ตอนที่ 262 การใช้ประโยชน์จากว่าที่สามีอย่างเหมาะสม
“ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งเข้าใจผิด เนื่องจากบทกวีนี้ไม่ใช่ของข้าเจ้าค่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยรีบโบกมือไปมาราวกับใบไม้ที่ปลิวไสวยามต้องพายุ นางประพันธ์บทกวีเป็นที่ไหนกันเล่า หากชายชราอยากให้นางประพันธ์กวีบทใหม่ ๆ ขึ้นมา จะไม่เป็นการแสดงพิรุธหรอกหรือ ?
หัวคิ้วของชายชราขมวดเข้าหากันพลางเอ่ยถามอย่างผิดหวัง “แล้วผู้ใดประพันธ์บทกวีนี้หรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยรีบโยนไปด้านข้าง นางชี้ไปยังบัณฑิตหนุ่มที่อยู่ข้างกาย เลี้ยงดูว่าที่สามีได้นับพันวัน แต่ใช้ประโยชน์ได้แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วจะมีว่าที่สามีไปเพื่ออันใด ? เช่นนั้นเจ้าก็ออกหน้าแทนข้าแล้วกัน !
ใบหน้าของชายชราจึงเผยความยินดีอีกครา “ที่แท้ก็เป็นผลงานของสหายน้อย เช่นนั้นก็ไม่แปลกใจเลย ! แต่คาดไม่ถึงว่าจิตใจของสหายน้อยจะเบิกบานและสุขสบายเช่นนี้ เพราะกวีบทนี้แสดงถึงความงดงามโดยธรรมชาติ มีเหตุผลและน่าสนใจโดยสมบูรณ์ ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก ! ”
หลินเว่ยเว่ยรีบเอ่ยว่า “กวีบทนี้บังเอิญผุดขึ้นมาในช่วงที่เขาดื่มสุราอยู่กลางป่า ดังนั้นจึงมีชื่อว่า ‘ร่ำสุรา‘ ผู้อาวุโส ท่านคิดว่ามันดูง่ายเกินไปหรือไม่เจ้าคะ ? ”
“หากเรียกว่าบังเอิญแล้วจะดูง่ายได้อย่างไร ? ” ชายชรายังครุ่นคิดถึงประโยคอันงดงามในกวีบทนี้ราวกับคนตะกละที่ได้เจออาหารอันโอชะและสุราชั้นยอด จะต้องลิ้มลองอย่างละเมียดละไม
หลินเว่ยเว่ยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหยุดหัวข้อสนทนาอยู่ที่บทกวีจึงรีบหยิบสุราองุ่นที่หมักเองไหหนึ่งออกมาจากกระบุงที่แบกอยู่บนหลังของบัณฑิตหนุ่ม จากนั้นก็ยื่นออกไปราวกับของขวัญล้ำค่า “นี่คือสุราองุ่นที่ข้าตั้งใจนำมาให้ท่าน ผู้อาวุโส สุราเล็กน้อยนี้คงจะสร้างความสดชื่นให้ท่านได้บ้าง ท่านลองชิม…”
ปกติแล้วชายชราจะมีสิ่งที่ชื่นชอบเพียงสองอย่าง หนึ่งคือบทกวี สองคือสุราชั้นดี ! เขารับไหสุราไว้แล้วเปิดปากไหอย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก “สุราดี ! ”
สุราองุ่นจากอาณาจักรปั๋วซื่อ ( เปอร์เซีย ) เขาไม่ได้ดื่มมานานมากจนเกือบลืมรสชาติของสุราชนิดนี้หมดสิ้น อดีตเขาโดดเด่นมาก มีลูกศิษย์ทั่วหล้า ขุนนางทั้งจิ่วโจว แม้แต่ฮ่องเต้ก็เรียกเขาเข้าเฝ้าหลายครั้งหลายครา สุราองุ่นจึงกลายเป็นรางวัลพระราชทานจากฮ่องเต้ในราชวงศ์ก่อน ทว่าบัดนี้เรื่องราวในอดีตผ่านพ้นไปแล้ว เฮ้อ…
“ท่านนี้คือผู้อาวุโสเซวีย หนึ่งในปราชญ์ผู้นำแห่งลัทธิขงจื๊อ” เจียงโม่หานแนะนำประวัติความเป็นมาของชายชราให้หลินเว่ยเว่ยฟัง แววตาของหลินเว่ยเว่ยจึงแสดงออกถึงความเลื่อมใสทันใด ว้าว ! บัณฑิตในราชวงศ์ก่อนล้วนบูชาลัทธิขงจื๊ออันยิ่งใหญ่ภายใต้การนำของท่านผู้นี้ ไม่ใช่ข่าวลือ !…คาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเซวียจะยังแข็งแรงอยู่ !
ผู้อาวุโสเซวียโบกมือไปมา จากนั้นก็ชี้ไปยังสถานที่รกร้างของฮ่องเต้ในราชวงศ์ก่อนบนเนินเขา พลางยิ้มและกล่าวว่า “ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเจ้าในตอนนี้เป็นเพียงชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ในเขตเริ่นอันเท่านั้น”
มีชื่อเสียงเลื่องลือเกินไปก็เป็นภาระ หากราชวงศ์ก่อนไม่ล่มสลาย คาดว่าผู้ที่โชคร้ายก็คงเป็นเขานี่เอง เพราะลองนึกภาพสิว่าขุนนางกว่าครึ่งของราชสำนักคือลูกศิษย์ของเขา มันน่ากลัวมากใช่หรือไม่ ? เพราะไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าราชสำนักนี้เป็นของฮ่องเต้หรือของเขากันแน่
ดังนั้น หลังจากการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา ฮ่องเต้ทรงให้ความนับถือนักปราชณ์ราชบัณฑิตอย่างมาก เขาจึงสามารถอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
หลินเว่ยเว่ยมองไปยังที่รกร้างแห่งนั้นซึ่งมีพืชพรรณไม่กี่ชนิดเติบโตจึงอดยิ้มไม่ได้ “ปลูกถั่วไว้ตรงเชิงเขาหนานซาน วัชพืชเติบโตอย่างสมบูรณ์ ทว่าต้นอ่อนถั่วลันเตากลับหาได้ยากยิ่ง”
ผู้อาวุโสเซวียหัวเราะฮ่าฮ่า “ใช่ ! แต่การเก็บเกี่ยวในปีนี้ ไม่ว่าจะปลูกสิ่งใดล้วนขึ้นได้ยากยิ่ง พวกวัชพืชยังไม่เติบโตเลย ! ”
เจียงโม่หานใช้สายตาปรามไปทางนาง ‘วันนี้เจ้าร่ายบทกวีที่น่าสนใจไปแล้ว ยังต้องการสิ่งใดอีก ? หรือคิดจะให้ข้าแบกรับสิ่งใดแทนเจ้าอีกหรือ ? ’
หลินเว่ยเว่ยรับรู้ถึงสายตาของเขาจึงรีบหุบปากทันใด ผู้อาวุโสเซวียหยิบจอกสุราชุดหนึ่งออกมา จากนั้นก็รินสุราองุ่นลงในจอกนั้น
“สีแดงเข้ม สดใหม่ กลิ่นผลไม้และกลิ่นสุราผสมผสานกันได้ดี ! ” ผู้อาวุโสเซวียดมกลิ่น จากนั้นก็วิพากวิจารณ์เล็กน้อย ก่อนลองจิบไปหนึ่งอึก หลังสัมผัสรสชาติอยู่นานก็กล่าวว่า “หวานละมุน เข้มข้น สดชื่น ชุ่มคอ…เป็นสมบัติล้ำค่าในบรรดาสุราองุ่นเลยทีเดียว น่าเสียดาย ถ้าหมักให้นานกว่านี้ รสชาติจะยิ่งกลมกล่อมมากขึ้นแน่นอน ! ”
หลิ่นเว่ยเว่ยยกนิ้วโป้งไปทางชายชรา “ผู้อาวุโสเชี่ยวชาญยิ่งนักเจ้าค่ะ ! ”
ผู้อาวุโสเซวียยิ้มและกล่าวว่า “มิกล้า มิกล้า ! เมื่อครั้งก่อนได้ดื่มเพียงไม่กี่จอกเท่านั้น ! สหายน้อย สุราชนิดนี้เจ้าไปเอามาจากที่ใด ? ราคาสูงมากหรือไม่ ? เหตุใดจึงยอมสิ้นเปลืองถึงเพียงนี้ ! ”
“ไม่สิ้นเปลืองหรอกขอรับ เพราะเราหมักเอง ! ” เจียงโม่หานมองไปทางรอยยิ้มที่สะท้อนออกจากนัยน์ตาของหลินเว่ยเว่ย
ผู้อาวุโสเซวียเข้าใจทันที “เป็นสุราของกู่เหนียงเช่นนั้นหรือ ? ” เขาเผยท่าทางภูมิใจราวกับมองลูกสะใภ้…น่าเสียดายที่ภรรยาของเขาจากไปนานแล้ว ทิ้งให้ตาเฒ่าต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ ระเหเร่ร่อนตกระกำลำบากมานานหลายสิบปี !
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าพลางคลี่ยิ้มจนตาหยี “หากผู้อาวุโสเซวียชื่นชอบ ครั้งต่อไปข้าจะหมักมาให้ท่านสักสองสามไห ไหที่ใหญ่เช่นนี้ยังมีอีกหลายสิบใบในห้องใต้ดินของเรา ! ” นางกางแขนเพื่อแสดงท่าทางของขนาดไหสุรา
ผู้อาวุโสเซวียเลิกคิ้วสูงพร้อมคลี่ยิ้ม เมื่อเขาเห็นเสื้อผ้าบนร่างกายของทั้งสองก็รีบหุบยิ้มทันที “ไม่ดีหรอก ? สุราองุ่นชั้นดีเช่นนี้ หากขายออกไปก็คงเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างมหาศาล ! ”
หลินเว่ยเว่ยยกจอกสุราขึ้นและจิบไปหนึ่งอึก ก่อนจะคลี่ยิ้ม “สุราองุ่นชั้นดีเช่นนี้สร้างความสุขอุราให้ข้าได้ ไฉนจะต้องเปลี่ยนเป็นเงินด้วยเจ้าคะ ? ”
องุ่นก็เป็นองุ่นป่าที่คัดเลือกมาอย่างดี ใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณล้างจนสะอาด จากนั้นก็ค่อย ๆ บ่มมันในมิติ ก่อนจะนำมาบด คั้นและกรอง คุณสมบัติของมันคือช่วยบำรุงปอด บำรุงหัวใจ บำรุงหลอดเลือด เสริมสร้างและชะลอวัย
ทุกวันนี้นางจะให้นางหวงและนางเฝิงดื่มวันละหนึ่งจอก ร่างกายของสตรีสูงวัยทั้งสองจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ผมกลับมาเงางามยิ่งขึ้น ผิวกายก็เนียนละเอียด ผิวหน้าแดงระเรื่อ แม้แต่ริ้วรอยบนใบหน้าก็ดูตื้นขึ้นมาก สุขภาพร่างกายของนางหวงในตอนที่กลับมาตรวจสุขภาพกับหมอเหลียง เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจต่อความเร็วในการฟื้นตัวของมารดา นี่คือผลลัพธ์ของสุราองุ่นที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด !
ผู้อาวุโสเซวียได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาทันที “ถูกต้อง ของดีต้องให้คนในครอบครัวก็ถูกแล้ว ! ข้าหลงใหลเสียแล้วสิ ! ” กล่าวจบ เขาก็จิบสุราชั้นดีอีกครั้งด้วยท่าทางมึนเมาเล็กน้อย
เพียงไม่กี่จอกผู้อาวุโสเซวียก็เมาแล้ว กระทั่งมีชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่ง ‘รับ’ จอกสุราจากในมือเขาไป จากนั้นก็ประคองเขาเข้าไปนอนด้านใน ผู้อาวุโสเซวียโกรธเคืองมาก “ข้าไม่ได้เมา ข้าอยากดื่มต่อ”
ชายชุดดำไม่ได้กล่าวคำใด ยังคงประคองเขามายังข้างเตียง เจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยจึงยืนขึ้นและกล่าวอำลา ผู้อาวุโสเซวียเอ่ยเสียงดังว่า “อย่าเพิ่งไป ! อย่าให้ข้าเห็นว่าผู้ใดกลับก่อน ! อยู่ดื่มกับข้าสักสามร้อยจอกก่อนสิ ! ”
“หากไม่เชื่อฟัง ข้าจะทำลายไหสุราของท่าน ! ” ชายชุดดำข่มขู่ ผู้อาวุโสเซวียเบิกตากว้างไปทางเจียงโม่หานที่เยื้องย่างจากไปและหอบเอาไหสุราไปด้วย ผู้อาวุโสเซวียนั่งลงข้างเตียงอย่างขุ่นเคืองใจ !
หลินเว่ยเว่ยยิ้มออกมา เมื่อขึ้นเกวียนเทียมล่อแล้วจึงหลุดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ชายชุดดำผู้นั้นเป็นหลานของผู้อาวุโสเซวียหรือ ? ”
“ไม่ใช่ นั่นคือบุตรชายของหลงจู๊ห้องหนังสือต่างหาก ภรรยาของผู้อาวุโสเซวียจากไปนานแล้ว นางไม่ได้มีทายาทสืบสกุลไว้ให้เขา หลงจู๊เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของเขา คอยคุ้มครองเขาจากเจียงหนานมาจนถึงทางตอนเหนือเพื่อตั้งถิ่นฐาน” เจียงโม่หานเล่าอดีตและความสัมพันธ์ของบุคคลข้างกายผู้อาวุโสเซวีย
ในตอนที่เจียงหนานเกิดสงคราม บัณฑิตและคนรับใช้หลายคนของผู้อาวุโสเซวียช่วยกันปกป้องเขาจากเมืองหางโจวมาจนถึงแดนเหนือ เดิมทีความตั้งใจของลูกศิษย์เหล่านี้คืออยากไปหาศิษย์พี่ซึ่งเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ทว่าผู้อาวุโสเซวียกลับดื้อรั้นจะขึ้นเหนือให้ได้