พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1929 คนเยอะเรื่องแยะ

บทที่ 1929 คนเยอะเรื่องแยะ

หลังจากโกวเยว่ถ่ายทอดคำสั่งไปแล้ว ก่วงลิ่งกงก็โบกมือไล่เม่ยเหนียงอย่างทนรำคาญไม่ไหว “จะออกไปเถอะ ออกไป”

พอเม่ยเหนียงเดินออกไปแล้ว ก่วงลิ่งกงก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง สีหน้ากระสับกระส่ายว้าวุ่นใจ

พอออกจากประตูมาแล้ว เม่ยเหนียงก็มีเรื่องราวในใจเยอะเช่นกัน รีบเข้าไปในห้องนอนของลูกสาว สองแม่ลูกได้แต่มองหน้ากัน…

ตรงจุดที่คุมเชิงกันอยู่ในดาราจักร เหยียนเซียวที่ได้รับข่าวมาแล้วก็ไม่ได้มีสีหน้าดีสักเท่าไหร่ แอบถ่ายทอดคำสั่งว่า ให้ทุกคนวางอาวุธลงให้หมด

ไม่เห็นความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ก็รู้ว่าแผนการล้อมแต่ไม่โจมตีได้ผลแล้ว เหมียวอี้เอ็งก็ไม่เกรงใจเช่นกัน บอกใบ้พวกลิ่งหูโต้วจ้งทันที

ครั้งนี้แบ่งคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปทดสอบ หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืนจริงๆ ก็กรูกันเข้าไปทันที รีบควบคุมทัพใหญ่หนึ่งล้านไว้ เก็บไว้ในกระเป๋าสัตว์หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว

ศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหายไปอย่างไรร่องรอย ลิ่งหูโต้วจ้งเก็บกำลังพลของตัวเองทันที ออกเดินทางกับกลุ่มของเหมียวอี้อีกครั้ง จากไปอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางราบรื่นปลอดภัย ไม่พบอุปสรรค

คนทางนี้ยังอยู่ระหว่างทาง ยังไม่ถึงจุดหมาย ชิงเยว่ก็ได้รับข่าวจากหลงซิ่นแล้ว กำลังพลที่ไปรับคนของลิ่งหูโต้วจ้งพาคนไปส่งที่ดาวจันทร์อี่ทั้งหมดแล้ว

ชิงเยว่ตรวจสอบความถูกต้องกับกับลิ่งหูโต้วจ้ง ให้กำลังพลที่มีครอบครัวต่างคนต่างติดต่อกับครอบครัวตัวเองเพื่อยืนยัน ดูว่ายังขาดใครไปหรือเปล่า

หลังจากยืนยันกับลูกน้องแล้ว ลิ่งหูโต้วจ้งก็แสดงความขอบคุณ คนมาถึงแล้ว เป็นเพราะเขาเตรียมตัวล่วงหน้าเช่นกัน

กำลังพลมาถึงแดนรัตติกาลอย่างปลอดภัย ทุกคนล้วนโล่งใจ จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเป็นจวนขุนนางของตำหนักสวรรค์อย่างชอบธรรม อำนาจจากภายนอกไม่กล้าบุกโจมตีโดยไร้เหตุผล ตอนนี้พวกลิ่งหูโต้วจ้งถอดหน้ากากปลอมบนใบหน้าออกแล้ว

ส่วนสมาชิกครอบครัวกำลังพลสายขาลที่มาถึงก่อนก็พักอยู่ในป่าผืนหนึ่งชั่วคราว จำนวนคนมีมากเกินไป แม้พลังอิทธิฤทธิ์จะสูงสักแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถสร้างที่พักได้มากมายขนาดนั้นได้ภายในเวลาสั้นๆ หลงซิ่นส่งคนไปเฝ้าไว้แล้ว

นอกป่าเป็นพื้นที่ราบที่พื้นไม่เสมอกันเล็กน้อย พวกเหมียวอี้เหาะลงมาจากฟ้า เหยียบลงในพื้นที่ราบนั้น กำลังพลสายขาลก็ถูกปล่อยออกมาหมดแล้วเช่นกัน ชั่วพริบตานั้นทัพใหญ่ห้าสิบล้านยืนเรียงราย ทุกคนล้วนสวมเกราะรบ เปล่งประกายเจิดจ้าอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ มีลักษณะทรงพลัง

นอกป่าภูเขา หลงซิ่นโบกมือบอกใบ้ ให้ทหารยามเปิดทาง

เมื่อเห็นเสาหลักของบ้านมาถึงอย่างปลอดภัย บรรดาคนที่อยู่ในป่าก็พุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำ มองเหมียวอี้แล้วแอบเดาะลิ้น ตรงนี้มีคนเกือบหนึ่งล้าน ว่ากันว่าแค่ครอบครัวของลิ่งหูโต้วจ้งก็มีนับหมื่นแล้ว แน่นอนว่ารวมทั้งพวกข้าทาสบริวารด้วย นี่ยังโชคดีที่หลายคนยังไม่มีครอบครัว ไม่อย่างนั้นถ้ามีครอบครัวแล้วเกรงว่าคงจะมีคนมากกว่านี้หลายเท่า จะเยอะกว่ากำลังพลห้าสิบล้าน

“นายท่าน!” หลงซิ่นถลันตัวเข้ามารายงานภารกิจตรงหน้าเหมียวอี้

ส่วนผู้คนที่อยู่ในป่า แม้จะพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำ แต่ก็ยังเข้าใจกฎระเบียบ ไม่มีใครล้ำเส้นเกินหน้าเส้าเซียงหัว ฮูหยินของท่านจอมพล

พวกเหมียวอี้ยืนทอดสายตามองอยู่บนเนินเขาเล็กๆ เส้าเซียงหัวนำคนเข้ามาพบลิ่งหูโต้วจ้ง เมื่อได้พบกันอีกครั้งก็รู้สึกปลงเป็นพิเศษ นางคำนับอย่างเรียบร้อยเหมาะสม “ท่านจอมพล!”

ลิ่งหูโต้วจ้งประคองแขนนาง สบตากับนางพักหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกสะท้อนใจมาก ขอโทษในใจแล้วบอกว่า “ตำแหน่งท่านจอมพลกลายเป็นอดีตไปแล้ว ท่านนี้คือผู้ตรวจการใหญ่หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าน่าจะเคยเห็นที่อุทยานหลวง ตั้งแต่นี้ไป ตาแก่คนนี้คือลูกน้องของผู้ตรวจการใหญ่”

เส้าเซียงหัวข่มอารมณ์ทุกอย่างไว้ในส่วนลึกของหัวใจ นางย่อเข่าคำนับเหมียวอี้ “คำนับผู้ตรวจการใหญ่”

เหมียวอี้ยื่นมือออกมา “ลิ่งหูฮูหยินไม่ต้องมากพิธี ต่อไปก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว วันนี้สวมเกราะรบติดตัว ไม่สะดวกจะต้อนรับลิ่งหูฮูหยินแล้ว พรุ่งนี้ผู้หญิงของข้าจะกลับมา เดี๋ยวค่อยต้อนรับกันอีกที”

เส้าเซียงหัวพยายามเสียบรอยยิ้ม “ข้ากับผู้หญิงก็รู้จักกันมาก่อน คุยกันง่ายมาก” นี่เป็นคำพูดตามมารยาท ด้วยฐานะของนางเมื่อก่อนนี้ กอปรกับตระกูลอิ๋งหนุนหลัง จะไปคุยกับอวิ๋นจือชิวได้อย่างไร ฐานะของอวิ๋นจือชิวกับฐานะของนางอยู่คนละชั้นกันเลย

เหมียวอี้พยักหน้า เรื่องบางเรื่องก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่ได้พูดอะไรกับนางอีก เขาทอดสายตามองไป เห็นเพียงคนที่พรั่งพรูกันออกมาจากในป่า ตอนนี้หยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำสายหนึ่งแล้ว กำลังมองคนในครอบครัวที่อยู่ริมฝั่งโดยมีแม่น้ำกั้น เหมียวอี้บอกลิ่งหูโต้วจ้งว่า “ให้ลูกน้องได้พบหน้ากับคนในครอบครัวก่อน จะได้ทำให้ทุกคนสงบใจ”

“ผู้ตรวจการใหญ่พูดถูกมาก!” ลิ่งหูโต้วจ้งกำชับลงไปทันที แล้วบรรดาแม่ทัพก็รีบสั่งให้หน่วยของตัวเองแยกย้าย ส่วนลิ่งหูโต้วจ้งก็จูงมือเส้าเซียงหัวไปคุยกันข้างๆ ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของคนพวกนี้ รู้ว่าต่อไปนี้อาจจะมีงานยุ่ง จึงฉวยโอกาสตอนนี้รีบสั่งสิ่งที่ควรจะสั่ง

บนไหล่เขา เหลือเพียงเหมียวอี้ หยางเจาชิง ชิงเยว่ หลงซิ่น ขณะมองทัพใหญ่ตรงหน้าแยกย้ายกันไป ได้เห็นฉากอลังการที่คนจำนวนไม่น้อยได้กลับมาพบกับครอบครัวกับตาตัวเอง

มาจนป่านนี้แล้ว คาดว่าคนในครอบครัวทุกคนคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นสามีหรือภรรยาของตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัย ก็มีบางคนรู้สึกปลาบปลื้ม บางคนก็ร้องไห้ยังปวดใจ มีบางคนแอบกระซิบกัน บางคนก็กอดกันโดยไม่พูดอะไร มีทั้งคนชราและเด็กน้อย

ส่วนใหญ่ทุกคนรู้แล้วว่าตัวเองกลายเป็นสุนัขไร้บ้าน และตอนนี้ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ที่นี่ สรุปก็คือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ท่านจอมพลก็เหมือนจะให้ทางรอดกับทุกคนแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ได้รับความอัปยศอดสู สำหรับคนส่วนใหญ่ ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น ขอเพียงคนในครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ ก็ดีกว่าอะไรทั้งนั้น

บนทุ่งราบคึกคัก คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีครอบครัวมารวมตัวอยู่ด้วยกัน บางคนพูดคุยแย้มเหมือนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร บางคนก็มีสีหน้าเงียบขรึม

เหมียวอี้ไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมและสะท้อนใจนานเกินไป เริ่มครุ่นคิดถึงปัญหาเรื่องที่อยู่ของคนพวกนี้แล้ว ผ่านไปครู่เดียว ก็หันกลับมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกชิงเยว่ ระดมสติปัญญาของทุกคนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หลังจากลิ่งหูโต้วจ้งสั่งฮูหยินของตัวเองเสร็จแล้ว ก็เรียกรวมแม่ทัพคนสำคัญอีก ให้คนพวกนี้กำชับสมาชิกในครอบครัว ว่าต้องให้ความร่วมมือกับเส้าเซียงหัว ปลอบใจสมาชิกในครอบครัว คนมากมายขนาดนี้รวมตัวอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีมากเกินไป เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ง่ายมาก จะกระทบต่อขวัญกำลังใจทหาร อย่างไรเสีย ตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงขันฟันฟืองกับจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลให้แน่น หนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่พวกถือศีลกินเจ เอะอะก็ลงไม้ลงมือฆ่า พยายามอย่าก่อเรื่อง

บรรดาแม่ทัพยอมเชื่อฟังคำสั่งอยู่แล้ว

จากนั้นลิ่งหูโต้วจ้งก็กลับขึ้นมาบนไหล่เขา แล้วกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “ผู้ตรวจการใหญ่ สมาชิกในครอบครัวมีเยอะเกินไป ที่นี่เหมือนจะยังไม่เหมาะสำหรับทำที่พักใช่ไหม?”

มีคนมากมายขนาดนี้ตามเขามาที่นี่ เขาในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดจะต้องรับผิดชอบ เรื่องที่พักคือปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข

เหมียวอี้บอกว่า “จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลอยู่ในอาณาเขตดาวจันทร์อี่ คาดว่าท่านจอมพลคงรู้แล้ว” ตอนที่ยังไม่ให้ตำแหน่งขุนนางกับอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ ก็ยังเรียกอีกฝ่ายว่าท่านจอมพล

ลิ่งหูโต้วจ้งพยักหน้า “พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อย ข้างล่างล้อมรอบด้วยเขตมหาสมุทรผืนใหญ่ ที่อื่นล้วนเป็นอาณาเขตของดาวจันทร์อี่”

เหมียวอี้บอกว่า “ไม่ผิดหรอก! ที่พักก็ยังอยู่ในอาณาเขตผืนนี้ ที่อื่นพวกเราไม่สะดวกจะสอดเท้าเข้าไปอยู่ เจ้ารวบรวมคนที่เหมาะสมชุดหนึ่งเดี๋ยวนี้เลย ให้หาจุดที่เหมาะจะสร้างบ้านในอาณาเขตนี้สักหน่อย เลือกสถานที่ได้เลย เลือกที่ไว้มากๆหน่อย พอล้อมกรอบได้แล้วก็ปรึกษากับหยางเจาชิง ส่วนเรื่องช่างก่อสร้าง ข้าจะให้ทางตลาดสวรรค์รีบรวบรวมคนมาที่นี่ เพียงแต่ก่อนที่จะก่อสร้างเสร็จ เกรงว่าพวกเจ้าจะต้องลำบากสักหน่อย ด้วยปัจจัยในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน” เขาบุ้ยปากไปทางคนในครอบครัวพวกนั้น

“ได้! ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ลิ่งหูโต้วจ้งย่อมไม่มีความเห็นแย้งอะไรกับสิ่งนี้

เหมียวอี้บอกอีกว่า “ยังมีอีก การป้องกันที่แดนรัตติกาลห้ามหละหลวม โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ น้ำพุวังเวงคือหนึ่งในช่องทางรายได้ของพวกเรา เติมคนเข้าไปแทนที่คนที่ย้ายออกไปด้วย เจ้าดึงกำลังพลออกมาห้าล้านก่อน ให้ความร่วมมือกับหลงซิ่นวางกำลังป้องกันที่แดนรัตติกาล อย่าปล่อยให้มีคนสังหารมาถึงตรงหน้าพวกเราแล้วยังไม่รู้เรื่อง! แล้วก็บัญชีรายชื่อของคนพวกนั้นด้วย พยายามจัดระเบียบแล้วส่งต่อให้หยางเจาชิง “

“รับทราบ!” ลิ่งหูโต้วจ้งเอ่ยรับ ล้วนเป็นเรื่องที่สมควรทั้งนั้น ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธ เมื่อวางกำลังป้องกันเหมาะสมแล้ว ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อตัวเองเหมือนกัน

หลังจากปรึกษากันเรียบร้อยแล้วก็ไปวางกำลังทันที เรื่องดึงตัวกำลังพลนั้นง่ายมาก ดึงตัวกำลังพลที่ไม่มีครอบครัวเป็นหลัก ไม่นานก็รวบรวมกำลังพลได้ห้าล้าน ให้แม่ทัพหลักให้ความร่วมมือกับการบัญชาการของหลงซิ่น

ใช้เวลาไม่นานก็รายงานบัญชีรายชื่อของแต่ละหน่วยขึ้นไปแล้ว ส่งไปถึงมือหยางเจาชิงแล้ว

พอได้บัญชีรายชื่อมา เหมียวอี้ก็จำคนกลับไปที่จวนหัวหน้าภาค ให้หยางเจาชิงรีบสืบสถานการณ์ของคนในรายชื่อให้ชัดเจน

พวกอวิ๋นจือชิวยังไม่กลับมา เหมียวอี้เลือกพลทหารจำนวนหนึ่งมาใช้งานก่อน

สำหรับตอนนี้ งานในมือเขามีเยอะเกินไป เรื่องทางตลาดสวรรค์ก็ต้องจับตาดู ทิ้งกำลังพลหลายหมื่นไว้ที่นั่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ส่วนเรื่องลดตำแหน่งกำลังพลห้าสิบล้าน ก็ต้องรีบรายงานขึ้นไปเพื่อขอให้เบื้องบนอนุมัติโดยเร็วที่สุด เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ กลัวเวลานานไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ไหนจะเรื่องปล่อยตัวประกันหนึ่งล้านอีก แล้วก็เรื่องสำนักลมปราณกับตระกูลเซี่ยโห้ว

ชั่วขณะนี้ทุกเรื่องมากองให้จัดการอยู่ตรงหน้าแล้ว

โชคดีที่หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งวัน อวิ๋นจือชิวก็นำคนกลับมาแล้ว

เดิมทีอวิ๋นจือชิวอยากจะถามเรื่องจูเก๋อชิง แต่พอเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็รู้ว่าเหมียวอี้ไม่มีสมาธิจะมาคุยเรื่องนี้แล้ว จึงอดทนไว้ก่อน เอาไว้คุยกันทีหลัง

พออวิ๋นจือชิวกลับมาแล้ว เหมียวอี้ก็ผ่อนคลายขึ้นเยอะ เรื่องในจวนก็ไม่ต้องให้เขากังวลอีก เรื่องที่คุ้นชินแล้วก็เรียกให้พลทหารไปทำนั่นทำนี่ ล้วนเป็นมือใหม่ทั้งนั้น ถ้าไม่สั่งก็ทำไม่ได้ และไม่ถูกใจเขาด้วย แต่ละคนยังเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก กลัวว่าจะเกิดความผิดพลาด

พออวิ๋นจือชิวมาถึงก็จัดการได้ราบรื่น สั่งให้เชียนเอ๋อร์ไปปรนนิบัติเหมียวอี้ สั่งให้มู่หรงซิงหัวไปเฝ้าในจวนผู้บัญชาการ ปล่อยชิงเยว่ออกมารับหน้าที่ประสานงานกับกำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งโดยเฉพาะ หลงซิ่นรับหน้าที่บัญชาการกำลังพลแดนรัตติกาลให้วางกำลังป้องกัน หยางเจาชิงรวบรวมคนให้มาจัดระเบียบบัญชีรายชื่อ และรับหน้าที่ส่งต่อไปให้เหมียวอี้ สวีถังหรานนำคนลาดตระเวนตามที่ต่างๆ เฝ้าสังเกตการณ์อย่างเข้มงวด

ส่วนอวิ๋นจือชิวก็นำซิงและทหารบางส่วนมาคอยคุ้มกัน นำพวกผู้หญิงเข้ามาอยู่ท่ามกลางครอบครัวนับแสนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ให้สื่อการพูดคุย ทำความรู้จัก ฟังความเห็นและปลอบใจกัน ถามว่ามีอะไรที่ต้องการหรือไม่ ขณะเดียวกันก็เหมางานเรื่องก่อสร้างมาจากหยางเจาชิงทั้งหมด ให้หยางเจาชิงไปช่วยเหลือเหมียวอี้ให้เต็มที่

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตอนหลังเกิดเรื่องไม่น่าพอใจ ในวันต่อๆ มาอวิ๋นจือชิวถึงขนาดพาเส้าเซียงหัวและพวกผู้หญิงไปพิจารณาตรวจสอบจุดสร้างจวนด้วยตัวเอง ให้พวกนางเลือกสถานที่เอาเอง ให้พวกนางมีงานทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จะได้ไม่รวมตัวอยู่ด้วยกันแล้วคิดฟุ้งซ่าน อย่าได้ดูถูกผู้หญิงพวกนี้เชียว ถ้าได้กระดกลิ้นพูดเมื่อไร เมื่อเวลานานไปก็จะส่งผลต่อผู้ชายของพวกนางบ้างไม่มากก็น้อย นางต้องรีบสร้างสัมพันธ์กับคนพวกนี้ ในภายหลังจะได้ทำงานได้สะดวก

สรุปก็คืออวิ๋นจือชิวจัดการกับเรื่องจิปาถะทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย สั่งการให้พวกผู้หญิงที่อยู่ข้างกายทำงานได้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ต้องให้เหมียวอี้กังวลใจเลย ให้เหมียวอี้เพ่งสมาธิไปรับมือกับงานใหญ่เท่านั้น

……………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท