ตอนที่ 336 โดนจูบ เขินมากเลย
“จริงสิ ท่านหมอเหลียง คราวก่อนท่านไม่ได้บอกว่าส่วนผสมในยาของท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านขาดกระดูกเสือไปหรือ ? ท่านหาคนขึ้นเขาแล้วแบกซากเสือตัวนั้นกลับมาก็จะมีทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือไร ? ทว่าหนังของมันต้องเก็บไว้ให้ข้า เพราะตอนการสอบจอหงวนในฤดูใบไม้ผลิมาถึง อากาศจะยังหนาวอยู่ หากเอาหนังเสือเข้าสนามสอบก็จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้มาก ! ” หลินเว่ยเว่ยยักคิ้วคล้ายกำลังท้าทายผู้เข้าสอบคนอื่นว่าบ้านไหนเทพกว่ากัน มีใครเอาหนังเสือเข้าสนามสอบบ้างเล่า !
แม้ตัวชิงเฟิงจะลงจากเขามาแล้ว แต่ใจยังอยู่บนเขา พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบกระตุ้นให้หลินจื่อเหยียนไปหาคนมาช่วยตนแบกเสือลงจากเขา หลินจื่อเหยียนหันไปมองพี่รอง จนกระทั่งหลินเว่ยเว่ยพยักหน้าให้เขาถึงได้ลุกออกไป
เขาไปที่บ้านผู้ใหญ่วัง โดยเชิญบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองของผู้ใหญ่บ้านมาช่วย แต่มันก็เท่ากับประกาศให้ผู้ใหญ่บ้านทราบว่า…พี่รองเพิ่งฆ่าเสือมา !
ดวงตาของคนในบ้านผู้ใหญ่วังแทบจะถลนออกมา ว่าอย่างไรนะ ? นางหนูรองฆ่าเสือตายไปหนึ่งตัว ? ที่แท้เสียงเสือคำรามในป่าก็ไม่ได้เป็นข่าวโคมลอย ! ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ไม่เท่ากับไปถวายตัวเป็นอาหารให้เสือหรอกหรือ ? ดูท่าว่าต้องเตือนพวกชาวบ้านที่ดีใจจนลืมตัวบ้างแล้วว่าอันตรายในภูเขาไม่ได้มีแค่ฝูงหมาป่าเท่านั้น ไม่ควรขึ้นเขาโดยไม่จำเป็น !
วันนี้วังต้าจู้ต้องฟังเสียงบ่นจากลูกชายเพราะได้ยินว่าเอ้อร์ฮว๋าได้ขึ้นเขาไปด้วย นางหนูรองพาเอ้อร์ฮว๋าไปจับกระต่ายอีกแล้ว เขาก็ยังคิดว่าหากวันใดมีเวลาว่างก็จะพาลูกชายไปเที่ยวบนเขาสักรอบเพื่อดูว่าจะจับแมวป่าหรือสัตว์ป่าที่ตายแล้วได้บ้างไหม เจ้าลูกชายตัวดีจะได้อยู่อย่างสงบสุขสักที ! ตอนนี้เลยอดไม่ได้ที่จะดีใจ…โชคดีที่วันนี้พวกตนไม่ได้ขึ้นเขา…
“นางหนูรองช่วยกำจัดภัยร้ายให้ฉือหลี่โกวของพวกเราอีกแล้ว ! ” จากปากของหลินจื่อเหยียนคือจุดที่เจอเสืออยู่ห่างจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวเพียงชั่วยามกว่า ๆ เท่านั้น ถ้าวันนี้นางหนูรองไม่ได้เจอเอง มันก็อาจเข้ามาในหมู่บ้านวันไหนไม่รู้…แค่คิดก็สยองแล้ว !
ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า “พวกเจ้าไปเถิด ระหว่างทางก็ระวังตัวด้วย นางหนูรองได้รับบาดเจ็บ ข้าจะไปเยี่ยมหน่อย ! ”
นอกจากบุตรชายของผู้ใหญ่บ้านแล้ว หลินจื่อเหยียนยังไปเชิญลุงต้าซวนกับพ่อซัวถัวมาด้วย ต่อจากนั้นชายฉกรรจ์สี่คนก็ถือเชือกและไม้ท่อนหนาเดินตามชิงเฟิงขึ้นเขาด้วยความตื่นเต้น
บ้านอีกหลายหลังก็ได้รู้ข่าวที่นางหนูรองได้รับบาดเจ็บจึงรีบมาเยี่ยมเช่นกัน ป้ากุ้ยฮวามาพร้อมแม่ไก่หนึ่งตัว แม่ซัวถัวมาพร้อมไข่ไก่ตะกร้าใหญ่ ภรรยาผู้ใหญ่บ้านหอบผ้าสองสามพับมานั่งรายล้อมรอบเตียงหลินเว่ยเว่ย
“บาดแผลเป็นอย่างไรบ้าง ให้ข้าดูหน่อย ! ” ป้ากุ้ยฮวาเห็นใบหน้าน้อย ๆ ของหลินเว่ยเว่ยซีดเซียว ตัวก็นอนนิ่งอยู่บนเตียงจึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าพลางยกแขนที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกขึ้นแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร แผลเล็กน้อยเอง พักไม่กี่วันก็หายแล้ว ! ”
“เหตุใดเป็นที่แขนอีกแล้ว ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแถวนี้มีเสือออกมาปรากฏตัว แล้วเสือตัวนั้นโผล่ออกมาจากไหนกัน ? ” แม่ซัวถัวขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
นั่นน่ะสิ ! แม้ช่วงนี้หลินเว่ยเว่ยไม่ได้ขึ้นเขาทุกวัน แต่นางก็ไปเดินเล่นแถบนี้อยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ไปนางก็จะตรวจสอบร่องรอยต่าง ๆ อย่างระมัดระวังเพื่อดูว่ามีสัตว์ร้ายตัวไหนออกมาเพ่นพ่านหรือไม่ บัณฑิตสามคนในบ้านโดยเฉพาะคู่หมั้นรูปงามของนางไม่ชอบอยู่บ้าน ทว่าชอบขึ้นเขาเพื่อปลีกวิเวกอยู่เรื่อย นางจึงต้องทำให้แน่ใจว่าภูเขาแถบนี้ปลอดภัยมากพอ !
“ไม่กี่วันมานี้ข้ายังไปที่ภูเขาลูกนั้นอยู่เลย แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของเสือเลยสักนิด น่าจะเพิ่งออกจากป่าลึกในช่วงสองวันมานี้กระมัง ? โชคดีที่ข้าเป็นคนไปเจอมันก่อน ! ” ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงไม่ได้กลับมาแล้ว !
“ไอโยว ยังบอกว่าโชคดีอีก ! ต่อไปนี้อย่าขึ้นเขาเป็นว่าเล่นเชียว มันทำให้คนในบ้านเป็นห่วง รู้หรือไม่ ? ดูตาของแม่เจ้าสิ ร้องไห้จนบวมแดงหมดแล้ว ลูกเจ็บตัว แม่ก็ปวดใจ ! เจ้าบาดเจ็บบ่อยขนาดนี้ แม่เจ้าต้องเป็นห่วงมากแน่ ! ” ป้ากุ้ยฮวาอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนนางสักหน่อย
“อีกประเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษท่านแม่ที่ทำให้เป็นห่วง…” หลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
ป้ากุ้ยฮวายังพูดอีก “ขอโทษน่ะไม่ต้องหรอก ต่อไปดูแลตัวเองให้ดีก็พอ หากพวกเจ้าอยู่ดี คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็สบายใจและมีความสุขแล้ว ! ”
คนเจ็บต้องพักผ่อน ไม่ควรถูกรบกวนนาน ๆ ไม่เห็นบัณฑิตหนุ่มในลานบ้านหรือ ? คอแทบจะยื่นเข้ามาอยู่แล้ว พวกป้า ๆ ไม่กี่คนนั่งได้ไม่นานก็เดินออกมา พวกนางยังชวนนางหวงสนทนาอีกเล็กหน่อยแล้วจึงกลับออกไป
ฉือหลี่โกวใหญ่แค่นี้ ข่าวแพร่ออกไปถึงคนทั้งหมู่บ้านอย่างรวดเร็วมาก คนที่ทำงานให้บ้านตระกูลหลินจึงหอบของขวัญมาเยี่ยม
เจียงโม่หานทำหน้าบึ้งแล้วยกสาเหตุว่าหลินเว่ยเว่ยต้องพักผ่อนจึงไม่ให้พวกนางเข้ามาแม้แต่ห้องปีกตะวันออก เพียงให้ปลอบนางหวงสองสามประโยคและทิ้งของขวัญไว้แล้วก็จากไปเท่านั้น แม้แต่แม่เลี้ยงของโก่วเชิ่งเอ๋อร์ก็ยังวิ่งเข้ามาผสมโรงด้วย
ณ ห้องปีกตะวันออกของบ้านตระกูลหลิน หลินเว่ยเว่ยกำลังอ้าปากเหมือนลูกไก่ตัวหนึ่งที่กำลังรออาหาร นางกำลังรอให้เจียงโม่หานป้อนอาหารแก่ตน
เจียงโม่หานเหลือบมองมือขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของนางปราดหนึ่ง หลินเว่ยเว่ยรีบย่นจมูกและทำเป็นเจ็บออดแอดทันที “ตอนที่ตกจากหลังเสือก็เหมือนว่ามือขวาจะไปกระแทกกับหิน โอ๊ย ! เจ็บจังเลย จับตะเกียบจับช้อนไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไรดี…”
เจียงโม่หานหมดคำพูด…เสแสร้ง เสแสร้งเก่ง !
ทั้งที่รู้ว่านางแกล้งทำ แต่เจียงโม่หานก็ยังยอมตามใจ เขาใช้ช้อนตักน้ำแกงไข่ขึ้นมาเป่าแล้วป้อนนาง
แต่เขากลับเห็นเด็กคนนี้กลอกตาไปมา ใช้ริมฝีปากแตะแล้วรีบผละออก จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางของเด็กน้อยน่าสงสารว่า “ร้อน ! ”
เจียงโม่หานดึงช้อนกลับมาแล้วลองชิมหนึ่งคำ…ก็ไม่ร้อนนี่ ?
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ยื่นคอเข้ามา ‘ซูด’ น้ำแกงไข่ที่เหลือในช้อนจนหมด แถมยังทำเสียง ‘แจบแจบ’ แล้วพูดลากเสียงยาวว่า “อร่อยจังเลย…”
ต่อจากนั้นก็เตรียมชื่นชมท่าทางเขินอายของบัณฑิตน้อย
สีหน้าของเจียงโม่หานไม่เปลี่ยน แววตาก็ไม่สั่นไหว ดวงตาสีดำสนิทจ้องมายังนาง ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็เอนเข้าหานางและกดจูบตรงริมฝีปากก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว
อ๊ะ ! นุ่ม ๆ อุ่น ๆ กลิ่นลมหายใจที่สดชื่นราวกับเยลลี่รสโปรดที่นางชอบ รสหวานซึมซาบเข้าสู่หัวใจ ตัวหลินเว่ยเว่ยเป็นเหมือนหินที่นิ่งงันไม่ไหวติง…ตกตะลึง ! บัณฑิตน้อย ขะ ขะ เขา ! จูบนางก่อน !
ช้อนน้ำแกงไข่เคลื่อนมาที่ปากของนางอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงเย็นชาของบัณฑิตหนุ่มแฝงไว้ด้วยความขี้เล่นเล็กน้อย “คราวนี้พอใจหรือยัง ? จะกินดี ๆ ได้แล้วใช่หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว นางพยักหน้า อ้าปากและกลืนน้ำแกงอุ่น ๆ ลงคอเหมือนหุ่นยนต์ทุกประการ…ลืมปฏิเสธและยังดื่มเข้าไปโดยไม่รู้รสชาติอันใด ตัวนางยังคงติดใจในรสสัมผัสเมื่อครู่ หวาน ฟิน มึนแล้วก็เขินมาก…
น้ำแกงถ้วยนั้นนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดื่มลงไปได้อย่างไร พอได้สติกลับมาอีกครา บัณฑิตหนุ่มก็เช็ดปากให้และประคองให้นางนอนลงอีกรอบแล้ว
หลินเว่ยเว่ยรีบดึงผ้าห่มมาปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง หลงเหลือไว้เพียงดวงตากลมโตคู่นั้น ใบหน้าของนางกำลังมีสีแดงก่ำและร้อนผ่าว…ไม่ได้ จะให้บัณฑิตน้อยเห็นนางตอนที่เขินอายไม่ได้ เช่นนั้นต่อไปจะแกล้งเขาอย่างไร ต้องโดนเขาหัวเราะเยาะแน่นอน !