ตอนที่ 342 แม้แต่คู่หมั้นของตนก็ยัง ‘ชิป’ ได้
นี่จะนับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด ? แค่ลงมือเชือดหมูเชือดแมวเท่านั้น ในชาตินี้เมื่อได้รับอิทธิพลจากเด็กน้อยแล้วจิตใจของเขาก็สงบขึ้น วิธีลงมือก็เบาลงมาก ! หากเปลี่ยนเป็นตัวเขาในชาติก่อน เจ้าแซ่อู๋คงได้หายตัวไปจนหาศพไม่พบนานแล้ว !
ไม่ ! คงสังหารเจ้าแซ่อู๋ตรง ๆ ไปเลยต่างหาก แต่มันก็ยังดับความแค้นในใจเขาไม่ได้อยู่ดี สู้มองศัตรูอับจนหนทาง มีชีวิตไม่ต่างจากสุนัขเหมือนเขาในชาติที่แล้ว ถึงจะสาสมใจกว่า จริงหรือไม่ ?
ขณะมองแววตาที่เยือกเย็นราวกับอยู่ในขุมนรกของอีกฝ่าย หลีชิงก็ตัวสั่นทันทีและรีบเดินออกห่างสองสามก้าว…นี่ข้าวางใจเร็วเกินไปหรือเปล่า ? คนที่อำมหิตไร้หัวใจแบบนี้จะสร้างความสุขให้เสี่ยวเว่ยได้จริงหรือ ?
ในเขตเริ่นอัน ชื่อเสียงของเจ้าแซ่อู๋ก็ไม่ดีไปสักเท่าไร และก็เป็นฝ่ายเริ่มทำร้ายบัณฑิตเจียงก่อน นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้หลีชิงทนไม่ได้ก็คือเจ้านั่นยังกล้าคิดไม่ดีต่อหลินเว่ยเว่ย…
ช่างเถิด เขาแค่รับหน้าที่ส่งข่าว เหยื่อจะติดหรือไม่ติดกับดักก็ต้องรอดูว่าเจ้าแซ่อู๋จะตอบสนองอย่างไร ทว่าด้วยนิสัยของเจ้านั่นแล้ว น่าจะเข้ามาติดกับง่าย ๆ ถูกหรือไม่ ?
“ตกลง ! เรื่องที่เจ้าพูดก็ยกให้ข้าจัดการเอง ! ” จากนั้นหลีชิงก็หันไปมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง “เล่ห์เหลี่ยมพวกนี้ของเจ้าอย่าไปใช้กับเสี่ยวเว่ยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น…ไม่ว่าเจ้าจะได้อยู่ในตำแหน่งสูงส่งเพียงใด ข้าก็จะตัดศีรษะเจ้า เชื่อหรือไม่ ? ”
“เชื่อ ! ” เพราะในชาติที่แล้วตำหนักอ๋องเปรียบเสมือนกรงเหล็ก ทว่าศีรษะของอ๋องเจ้าตำหนักกลับเป็นเพียงก้อนดินสำหรับหลีชิง ! “เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะบอกความลับที่ทำให้สามารถล้มศัตรูของเจ้าได้ ! ”
“ความลับอันใด ? ” หลีชิงรีบถามต่อทันที
“ศัตรูของเจ้าคนนั้นติดต่อกับกบฏราชวงศ์ก่อนและตงหู…ไม่ต้องถามว่าข้าได้ข่าวมาจากไหน ข้าบอกเจ้าได้แค่นี้ ส่วนเรื่องหลักฐานเจ้าต้องไปหาเอาเอง ! ” เจียงโม่หานพูดเพียงเท่านี้
หลีชิงซาบซึ้งจนตัวสั่น แม้ศัตรูของเขาจะไม่มีอำนาจแท้จริงอยู่ในมือ แต่มีคนเก่งอยู่รอบกาย ถ้าอยากจะปลิดชีพอีกฝ่ายก็เป็นไปได้ยาก ทว่าแค่ชีวิตของศัตรูเพียงคนเดียวจะสยบวิญญาณนับร้อยของตระกูลหลีได้อย่างไร ?
ถ้าเรื่องที่บัณฑิตเจียงพูดคือความจริง ! นั่นเป็นโทษสถานหนักข้อหาคิดคดต่อแผ่นดิน ต้องรับโทษประหารเก้าชั่วโคตร…ฮ่าฮ่าฮ่า ! เขาจะต้องหาหลักฐานที่เดรัจฉานนั่นร่วมมือกับพวกกบฏให้ได้ ทำให้ตระกูลของมันต้องชดใช้แก่ตระกูลหลีด้วยชีวิต !
ทั้งสองคนยืนต้านลมอยู่นานพอสมควรกว่าจะทำให้ความตื่นเต้นในใจสงบลงได้อีกครั้ง หลังกลับมาถึงบ้านสกุลหลินและเพิ่งเปิดประตูเข้ามาก็เห็นหลินเว่ยเว่ยกำลังเท้าสะเอวพลางจ้องเขม็งมาที่พวกตน “เหตุใดเจ้าสองคนต้องออกไปตากลมนานขนาดนั้น ? มีอะไรก็คุยกันในบ้านไม่ได้หรือ ? จำเป็นต้องแอบทุกคนไปคุยกันข้างนอกเช่นนั้นด้วย”
นางมองพวกเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คนหนึ่งร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อเหลา ส่วนอีกคนสูงโปร่ง ใบหน้างดงาม มีกลิ่นอายของ ‘คู่ชิป’ แบบสุด ๆ…หากทั้งสองเล่นซีรี่ส์แนวตันเหม่ย1ด้วยกัน ต้องปังสุด ๆ ไปเลย !
เจียงโม่หานเดินเข้ามาหา จากนั้นก็ตีหน้าผากนาง “สายตาของเจ้าแบบนั้นคืออะไรกัน ? พิลึกคน ! สมองเท่าเมล็ดถั่วของเจ้าคิดอะไรเหลวไหลอีกแล้วใช่หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า…เหตุใดจึงคิดแบบนั้นกับคู่หมั้นของตนได้ ? หยุดเดี๋ยวนี้ ! แต่ว่า…จอมยุทธขี้เล่น VS บัณฑิตเย็นชา ก็น่าดูจริง ๆ นี่นา !
วันรุ่งขึ้น ผู้ดูแลจางก็มารับคุณชายรองด้วยตนเอง เพราะเขากลัวว่าคุณชายรองจะมีความสุขจนลืมหน้าที่การงานและลืมเวลาออกเดินทาง
ตอนที่มาเยือน เขาได้นำหนังสัตว์มาให้บ้านนางสองผืน ขากลับ…เอาเนื้อเสือแช่แข็งไปหนึ่งก้อน กระดูกเสือและยังมีหนังกระต่ายหิมะอีกสองสามผืน…คุณชายรองหนอคุณชายรอง ไม่ขาดทุนเลยจริง ๆ !
ลู่เหวินจวินยังไม่อยากบอกลาคนบ้านตระกูลหลินและตระกูลเจียง หากไม่ใช่เพราะเวลาสิ้นปีใกล้มาถึงแล้ว เขาก็ยังคิดจะอยู่บ้านตระกูลหลินต่ออีกสองสามวัน เขายังกินอาหารและขนมของบ้านตระกูลหลินไม่อิ่มเลย !
“โถขนมของข้าอยู่ที่ใด ? เนื้อกวางแผ่นด้วย ? ตอนที่ขึ้นเรือแล้วอย่าให้เปียกน้ำเด็ดขาด ! ” ขนมเอย เนื้อแผ่นเอย เนื้อกระต่ายผัดห้าเครื่องเทศแล้วก็ยังมีเนื้อเสือกับกระดูกเสือ ล้วนเป็นของขวัญที่หลินเว่ยเว่ยส่งไปให้มารดาของเขา ท่านแม่ยังไม่ทันรับหลินกู่เหนียงเป็นลูกบุญธรรมเลย นางก็คิดได้รอบคอบขนาดนี้แล้ว ท่านแม่จะต้องดีใจมากแน่นอน !
ฝ่ายติงหลิงเอ๋อร์ยังมาบ้านสกุลหลินโดยมีพี่ชายทั้งสองมาเป็นเพื่อนอีกสองครั้ง พอรู้ว่าหลินเว่ยเว่ยได้รับบาดเจ็บ นางก็ส่งของดี ๆ มาบำรุงร่างกายให้อีกมากมาย รังนก เออเจียว2 ปลิงทะเล…ล้วนเป็นของที่หาซื้อไม่ได้ในเขตเริ่นอัน !
แต่หลินเว่ยเว่ยก็ให้กลับไปเช่นกัน…เขากวาง ( ตัดจากกวางดาว ) สุราดองกระดูกเสือ ( ใช้กระดูกเสือที่นางฆ่าตายมาดอง ) นอกจากนี้ยังมีขากวางอีกหนึ่งขาและเนื้อเสืออีกหนึ่งก้อน !
สุราดองกระดูกเสือและเนื้อเสือก็ถูกส่งไปทางผู้อาวุโสเซวียในเขตเริ่นอันเช่นกัน เนื่องจากในสายตาหลินเว่ยเว่ยเห็นเขาเป็นปราชญ์ผู้นำลัทธิขงจื๊อผู้มีชื่อเสียงไปทั่วหล้า แม้จะรับบัณฑิตน้อยเป็นศิษย์ไม่ได้ ทว่าช่วยชี้แนะให้ก็เพียงพอแล้ว ! ความรู้สึกดี ๆ ยังต้องสร้างกันต่อไป !
ช่วงหลายวันนี้เจียงโม่หานก็ไปที่กระท่อมของผู้อาวุโสเซวียเพื่อเดินหมากเป็นเพื่อนพลางแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน แม้จะเผชิญกับความวุ่นวายในสงครามมาแล้ว แต่ที่กระท่อมของผู้อาวุโสเซวียก็ยังมีตำราดี ๆ เก็บไว้ไม่น้อย ตำราส่วนใหญ่เป็นของหายากหรือไม่ก็มีเล่มเดียวซึ่งเหลือรอดมาจากราชวงศ์ก่อน
จุดประสงค์ของการสร้างความรู้สึกดี ๆ อย่างต่อเนื่องของหลินเว่ยเว่ยคือตำราในกระท่อมของผู้อาวุโสเซวียและสมุดบันทึกบางส่วนของเขา เจียงโม่หานสามารถหยิบออกมาอ่านได้ตามใจชอบและก็ได้รับประโยชน์จากมันมาก !
“สุราดองกระดูกเสือนี้ดื่มเช้าเย็นครั้งละจอกก็พอ ดื่มมากจะไม่ดีขอรับ” เจียงโม่หานรู้ว่าผู้อาวุโสเซวียชอบดื่มสุรา แต่สุราดองกระดูกเสือมีสรรพคุณเป็นยา หากดื่มมากเกินไปก็ไม่เพียงจะไร้ประโยชน์แต่ทำให้เกิดโทษอีกด้วย
ฝ่ายเซวียจื้อเฉียนทำสีหน้าว่าจะคอยจับตาดูอาจารย์เอาไว้ให้ดี ไม่มีทางปล่อยให้ดื่มเกินพอดีแน่นอน
ผู้อาวุโสเซวียเป่าเคราแล้วพูดกับเจียงโม่หานอย่างไม่เกรงใจว่า “แล้วสุราองุ่นที่นางหนูของบ้านเจ้าหมักล่ะ ? เหตุใดคราวนี้ไม่ส่งมาด้วย ? ของที่ส่งมาคราวก่อนข้าดื่มจนจะหมดอยู่แล้ว ! ”
“ได้ขอรับ ! สุราองุ่นหนึ่งไหแลกกับภาพวาดสองภาพ ! ” เจียงโม่หานทำนิ้วเป็นเลขสอง ใช่ว่าเขาหน้าเลือดขอให้ผู้อาวุโสเซวียวาดอะไรมั่วซั่วออกมา แต่ถ้าไม่สร้างแรงกดดันหรือแรงจูงใจให้ตาแก่คนนี้บ้าง อีกฝ่ายก็อาจไม่ยอมจับพู่กันวาดภาพไปอีกครึ่งปีเลยทีเดียว
ผู้อาวุโสเซวียโมโหจนเค้นเสียง เฮอะ “สุราองุ่นของบ้านเจ้าใช้เงินหมักหรือ ? แลกกับภาพวาดของข้าสองภาพ เจ้าบัณฑิตน้อยใจดำ ! ”
นึกถึงสมัยก่อน ภาพวาดของเขาแม้จะใช้เงินหมื่นตำลึงก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะได้ไปครอบครอง ! เจ้าหนุ่มคนนี้อยากให้เขาแลกกับสุราองุ่นหนึ่งไห ไม่มีทาง ! นอกจากว่าเพิ่มเป็น…สองไห !
“สุราองุ่นของเด็กน้อยรสชาติไม่เลวจริง ๆ ขอรับ เย็นนี้ข้าต้องดื่มให้มากหน่อย ! เพราะไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันก็อาจไม่มีเหลือให้ข้าดื่มแล้วขอรับ ! ” เจียงโม่หานบ่นพึมพำ
ผู้อาวุโสเซวียเป่าเคราสูงกว่าเดิมทันที เจ้าเด็กนี่ จงใจพูดให้ข้าได้ยินสินะ ! แต่สุราองุ่นที่นางหนูหลินหมัก ไม่รู้ว่าใช้ส่วนผสมอะไรหมักเป็นพิเศษ เขาดื่มไปได้แค่ครึ่งเดียว โรคนอนไม่หลับก็หายเป็นปลิดทิ้ง ! รสชาติก็ดี กินอะไรก็อร่อย ! ขาก็มีเรี่ยวแรง ทั้งตัวก็เหมือนจะอ่อนเยาว์ขึ้นหลายปี โรคเวียนศีรษะที่เป็นมายาวนานก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด…
เรื่องสำคัญคือ…อร่อย ! ส่วนสุราองุ่นที่เป็นของบรรณาการจากทางตะวันตกนั้นกลายเป็นแค่ของหางแถวไปเลย ! เฮ้อ คาดไม่ถึงว่าคนอย่างเขาจะต้องมาทำเพื่อสุราไหเดียว !
“ก็แค่ภาพวาดสองภาพไม่ใช่หรือไร ! ตกลง ! ” ผู้อาวุโสเซวียถลึงตาใส่สหายน้อยแซ่เจียงอีกรอบ…ไอ้จิ้งจอกร้อยเล่ห์เอ๊ย !
[i]
1 ตันเหม่ย คือ คำที่สาวชาวจีนนิยมใช้เรียกแทนคำว่า Boy Love
2 เออเจียว หรือ กาวหนังลา เป็นยาจีนที่ทำมาจากหนังลา