หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 282 เช่นนี้จะดีหรือ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 282 เช่นนี้จะดีหรือ ?

หลังจากกินเค้กเสร็จแล้วเผิงเจียเหลียงก็ยังอยากกินอีก เมื่อได้ยินท่านอาเอ่ยถึงหมูหันในมื้อเที่ยง เขาก็บ่นทันที “เฮ้อ ! ข้าเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว ! ตอนนั้นข้าน่าจะเลือกเรียนหนังสือกับท่านอา…”

เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็จะมีเหตุผลให้ตามท่านอาไปพักยังบ้านตระกูลเจียงด้วยกัน ได้ยินมาว่าบ้านตระกูลเจียงและตระกูลหลินเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ต่างก็มากินข้าวร่วมกัน เมื่อไรเขาจะได้กินอาหารฝีมือว่าที่อาสะใภ้อีก ? หรือจะได้ลองชิมรสชาติหมูหันกับเขาบ้าง ?

เผิงหยูชางรีบตบหลังบุตรชายแล้วถลึงตาใส่ “มาเสียใจเอาตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ? ตอนนั้นคิดอันใดอยู่ ? รีบไสหัวไปทำบัญชีในห้องหนังสือเดี๋ยวนี้ ! ”

เผิงหยูเหยี่ยนห้ามพี่ชายแล้วพูดกับเผิงเจียเหลียงว่า “ท่านอาจารย์กล่าวว่า อยู่จนชราก็ศึกษาจนชรา ! เจ้าเริ่มหยิบตำราขึ้นมาตอนนี้ยังไม่สาย…”

เผิงเจียเหลียงนึกถึงตำรากองหนาเป็นตั้งและด้านในยังมีตัวอักษรที่เข้าใจยากมากมาย แววตาของเขาก็เหมือนมียุงบินไปมาทันที “ขะ…ข้าช่วยท่านพ่อดูสมุดบัญชีต่อไปดีกว่า…”

บ่ายวันนั้นเผิงหยูเหยี่ยนไม่ได้ออกจากบ้านแต่อย่างใด เพราะเพิ่งตกลงกันตอนเที่ยง แล้วจะให้เขารีบวิ่งไปหาในยามบ่ายเลย มันจะดูรีบร้อนเกินไปกระมัง ? อีกอย่างการเตรียมของขวัญก็ต้องใช้เวลา

วันรุ่งขึ้น เผิงหยูเหยี่ยนก็เดินทางฝ่าน้ำค้างมายังหมู่บ้านฉือหลี่โกว

“หืม ? นั่นไม่ใช่คู่หมั้นของบุตรสาวคนโตตระกูลหลินหรอกหรือ ? นี่ไม่ใช่ปีใหม่หรือเทศกาลอันใด เหตุใดจึงหอบของขวัญมาหาถึงบ้านแล้ว ? ” พวกผู้หญิงที่จับกลุ่มสนทนากันหน้าหมู่บ้านเห็นรถม้ามาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลหลิน ต่อจากนั้นบ่าวรับใช้คนหนึ่งก็ย้ายข้าวของออกจากด้านในรถม้า พวกนางจึงเข้าใจผิดว่าลูกเขยในอนาคตนำของขวัญมาให้บ้านฝ่ายหญิง !

“คาดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวคนโตตระกูลหลินก็จะมีโชคกับเขาด้วย ตอนแรกไม่มีคนกล้ามาสู่ขอ แต่ตอนนี้กลายเป็นคนเนื้อหอม ได้หมั้นหมายกับครอบครัวที่ดีและมีฐานะ บ้านสามียังให้ความสำคัญถึงเพียงนี้อีก ! ”

“คู่หมั้นของบุตรสาวคนโตนั้นหน้าตาดูมีสง่าราศีมาก แค่มองก็รู้ว่าเป็นผู้มั่งมี แถมยังเป็นบัณฑิต ! บุตรสาวคนโตตระกูลหลินมีโชคแล้วจริง ๆ…”

“ข้าคิดว่าคนที่มีโชคจริง ๆ เป็นบุตรสาวคนรองมากกว่า ! ก่อนหน้านั้นนางสติไม่ดีอยู่นับสิบปี เกรงว่าจะขายไม่ออกแล้ว ! แต่ใครจะรู้ว่าบัณฑิตเจียงผู้ดูดีและมีสติปัญญามากที่สุดในหมู่บ้านจะหลงรักนางเข้า ! ไม่แน่ว่าปีหน้าปีไหนอาจได้เป็นภรรยาซิ่วไฉ ต่อไปก็เป็นภรรยาจู่เหรินแล้วก็ได้เป็นฝูเหริน ! ”

“ใช่ ! เรื่องการออกเรือนของพี่สาวนางก็เกิดขึ้นตอนนางหมั้นหมาย สหายของบัณฑิตเจียงหลงรักตั้งแต่แรกพบ ! นางล่าสัตว์และยังหาเงินได้ เจ้าดูบ้านตระกูลหลินก็รู้แล้ว เดิมทียากจนที่สุดในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้กลายเป็นบ้านที่ร่ำรวยจนบ้านไหนก็เอื้อมไม่ถึง ! ”

“ป้ากุ้ยฮวาและแม่ซัวถัวที่สนิทกับบ้านนางก็ได้ดีตามไปด้วย กลายเป็นผู้ดูแลโรงงานแปรรูปเมล็ดสนและงานทำเนื้อแผ่น ! ได้ยินว่าเดือนหนึ่งทำเงินถึง 2 ตำลึงเชียวนะ ! ”

“ตอนนี้ข้าสนใจอยู่อย่างเดียวว่าพวกนางยังอยากได้คนงานอีกหรือไม่ ทำงานบ้านนางได้เงิน 30 อีแปะต่อวัน ในปีแห่งภัยพิบัติเช่นนี้ ถ้าเทียบกับพวกผู้ชายที่ขายแรงงานในท่าเรือแล้วยังคุ้มกว่ามาก ! ”

“ตระกูลหลินดูแลคนยากไร้ในหมู่บ้านโดยจ้างครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายอยู่ดูแล ส่วนบ้านเจ้านั้นพวกผู้ชายแข็งแรง ลูกชายทั้งสองก็เติบใหญ่แล้ว เลิกคิดเสียเถิด ! ”

รถม้าของเผิงหยูเหยี่ยนหยุดอยู่หน้าบ้านตระกูลหลิน ขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปเคาะประตู บ่าวรับใช้ก็ชี้ไปยังประตูบ้านหลังข้าง ๆ “นายน้อยรองขอรับ บ้านตระกูลเจียงอยู่ทางนั้นขอรับ ! ”

“ข้ารู้แล้วว่าบ้านศิษย์น้องเจียงอยู่ด้านข้าง แต่ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้าพอดี เขาจะต้องอยู่ในบ้านตระกูลหลิน ไม่ผิดแน่ ! ” ฮึฮึ ข้าได้กลิ่นแล้ว ! เช้าตรู่เช่นนี้บ้านตระกูลหลินทำของอร่อยอันใดกัน ? หลังได้ยินคำว่า ‘เชิญเข้ามา’ จากด้านใน เผิงหยูเหยี่ยนก็ผลักประตูเข้าไปอย่างทนรอไม่ไหว !

“หืม? ว่าที่พี่เขย เช้าเช่นนี้ท่านมาหาพี่ใหญ่หรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยกำลังหุงข้าวอยู่ในลานบ้าน พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้ว นางจึงทักทายอย่างสนิทสนม

ในห้องครัวนั้นบุตรสาวคนโตชะโงกหน้าออกมาพลางถลึงตาใส่น้องสาว “พูดบ้าบออันใด ? ”

“ประเดี๋ยวก็เป็นแล้ว ใช่หรือไม่พี่เขย ? ” หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มให้เผิงหยูเหยี่ยน

เผิงหยูเหยี่ยนหน้าแดงแล้วฉีกยิ้มอย่างโง่งมพักใหญ่จึงจะตอบกลับมาได้ “ขะ…ข้ามาหาศิษย์น้องเจียง”

“มาหาบัณฑิตน้อย ! โอ้ อ่านตำรายามเช้าอยู่ตรงโน้น ! ” หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังมุมหนึ่งของลานบ้าน เจียงโม่หาน หลินจื่อเหยียนและยังมีคนที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยอย่างเจ้าหนูน้อย ถือว่ากลิ่นอายแห่งการศึกษาเข้มข้นมาก เผิงหยูเหยี่ยนจึงรีบหยิบตำราไปเข้าร่วมทันที…

กลิ่นแกงไก่ลอยตลบอบอวลไปทั่วลานบ้าน เช่นเดียวกับกลิ่นหอมเย้ายวนจากของทอดในกระทะ แม้เผิงหยูเหยี่ยนจะถือตำราไว้ในมือ ทว่าสองตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกวาดมองไปยังลานบ้าน ในห้องครัวนั้นคู่หมั้นของเขากำลังทำงาน กลิ่นอาหารทำให้คนที่กินข้าวเช้ามาแล้วอย่างเขาเริ่มหิวขึ้นมาอีกครา

ทันใดนั้นก็มีพัดเคาะมาที่มือของเขาและน้ำเสียงเย็นชาของเจียงโม่หานก็ดึงสติเขากลับมาอีกครั้ง “ชุ่น1ถามเก่งวิเคราะห์เก่ง ไม่เอ่ยข้อเสียส่งเสริมข้อดี จะอธิบายอย่างไร ? ”

เรื่องนี้เคยอ่านมาก่อน เผิงหยูเหยี่ยนจึงรีบนั่งตัวตรงแล้วพูดจาเสียงดังฟังชัด “ชุ่นชอบขอคำชี้แนะจากผู้อื่นและยังวิเคราะห์คำพูดของผู้อื่นเก่ง เข้าใจความหมายของผู้อื่นได้ง่าย เขาซ่อนคำพูดไม่เหมาะสมของผู้อื่นเอาไว้ แล้วส่งเสริมคำพูดดี ๆ ของคนผู้นั้นออกมาแทน”

สายตาของเจียงโม่หานหันไปหยุดอยู่ที่หลินจื่อเหยียนที่รีบแสดงความคิดเห็นของตนออกมาทันที “คำพูดนี้มาจากตำราจงยง บทที่หก ข้าเข้าใจว่าเหตุผลที่จักรพรรดิในสมัยโบราณได้รับการสนับสนุนจากราษฎรก็เพราะมักยึดหลักทางสายกลางปกครองแผ่นดิน เวลาจัดการปัญหาต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าจะฟังคำพูดของใครก็ได้หรือจะไม่ฟังเลยก็ไม่ได้ แต่จะยึดหลักส่วนใหญ่ตามกฎพื้นฐาน ไม่ลำเอียงทว่าเป็นกลาง ถือเป็นแนวทางอันชาญฉลาด ! ”

เผิงหยูเหยี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาทันที เจียงโม่หานยังกล่าวต่อ “เวลาอ่านตำราอย่าเอาแต่ท่องจำ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นการอ่านตำราจนตาย บทความไม่เพียงต้องเข้าใจ แต่ยังต้องวิเคราะห์ความหมายแอบแฝงของบทความและเพิ่มความรู้สึกกับความเข้าใจของตนเข้าไปด้วย ศิษย์พี่เผิง เป้าหมายบทแรกของตำราจงยงนี้ ท่านเอามาเขียนบทความจากความรู้สึกก็แล้วกัน ! ”

เผิงหยูเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าครุ่นคิดถึงเนื้อหาในบทความ หลังจากเรียบเรียงเสร็จแล้วก็เริ่มนอนหมอบบนโต๊ะและขยับพู่กันเขียนออกมาสองสามบรรทัด บัดนี้ทั้งกายและใจของเขาจดจ่ออยู่ที่บทความ คู่หมั้นเอย ของอร่อยเอย เขาลืมเลือนไปหมดแล้ว

หลินจื่อเหยียนฉีกยิ้มหน้าบานให้อีกฝ่าย ท่าทางในตอนนี้ของว่าที่พี่เขยใหญ่คือตัวเขาในอดีตที่ค่อย ๆ โดนศิษย์พี่เจียงขัดเกลาเช่นกัน

“ส่วนเจ้าไปเขียนหลักกลยุทธ์ หัวข้อคือ ‘จิ้นอู่ประสบความสำเร็จจากความเด็ดขาด ฟูเจียนสิ้นชีพเพราะความเด็ดขาดในการบุกโจมตีราชวงศ์ตงจิ้น, ฉีหวงกงให้ก่วนจ้งปกครองเจริญรุ่งเรือง แต่หลังให้ลูกชายหยานก๋วยสละอำนาจกลับพ่ายแพ้ สองเรื่องนี้มีสิ่งใดต่างกันและเป็นเพราะเหตุใด ? ’ สองวันต่อจากนี้จงนำมาส่งให้ข้า ! ” หลังจัดการเรื่องการบ้านให้ทั้งสองคนแล้วเจียงโม่หานก็ลุกขึ้น ขณะที่กำลังจะไปดูว่าคู่หมั้นทำของอร่อยอันใด ชายเสื้อของเขาก็ถูกดึงสองสามครั้ง

เมื่อก้มมองก็พบว่าเจ้าหนูน้อยกำลังกระพริบตากลมโตอย่างกระหายการเรียนรู้ “พี่โม่หาน ข้าล่ะ ? ข้าต้องทำสิ่งใด ? ”

“เจ้าหรือ? คัดคัมภีร์หลุนอวี่ให้คุ้นชิน แล้วคัดอักษรตัวเต็มวันละสองแผ่น ! ” เจียงโม่หานยัดคัมภีร์หลุนอวี่ใส่มือของเจ้าหนูน้อยแล้วเดินออกมาทันที

“บัณฑิตน้อย เจ้าโยนลูกศิษย์ทิ้ง แล้วตนเองแอบมากินซาลาเปาทอดก่อนเช่นนี้จะดีหรือ ? ” ซาลาเปาทอดเพิ่งออกจากกระทะ บัณฑิตหนุ่มก็ดูท่าจะไม่กลัวร้อนแม้แต่น้อย เขาใช่ตะเกียบคีบขึ้นมาทันที หลินเว่ยเว่ยจึงอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า

1 ชุ่น หรือ พระเจ้าชุ่น / ตี้ชุ่น เป็นหนึ่งในสามมหาบุรุษผู้ปกครองจีนโบราณตามตำนาน ผู้ได้ชื่อว่าลูกกตัญญูและมีคุณธรรมสูงส่ง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท