ตอนที่ 341 ไม่ต้องการเงินเดือน ขอแค่มีข้าวกินก็พอ
ตอนที่ 341 ไม่ต้องการเงินเดือน ขอแค่มีข้าวกินก็พอ
หลังจากโดนเขาเรียกว่า ‘ฮูหยิน’ แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที “เรื่องเล็กของบ้านเราให้ฟังข้า แต่ถ้าเรื่องใหญ่เราสองคนต้องปรึกษากัน ! ใครถูกก็ฟังคนนั้น ! ”
“ได้ ! ฟังเจ้า ! ” เจียงโม่หานยกถ้วยชาขึ้นแล้วถามว่า “ยังจะดื่มอีกหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าพลางฉีกยิ้มราวกับคนโง่ หลีชิงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกปวดฟันขึ้นมาทันที…เพิ่งไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน คนแซ่เจียงที่เคยหยิ่งยโสก็เปลี่ยนมาเป็นลูกแกะน้อยแสนเชื่องแล้วหรือ แถมยังเป็นลูกแกะขนปุยและอบอุ่นทำนองนั้นด้วย ! คงไม่ได้ถูกล้างสมองแล้วถูกหลอกง่าย ๆ ใช่หรือไม่ ?
ทว่า ก็ผู้ชายนี่นะ ! เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยาก็ควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เดิมทีตอนที่เสี่ยวเว่ยหมั้นหมายกับเขา หลีชิงยังไม่วางใจได้อย่างสมบูรณ์ เพราะมักรู้สึกว่าเจียงโม่หานยังชอบในตัวนางไม่มากพอ ห่านฟ้าที่บินออกจากบ้านแล้วทอดทิ้งภรรยาผู้ยากไร้มีให้เห็นน้อยเสียที่ไหนกัน ? การที่เสี่ยวเว่ยชอบเขา มันอาจนำพาให้วันข้างหน้าของนางต้องเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ…
ดูจากตอนนี้แล้ว เสี่ยวเว่ยก็ไม่ได้เสียเปรียบเพียงฝ่ายเดียว ! ที่แท้หลังจากบัณฑิตผู้เย็นชาเริ่มแสดงความรู้สึกออกมา ผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้เอง ! วางมาดเก่งเหลือเกิน !
เจียงโม่หานที่เดินไปส่งหลินเว่ยเว่ยกลับห้องแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลีชิง “ไปเดินเล่นที่หลังเขากันหรือไม่ ? ”
หลีชิงมองอีกฝ่าย วางจอกสุราในมือลง หลังจากพยักหน้ารับแล้วก็เดินตามกันออกไปนอกหมู่บ้าน ต่อจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังบัณฑิตหน้าตาดีผู้นี้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ข้าเข้าใจมาโดยตลอดว่าบัณฑิตเจียงไม่คู่ควรกับเสี่ยวเว่ย ! ”
“หืม ? เพราะเหตุใด ? ” เจียงโม่หานถามกลับเบาๆ
“ข้ากลัวว่าพอเสี่ยวเว่ยแสดงความรู้สึกออกไปแล้วจะไม่ได้รับการตอบสนอง” หลีชิงคลี่ยิ้ม “แต่ตอนนี้ข้ารู้ว่าคงกังวลไปเอง ! ”
เจียงโม่หานนำมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางขึ้นเขาที่เงียบสงัด เมื่อเสื้อคลุมของเขาสะบัดขึ้นลงก็ทำให้หญ้าอันเหี่ยวเฉา หิมะอันหนาวเหน็บ ดูเหมือนถูกย้อมไปด้วยสีสันอันมีชีวิตชีวา…
เจียงโม่หานหันไปมองหลีชิง ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองส่วนลึกของป่า “เมื่อครึ่งปีก่อน ข้าเองก็คิดว่าตนจะไม่รู้สึกอะไรกับคนอื่นเช่นกัน…แต่แล้ว หลังจากเด็กที่ชื่อหลินเว่ยเว่ยคนนี้มาปรากฏตัวในชีวิต ทุกอย่างก็สูญเสียการควบคุมไปหมด ! ”
หลีชิงมองเห็นความอบอุ่นเล็กน้อยจากแววตาของอีกฝ่ายเพียงเพราะพูดถึงเด็กคนนั้น มุมปากของเจียงโม่หานก็ค่อย ๆ ยกยิ้มเช่นกัน หลีชิงถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งครา “ข้า…สบายใจแล้ว…”
จู่ ๆ เจียงโม่หานก็หมุนตัวกลับมามองสบตากับเขา “แล้วเจ้าเล่า ? เหตุใดถึงได้ใส่ใจและเป็นห่วงนางมากเหลือเกิน ? เพียงเพราะนางช่วยชีวิตเจ้าไว้หรือ ? ”
“ไม่ใช่แค่นั้น ! มีบางครั้งที่ข้ามักรู้สึกว่าถ้าครอบครัวไม่เผชิญกับเคราะห์ร้าย น้องสาวของข้าไม่ได้หายตัวไป นางก็คงเติบโตมาเหมือนกับเสี่ยวเว่ย…ที่ฉลาดเฉลียว ไม่กลัวสิ่งใดและยังมีจิตใจงดงาม…” หลีชิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะใช้สายตาแบบพี่ชายภรรยาจับจ้องไปยังเจียงโม่หานอย่างครุ่นคิด “ถ้าเสี่ยวเว่ยเป็นน้องสาวของข้า หึ ข้าก็ไม่มีทางเห็นด้วยที่จะให้พวกเจ้าได้อยู่ด้วยกัน ! ”
“ข้าควรจะดีใจหรือไม่ที่เด็กตัวแสบไม่ได้เป็นน้องสาวของเจ้า ? ” เจียงโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
หลีชิงก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะฉีกยิ้ม “เจ้าไม่ต้องดีใจหรอก เพราะด้วยนิสัยของเสี่ยวเว่ย แม้นางจะเป็นน้องสาวของข้า แล้วเจ้าคิดว่า…ข้าจะห้ามไม่ให้นางคบหากับเจ้าได้หรือ นางจะเชื่อฟังข้าหรืออย่างไร ? ”
เจียงโม่หานครุ่นคิดและคลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน “ไม่มีทาง เด็กคนนั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง ! ”
เขาพูดกับนางหลายรอบมาก ว่ายามมีอันตรายอยู่ตรงหน้าก็ให้สนใจตัวเองก่อน อย่าเพิ่งห่วงคนอื่น…แต่ผลลัพธ์น่ะหรือ ? เสือร้ายอยู่ตรงหน้า นางก็ยังพุ่งเข้าใส่ ใช้แขนมาป้องกันเขาจากปากเสือ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมืออีกข้างของนางคว้ากรามเสือได้ทัน แขนข้างซ้ายของนางก็ขาดออกไปแล้ว…เป็นเด็กโง่จริง ๆ ไม่ใช่หรือ ?
“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าถ้าหากแก้แค้นสำเร็จ น้องสาวก็หาเจอแล้ว เจ้าจะทำอะไรต่อไป ? ” ใบหน้าของหลีชิงที่อยู่ตรงหน้านี้ยังเยาว์วัยกว่าในความทรงจำมากและดูมีความสุขไม่น้อยเลย
ชาติก่อน แต่ละคนมีบาดแผลเต็มตัว จิตวิญญาณด้านชา มีเพียงต้องทำตัวโหดเหี้ยมและแข็งแกร่งขึ้นถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คนหนึ่งกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่เลือดเย็น ส่วนอีกคนละทิ้งมโนธรรมและเรียนรู้ที่จะเป็นคนไร้ความจริงใจ…
ในชาตินี้ ผู้ที่แบกหลีชิงกลับมาคือเด็กตัวแสบ แม้จะโง่เขลาแต่ก็เป็นคนอบอุ่นและมักทำให้คนอื่นเห็นความหวังอันไร้ขีดจำกัด แม้หลีชิงจะไม่มีคนในครอบครัวหลงเหลืออยู่แล้ว แค้นก็ยังไม่ได้ชำระ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีบ้านให้กลับ ตะเกียงไฟถูกจุดไว้รอเพื่อส่องนำทางแก่เขา สุดท้ายความมีชีวิตชีวาและการมองโลกในแง่ดีที่ไม่เคยจางหายไปแต่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ก็ค่อย ๆ เผยออกมา…
หลีชิงมองเจียงโม่หานด้วยความประหลาดใจ “บัณฑิตเจียง แม้ท่าทีที่เจ้ามีต่อข้าจะดูเย็นชา แต่…ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกว่าเจ้าดูเป็นห่วงข้าอยู่ไม่น้อย…”
เจียงโม่หานมองเขาอยู่นาน ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มออกมา “คนที่เด็กตัวแสบใส่ใจ ข้าก็ต้องเอาใจใส่ด้วยอยู่แล้ว เรื่องนี้จะมีอะไรน่าแปลกใจอีก ? ”
หลีชิงพยักหน้าแล้วตอบคำถามเมื่อครู่ของอีกฝ่าย “น้องสาวของข้าอายุมากกว่าเสี่ยวเว่ยไม่กี่ปี ถ้าหาเจอ นางก็น่าจะแต่งงานแล้ว มีพี่ชายคนนี้คอยหนุนหลังนาง บ้านสามีจะต้องไม่กล้าทำอะไรแย่ ๆ ต่อนางแน่นอน รอให้แก้แค้นสำเร็จแล้วก็ถึงเวลาทดแทนบุญคุณ !
หากวันหน้าเจ้าอยากเป็นขุนนางที่ดีคนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องผิดใจกับคนไม่น้อยใช่หรือไม่ ? ข้าน่ะ…จะยอมลดตัวลงมาเป็นองครักษ์ให้เจ้า ! เจ้าเป็นสามีของเสี่ยวเว่ย ดังนั้นการดูแลความปลอดภัยของเจ้าก็เหมือนได้ทดแทนบุญคุณนางแล้วใช่หรือเปล่า ? ข้าไม่ต้องการเงินเดือนจากเจ้าหรอก ขอแค่มีข้าวกินก็พอ ! ”
เดิมทีเจียงโม่หานยังซาบซึ้งในคำพูดของเขาอยู่ แต่พอได้ยินมาถึงประโยคสุดท้ายจึงมองเห็นเป้าหมายของอีกฝ่าย เป้าหมายที่แท้จริงของเจ้าไม่ใช่การปกป้องข้า แต่คือความอาลัยอาวรณ์ในฝีมือทำอาหารของเด็กตัวแสบใช่หรือไม่ ?
“แค่เจ้ายินดีจะติดตาม พวกเราก็จำเป็นต้องรับไว้หรือ ? เจ้าถามความเห็นจากพวกเราหรือยัง ? ” เจียงโม่หานเหลือบมองเขาขณะถาม
หลีชิงขมวดคิ้วแล้วทำหน้า ‘เจ้าโง่หรือเปล่า’ ออกมา “ทำไม ? เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ ? องครักษ์ที่มีวรยุทธสูงส่งและยังมีใจซื่อสัตย์อย่างข้า เจ้าจะไปหาจากที่ไหนได้อีก ? ”
“เจ้าแน่ใจว่าจะติดตามเราไปตลอดชีวิตจริงหรือ ? ” เจียงโม่หานย้อนถาม
หลีชิงเริ่มมองเขาด้วยความหวาดระแวง “ทำไม ? เจ้าจะให้พิสูจน์อย่างไร ? จะให้ข้าแหวะอกควักหัวใจออกมาให้เจ้าดูหรือ ? ”
เจียงโม่หานหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าจะดูหัวใจเจ้าไปทำไม ? ทำอะไรบางอย่างให้ข้าก็แล้วกัน ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเอง เจ้าคิดว่าอย่างไร ? ”
หลีชิงมุ่ยปาก “ข้ารู้อยู่แล้วว่าปัญญาชนอย่างพวกเจ้ามีใจคิดไม่ซื่อ มีเรื่องอะไรจะให้ข้าช่วยก็พูดมาตามตรง ยังจะกล้าใช้คำว่า ‘พิสูจน์ตัวเอง’ ! แต่ถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือเรื่องไร้มโนธรรม ข้าไม่ทำ ! ”
เจียงโม่หานให้เขาเอียงหูเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างให้ฟัง ทันใดนั้นมุมปากของหลีชิงก็เริ่มกระตุก “เจ้าแซ่อู๋คนนั้นไปทำอะไรให้เจ้าจนถึงขั้นจะทำกับมันขนาดนี้ ? ”
“มันทำร้าย…สหายของข้าคนหนึ่ง ทำให้เขาต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ! ” เสียงของเจียงโม่หานเย็นชาขึ้นมาทันทีราวกับน้ำแข็งกำลังก่อตัวสูงตระหง่าน “ชีวิตของผู้ที่มันทำลาย มือข้างเดียวก็ยังไม่พอ นอกจากนี้สหายของข้าคนหนึ่งก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มันใส่ความเลย ข้ารับประกันได้ ! ”
“ได้ ! ข้าจะช่วยเจ้าล่อเหยื่อเท่านั้น ส่วนจะติดกับหรือเปล่าก็ต้องดูเอาเอง ! ” จากนั้นหลีชิงก็เหลือบมองเขาสองสามครา “ข้ามองออกแล้วว่าปัญญาชนอย่างพวกเจ้าโดยเฉพาะปัญญาชนที่ฉลาดหลักแหลม ไม่ควรไปผิดใจด้วยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้ตัวเลย ช่างสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นเหลือเกิน ! ”