว่าเจียงโม่หานยังไม่เห็นด้วย นางจึงหยิบไพ่ตายออกมา “ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าตามไปด้วย ข้าก็จะแอบไปเอง อย่างไรเจ้าก็ห้ามข้าไว้ไม่ได้”

แววตาของเจียงโม่หานเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย “เอาเถิด ให้เจ้าไปด้วยก็ได้ แต่ห้ามทำสิ่งใดเองโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงไม่ได้ ! เข้าใจหรือไม่ ? ”

“ทราบแล้ว ! ทราบแล้วเจ้าค่ะ ! ข้าจะทำทุกอย่างตามคำสั่งเจ้าค่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยป้อนอาหารล่อจนอิ่มหนำสำราญเพื่อให้มันมีแรงวิ่ง !

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท