ตอนที่ 270 อิจฉาริษยา
หลังจากเรื่องของมนุษย์โอสถในครานั้น นางจึงต้องเสียเงินซื้อกริชเพื่อป้องกันตัวในราคาหลายสิบตำลึง คราวนี้ได้ออกมาล่าหมูป่า อย่างไรก็ต้องพกมันมาด้วยแน่นอน
ขั้นตอนต่อไปคงง่ายขึ้น แค่ดึงกริชออกมาจากนั้นก็เสียบไปบนศีรษะหมูป่าอย่างโหดเหี้ยม กริชทะลุหนังที่หนาหลายชั้นของหมูป่าไปจนถึงกระดูกของมันเลยทีเดียว ทำให้หมูป่าเดินต่อไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวก็ล้มลงกับพื้น
หลินเว่ยเว่ยกลิ้งไปตามพื้นและพลิกตัวกลับมาท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเจียงโม่หาน จากนั้นก็แสดงท่าทางส่งจูบไปทางเขาแล้วไล่ตามหมูป่าตัวแรกที่หลุดจากการควบคุมของพรานหวังออกไป เมื่อมีกริชอยู่ในมือแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็เหมือนมีผู้ช่วย ไม่นานก็จัดการหมูป่าตัวใหญ่อีกตัวได้สำเร็จ
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ผู้คนทั่วหมู่บ้านต้าฝางจวงก็พากันออกมามุงดูหมูป่าตัวใหญ่ทั้งสองตัวที่นอนอยู่บนพื้น และลูกหมูป่าที่หายใจรวยรินหลังถูกชาวบ้านต้าฝางจวงจับไว้ทั้งสามตัว พวกชาวบ้านพากันโห่ร้อง…ในที่สุดภัยคุกคามของหมู่บ้านก็ถูกกำจัดไปส่วนหนึ่ง !
ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงกล่าวขอบคุณคนในหมู่บ้านฉือหลี่โกวโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินเว่ยเว่ย ส่วนลูกบ้านคนอื่นก็พากันส่งสายตาไปทางหลินเว่ยเว่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ คาดไม่ถึงว่าร่างกายแสนสะโอดสะองเช่นนี้จะมีพลังเหลือล้น หมูป่าตัวใหญ่ที่หนักหลายร้อยชั่งล้วนถูกนางสังหารเพียงผู้เดียว ! ไม่อยากจะเชื่อเลย !
ตามที่ตกลงกันไว้คือผู้ใดฆ่าหมูป่าได้ก็ต้องเป็นของผู้นั้น เพียงแต่ในตอนที่จับหมูป่าอีกตัวได้นั้น ชาวต้าฝางจวงก็ช่วยออกแรงโดยหลินเว่ยเว่ยเป็นผู้นำ ไม่เพียงแต่ลูกหมูป่าทั้งสามตัวที่ตกเป็นของหมู่บ้านต้าฝางจวง หมูป่าตัวใหญ่ตัวแรกก็ได้แบ่งให้ต้าฝางจวงเช่นกัน
ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ! ที่พี่ชายพูดก็ถูกว่ากู่เหนียงตระกูลหลินไม่เพียงเก่งกาจเท่านั้น จิตใจยังงดงามอีกด้วย คิดดูสิ พาทั้งหมู่บ้านเข้าไปเก็บผลไม้ เก็บเมล็ดสนบนภูเขา ทำให้คนในหมู่บ้านรอดพ้นจากความหิวโหย จิตใจกว้างขวางไม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ คนทั่วไปจะทำได้หรือ ?
ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงทอดถอนใจ ‘คนเช่นนี้ เหตุใดไม่หลงมาอยู่ในหมู่บ้านของตนสักคนหนึ่ง ? ’
คนในต้าฝางจวงมีสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังท่ามกลางความยินดี พวกเขาตัดสินใจว่าจะยกหมูป่าตัวใหญ่ให้แก่ผู้นำ ส่วนลูกหมูป่าก็แบ่งให้เด็กหนุ่มที่มาช่วยก่อนหน้านั้น
ภรรยาที่ขัดขวางไม่ให้สามีของตนมาช่วยเหล่านั้นจึงรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ถ้ารู้ว่ามันง่ายเพียงนี้ แค่ออกตัวเข้ามายุ่งก็ได้เนื้อกลับบ้านหลายสิบชั่งแล้ว ใครเล่าจะขัดขวางสามีของตน ? พอมานึกเสียใจภายหลังทุกอย่างก็สายเกินแก้ !
โชคดีที่ยังมีหมูป่าตัวใหญ่ให้แบ่งอยู่บ้าง หมูป่านี้มีน้ำหนักประมาณ 400 – 500 ชั่ง ตอนนี้ในหมู่บ้านมีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 160 คน อย่างน้อยก็สามารถแบ่งให้แต่ละครอบครัวจำนวนหลายชั่งได้ หากครอบครัวใดมีจำนวนคนมากหน่อยก็แบ่งเพิ่มอีกหลายสิบชั่งย่อมไม่มีปัญหา เนื้อหมูป่าสามารถนำมาหมักแล้วตากแห้งเพื่อเก็บรักษาไว้กินได้นานยิ่งขึ้น ! ปีนี้ธัญพืชยังไม่ได้กินแล้วนับประสาอันใดกับเนื้อ ? ต้องมีมูลค่าอยู่แล้ว !
เช้าวันต่อมา หลินเว่ยเว่ยนำข้าวที่ห่อมาเองจากบ้านและหั่นเนื้อเป็นชิ้นเพื่อต้มโจ๊กเนื้อ หลังกินอิ่มแล้วก็ขึ้นไปเดินเตร่บนภูเขา นางพบว่าในระยะทาง 10 ลี้จากหมู่บ้านต้าฝางจวงมีหุบเขาอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีวัชพืชน้ำอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีลำธารสายเล็กๆ ไหลลงจากภูเขา
ในปีที่แห้งแล้งที่สุดยังมีลำธารจากภูเขาซึ่งยังไม่แห้งขอด ช่างน่าชื่นชมยิ่งนักที่รอดจากความแห้งแล้งมาได้ แต่หุบเขาแห่งนี้ถูกหมูป่ากลุ่มหนึ่งครอบครอง ก่อนหน้านั้นคนในหมู่บ้านต้าฝางจวงก็เคยมาที่นี่แล้ว บ้างก็ตกใจหมูป่าจนหนีเตลิดกลับไป บ้างก็ถูกหมูป่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ นานวันเข้าคนในหมู่บ้านต้าฝางจวงจึงไม่กล้ามาเหยียบที่นี่
ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก พืชพรรณที่เขียวขจีมากมายเพียงนี้ แหล่งธารน้ำอุดสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชีวิตสัตว์ป่าตัวเล็กได้เป็นอย่างดี บริเวณนี้นอกจากหมูป่าแล้วก็ไม่มีสัตว์ใหญ่ชนิดอื่น ขอแค่กำจัดหมูป่าเหล่านี้ได้ก็จะกลายเป็นสวนผักและฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์เล็กของหมู่บ้านต้าฝางจวงไปโดยปริยาย !
หลินเว่ยเว่ยตัดสินใจแล้วว่าจะรวบรวมหมูป่าจากที่นี่ไปให้หมด ! ตอนที่เจียงโม่หานออกมาตามหานั้น หลินเว่ยเว่ยได้กลับมายังสถานที่วางหลุมกับดักไว้พอดี 1 2 3…หมูป่าตัวใหญ่ 5 ตัว ทั้งยังมีลูกหมูป่าอีก 2 ตัว…เกินคุ้ม !
หมูป่าถูกขังไว้ทั้งคืน แต่นิสัยดุร้ายของมันยังคงอยู่ เมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมเข้ามา มันจึงพยายามกระแทกกำแพงกับดักอย่างรุนแรงส่งผลให้ดินถล่มลงมา ไม่นานกับดักนั้นก็ถูกพวกมันทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
หลินเว่ยเว่ยยกหินขึ้นมาหนึ่งก้อนแล้วทุบไปบนศีรษะของหมูป่าตัวใหญ่ที่ชอบสร้างความวุ่นวายที่สุด ส่งผลให้ศีรษะของมันมีเลือดสาดกระจาย กะโหลกแข็ง ๆ ของมันก็ร้าว ถ้าไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต !
เอ๋ ! ดูเหมือนจะมีกลิ่นคาวเลือดลอยออกมา ! เช่นนั้นก็ลงแรงให้น้อยกว่านี้อีกหน่อยแล้วกัน !
หลินเว่ยเว่ยยั้งแรงไว้แล้วนำหมูป่าที่อยู่ในหลุมกับดักออกมา พ่อซัวถัวกระโดดลงในหลุมกับดักแล้วมัดหมูป่าไว้ ส่วนหลินเว่ยเว่ยช่วยดึงหมูป่าที่หนักหลายร้อยชั่งจากด้านบน ท่าทางของนางเหมือนกำลังตักน้ำในบ่อและหาบกลับได้อย่างสบาย
ผู้ชาย 5-6 คนที่เหลือช่วยกันดึงหมูป่าตัวใหญ่หนึ่งตัวพร้อมตะโกนส่งสัญญาณอย่างเต็มกำลังจนใบหน้าแดงก่ำ พ่อซัวถัวจึงรู้สึกละอายแทนชายหนุ่มในหมู่บ้าน
เขาชำเลืองมองไปยังเจียงโม่หานที่ยังนิ่งสงบอยู่ด้านข้างพลางพูดในใจว่า ‘บัณฑิตเจียงผู้มีกิริยาสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้จะควบคุมเสี่ยวเว่ยได้หรือ ? หากทั้งสองคนทะเลาะเบาะแว้งกัน บัณฑิตเจียงคงได้เสียเปรียบแน่ ! ’
หมูป่าตัวใหม่ทั้ง 7 ตัวบวกกับอีก 1 ตัวจากในหมู่บ้าน จำนวนคนกว่า 20 คนต้องใช้คนแบก 4 คนต่อหมูป่าตัวใหญ่ 1 ตัว พวกเขาช่วยกันแบกหมูป่ากลับหมู่บ้านพร้อมฮัมเพลงอย่างมีความสุข คนในหมู่บ้านต้าฝางจวงมองอย่างอิจฉาริษยา หากเก็บหมูป่าเหล่านี้ไว้ก็คงจะได้กินจนถึงวันปีใหม่
ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงออกมาส่งหลินเว่ยเว่ยและคนในหมู่บ้านฉือหลี่โกวที่หน้าหมู่บ้าน เมื่อส่งแขกแล้วหันกลับไปเห็นสีหน้าท่าทางของชาวบ้านที่อยู่ด้านหลัง เขาก็ได้แต่ทอดถอนใจและกล่าวว่า “พวกเจ้าต้องคิดเช่นนี้แน่ แค่ขุดหลุมนอกหมู่บ้านก็ได้รางวัลเป็นเนื้อหมูป่ามากมาย จึงเสียใจที่ข้าเชิญพวกเขามาทั้งที่คิดว่าเราเองก็ทำได้ ใช่หรือไม่ ? ”
พวกชาวบ้านมองหน้ากัน ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้าโดยไม่ส่งเสียงใด แต่สีหน้าก็เผยให้เห็นถึงความคิดภายในใจของพวกเขาชัดเจน ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้าและกล่าวว่า “ตอนที่หมูป่าทำร้ายคนในหมู่บ้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเจ้าทำอันใดอยู่ ? ”
“นั่นไม่ใช่เพราะคิดไม่ออกหรือ ! ” มีคนตอบด้วยความไม่พอใจ
ผู้ใหญ่บ้านเห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนผู้นั้นก็ส่ายหน้าระอา “เจ้าคิดว่ากับดักนี้จะขุดอย่างไรก็ได้หรือ ? ตอนที่ข้ายังเยาว์วัย พรานอาวุโสที่อยู่ในหมู่บ้านบอกข้าว่าวางกับดักไม่ยากหรอก ที่ยากก็คือการคาดเดาเส้นทางของเหยื่อต่างหาก เขาล่าเหยื่อมาเป็นเวลา 3-4 ปี ยังไม่กล้าบอกเส้นทางของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ แล้วนับประสาอันใดกับพวกเจ้า ? ”
“กู่เหนียงตัวน้อยในหมู่บ้านฉือหลี่โกวเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง เหตุใดนางจึงคาดเดาเส้นทางของหมูป่าได้อย่างแม่นยำ ? นางคงไม่ได้หลอกลวงพวกเราหรอกกระมัง ? ”
“พรสวรรค์ เข้าใจหรือไม่ ? บางคนก็สอบซิ่วไฉได้ตั้งแต่เยาว์วัย บางคนใช้ชีวิตจนหนวดขาวโพลนแล้วเพิ่งจะได้เป็นบัณฑิต นี่ก็เหตุผลเดียวกัน ต้องยอมรับสิ พรสวรรค์กำหนดให้เป็นเช่นนั้น ! พวกเจ้าดูสิ หมู่บ้านฉือหลี่โกวก็มีนายพราน แล้วเหตุใดคนที่นำพวกผู้ชายซึ่งไม่ใช่นายพรานเข้ามาในหมู่บ้าน กลับกลายเป็นหญิงสาวตระกูลหลินแทน ?
ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงเห็นว่ามีบางคนไม่พอใจจึงกล่าวขึ้นว่า “หลินกู่เหนียงได้เอ่ยไว้ก่อนจากไปว่านางพบหุบเขาแห่งหนึ่ง พืชพรรณในป่าอุดมสมบูรณ์และยังมีลำธารอีกสาย ภายในนั้นล้วนถูกหมูป่ากลุ่มหนึ่งครอบครองไว้ นางจึงไปขุดหลุมกับดักไว้บริเวณใกล้เคียงหุบเขา ดูสิว่าแมวจะจับหนูได้หรือไม่ ! ”