ตอนที่ 265 ข้าเป็นบุรุษที่นางรัก
อย่าแม้แต่จะคิดเชียว บัณฑิตน้อยเป็นของนาง ผู้ใดแย่งผู้นั้นตาย ! หลินเว่ยเว่ยถลึงตาใส่หนิงตงเซิ่งโดยไม่ปรานี ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งมองแล้วก็รู้ทันทีว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้รักเดียวใจเดียว แถมยังเป็นพวกที่ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่วอีกด้วย !
เจียงโม่หานยกมือขึ้นเพื่อหันศีรษะของหลินเว่ยเว่ยกลับมา…มองชายอื่นด้วยเหตุใด ? ว่าที่สามีของเจ้าอยู่ตรงนี้! หรือข้าดูดีสู้แซ่หนิงไม่ได้ ?
เถียนฟู่กุยที่เดินอยู่ด้านหน้ายังคงเช็ดเหงื่อที่ผุดออกมาเต็มหน้าผาก…เหตุใดจู่ ๆ อุณหภูมิก็ลดลงเช่นนี้ เหตุใดจึงมีเหงื่อซึมออกมา กระทั่งมีแรงกดอากาศที่ทำให้หายใจลำบากแผ่ขยายมาจากด้านหลัง อย่ากังวลสิ ก็แค่เจ้านายมาเยี่ยมบ้านไม่ใช่หรือ ? แค่ต้อนรับอย่างดีจะเสียหายอันใดเล่า ?
โชคดีที่ย่าเถียนซึ่งออกมายืนรออยู่หน้าประตูบ้านสามารถช่วยคลายสถานการณ์น่าอึดอัดได้ ทันทีที่ย่าเถียนเห็นหลินเว่ยเว่ยก็คลี่ยิ้มเหมือนเด็ก นางย่างเท้ามาด้านหน้าแล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกไปคว้ามือของหลินเว่ยเว่ยเอาไว้ “ต้านเอ๋อร์ แม่กำลังรอเจ้าอยู่พอดี แม่เย็บชุดให้ด้วยนะ ไปกันเถิด ! ไปลองใส่ว่าจะเข้ากับเจ้าหรือไม่ ! ”
“ขอบคุณย่าเถียน ! ” หลินเว่ยเว่ยนึกถึงเงินค่าผ้าที่ต้องชดใช้ให้แก่อาฟู่กุย นางจึงนำขนมที่ห่อมาจากร้านหนิงจี้ยัดใส่มือของย่าเถียน
ย่าเถียนคลี่ยิ้มด้วยฟันที่เหลืออยู่ไม่กี่ซี่ “ต้านเอ๋อร์ของเราช่างกตัญญูยิ่งนัก ทุกครั้งที่มาก็มักจะนำขนมที่แม่ชอบมาฝาก ! ต้านเอ๋อร์ เจ้าก็กินสักชิ้นสิ ! ”
หลินเว่ยเว่ยอ้าปากรับขนมที่ย่าเถียนป้อนให้พลางส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มเป็นการตอบแทน “อร่อยมาก ย่าเถียนกินด้วยสิ ! ”
“กิน ! แม่จะกิน ! ” ย่าเถียนแบ่งเค้กฟองน้ำออกเป็นชิ้นเล็ก เนื้อสัมผัสทั้งร่วนและนุ่ม หวานละมุนถูกปากยิ่งนัก “อร่อย ! ต้านเอ๋อร์ของเราซื้อของฝากเก่งมาก ใช่หรือไม่เจ้าลูกเขย ? ”
ย่าเถียนดวงตาฝ้าฟางจนมืออีกข้างไปลากเอามือของหนิงตงเซิ่งเข้ามา เจียงโม่หานจับทั้งสองแยกออกจากกันโดยไม่ให้แตกตื่น จากนั้นก็ยื่นมือของตนออกไปแทน “ข้าเป็นบุรุษที่เว่ยเว่ยรักขอรับ ! ”
หลินเว่ยเว่ยเลิกคิ้วสูงยิ่งกว่าเดิม…ตอนนี้ยังไม่ใช่ เข้าใจหรือไม่ ? ไม่ได้แต่งงานกันและนอนเตียงเดียวกันเสียหน่อย เหตุใดจึงเรียกตนว่าเป็น ‘บุรุษที่นางรัก’ ได้เล่า ?
ย่าเถียนมองไปทางหนิงตงเซิ่งและมองไปทางเจียงโม่หานก่อนจะหัวเราะออกมา “ข้าก็คิดอยู่เช่นกันว่าเหตุใดคนรักของต้านเอ๋อร์จึงน่าขบขันยิ่งนัก ! ”
เถียนฟู่กุยรีบดึงมารดาที่กำลังจะสร้างปัญหาออกมา “ท่านแม่ขอรับ นี่คือเจ้านายของข้าเอง”
“เจ้านายของฟู่กุยหรือ ! เข้ามานั่งด้านในเถิด ขอบคุณที่ดูแลฟู่กุยอย่างดี…มา มากินของว่างกัน ! ” ย่าเถียนช่วยต้อนรับแขกแทนบุตรชาย “พวกเจ้านั่งตามสบายเถิด ต้านเอ๋อร์ ไป ไปลองชุดในห้องของแม่ ! ”
แม้ว่าย่าเถียนจะขี้หลงขี้ลืมไปบ้าง ทว่าฝีมือการเย็บปักไม่ได้ถดถอยแต่อย่างใด นางเย็บกระโปรงและเสื้อคลุมสีชมพูกับสีเขียวอ่อนให้แก่หลินเว่ยเว่ย การเดินฝีเข็มละเอียดมาก บนปกเสื้อล้วนถูกปักเป็นลวดลายงดงาม เมื่อหลินเว่ยเว่ยเห็นแล้วก็ชอบใจยิ่งนัก
“ไอหยา ! ดูเหมือนสายรัดเอวจะใหญ่ไปหน่อย ต้านเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าผอมลงหรือไม่ ? แม่สามีให้เจ้าได้กินอิ่มหรือเปล่า ? ตอนนี้ด้านนอกมีผู้คนอดอยากมากมาย ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ต่อไปแม่จะให้พี่ชายของเจ้าไปส่งอาหารทุกเดือน อย่าทรมานตนเองเด็ดขาด ! ” ย่าเถียนลูบไปบนแขนของหลินเว่ยเว่ยแล้วถอดเสื้อให้นาง จากนั้นก็ทำการแก้ไขเล็กน้อย
หลินเว่ยเว่ยนั่งอยู่ข้างกายของหญิงชราพลางมองอีกฝ่ายที่กำลังหรี่ตาเย็บเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถัน หลินเว่ยเว่ยจึงเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ข้ากินอิ่มนอนหลับดีมาก ! ส่วนสูงของข้ากำลังเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงดูผอมลง ! ”
ย่าเถียนมองพิจารณาอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า “ต้านเอ๋อร์สูงขึ้นจริงด้วย ! ใกล้จะตามพี่ชายทันเสียแล้ว”
หลินเว่ยเว่ยสูงประมาณ 170 หลีหมี่ เถียนฟู่กุยก็สูงประมาณ 172 – 173 หลีหมี่ ถ้าเด็กผู้หญิงสูงขึ้นจะไม่ค่อยสังเกตเห็นได้ชัดเท่าเด็กผู้ชาย
เจียงโม่หานและหนิงตงเซิ่งยืนรออยู่ด้านนอก เจ้ามองข้า ข้าก็มองเจ้า จากนั้นต่างฝ่ายต่างเมินหน้าไปคนละทาง ไม่ร่วมบทสนทนากันสักนิด เถียนฟู่กุยที่อยู่ด้านข้างเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม…ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่ลงรอยกับบัณฑิตเจียงสักเท่าไร ทั้งสองคนอาจมีความแค้นบางอย่างต่อกันก็ได้
โชคดีที่ย่าเถียนแก้ไขชุดได้เร็ว หลินเว่ยเว่ยเดินออกมาพร้อมชุดกระโปรงสีชมพูแซมเขียวอ่อน จากนั้นก็หมุนตัวตรงหน้าของชายหนุ่มทั้งสอง “เป็นอย่างไรบ้าง ? สวยหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยมีรูปร่างสะโอดสะอง เสื้อคลุมสีอ่อนทำให้นางดูน่ารักมากยิ่งขึ้นและยังขับผิวกายให้เนียนดุจหยก แวววาวน่าสัมผัส มุมปากสีแดงระเรื่อยกโค้งขึ้นเล็กน้อย เส้นผมที่ปรกลงมาด้านข้างอย่างไม่เชื่อฟังก็ขยับไปตามการเคลื่อนไหวของนาง สะบัดไล้แก้มสุกปลั่งอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน นัยน์ตาเฉลียวฉลาดแต่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและซุกซน ชายเสื้อเขียวอ่อนที่ปล่อยลงมาพลิ้วไหวคล้ายก้านบัวดอกงามที่อยู่ในบึง
หลินเว่ยเว่ยขยี้จมูกเล็กน้อย ก่อนจะล้อพวกเขาว่า “พวกท่านคงไม่ได้แสดง ‘ท่าทาง’ เช่นนี้ทั้งวันใช่หรือไม่ ? ต่อหน้าทุกคนที่พากันจับจ้องมายังตัวข้า บัณฑิตน้อย ท่าทางของเจ้าหมายความว่าอย่างไร ? ”
“เจ้าแบกถังอยู่หรือ ? ถังหนักจะตายไป เจ้าจะแบกไปที่ใด ข้าจะได้ช่วย ! ” เจียงโม่หานเลียนแบบท่าทางการเคลื่อนไหวของนาง บุรุษโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษรูปงามและมากความสามารถมาหยอกล้อกันเช่นนี้ ใครเล่าจะทนไหว !
หลินเว่ยเว่ยกัดนิ้วของเขาเบาๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องของย่าเถียนแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเดิมอีกครั้ง ชุดของนางส่วนใหญ่จะเบาและสวมใส่สบาย แม้ว่าจะใส่แล้วไม่ได้ดูงดงามมากนัก แต่ก็สบายตัวมากทีเดียว
หลังกินข้าวกับตระกูลเถียนเสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็กลับไปยังร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้เพื่อเอาเกวียนเทียมล่อของตน เมื่อส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว คนขับและผู้คุ้มกันสินค้าก็นั่งเกวียนอีกคันกลับไปก่อนโดยเหลืออีกคันไว้ให้นาง
หนิงตงเซิ่งมาส่งพวกนางที่นอกเมือง เขายิ้มและกล่าวว่า “รอให้ร้านในตัวเมืองจงโจวเปิดทำการ หุ้นส่วนท่านนี้จะไปปรากฎตัวที่นั่นใช่หรือไม่ ? ”
“แน่นอน ! ” หลังจากที่นางทะลุมิติมาก็ไปไกลสุดแค่ตัวอำเภอเท่านั้น เมื่อมีโอกาสไปถึงตัวเมืองใหญ่จะขอเที่ยวเล่นอีกสักสองสามวัน มีความสุขสักนิดสักหน่อยคงไม่ยากกระมัง ?
“ตกลงตามนี้ ข้าจะมารับท่านเอง ! ” นัยน์ตาของหนิงตงเซิ่งวูบไหวชวนหลงใหล เจียงโม่หานปรับตำแหน่งเล็กน้อยเพื่อขัดขวางการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลินเว่ยเว่ยกับอีกฝ่าย หลินเว่ยเว่ยจึงสะบัดมือแล้วบังคับเกวียนห่างออกไป
หนิงตงเซิ่งย้อนกลับมาที่ร้าน เถียนฟู่กุยก็รุดหน้าเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณชายขอรับ คุณชายใหญ่หนิงมาอีกแล้ว ! ”