หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 351 หมูไม่รู้จักกินผักกาดขาว

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 351 หมูไม่รู้จักกินผักกาดขาว

“แม้ในยามปกติจะไม่ชอบใส่ ทว่าส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทั้งทีก็ไม่ควรปล่อยให้เนื้อตัวไร้เครื่องประดับ ซื้อใส่สักหน่อย ! บัณฑิตเจียง ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ? ” อันที่จริงติงหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้มีความหมายแฝงอะไร แค่คิดว่าพี่หลินมักเชื่อฟังบัณฑิตเจียง ถ้าเขาบอกว่าใช่ พี่หลินต้องเลือกซื้อให้ตัวเองสักชิ้นแน่นอน

เจียงโม่หานได้เลือกไว้ให้คู่หมั้นเรียบร้อยแล้ว เขาเลือกปิ่นเงินประดับมุกลายเมฆขด ตัวปิ่นมีสีเงิน ประดับไข่มุกแวววาวแต่งแต้มไปด้วยมรกตเล็กน้อย เพิ่มความมีชีวิตชีวาได้พอสมควร ติงหลิงเอ๋อร์จึงอดไม่ได้ที่จะชมในใจว่า บัณฑิตเจียงมีสายตาแหลมคมใช้ได้ !

หลินเว่ยเว่ยชอบมาก…นางชอบทุกอย่างที่บัณฑิตน้อยมอบให้ นางจึงเสียบมันบนมวยผมทันทีแล้วถามเจียงโม่หานว่า “งามหรือไม่ ? ”

เจียงโม่หานช่วยนางปรับตัวปิ่น ก่อนจะพยักหน้าให้ “งาม ! ”

“คนหรือว่าปิ่นที่งาม ? ” หลินเว่ยเว่ยถามต่อหน้าทุกคนอย่างไม่เขินอาย

เจียงโม่หานมองนางแวบหนึ่ง หลังจ่ายเงินแล้วก็สาวเท้าเดินออกจากร้านทันที หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปากพลางเดินตามเขาออกจากร้านขายเครื่องประดับ

“คนงาม แต่ประดับปิ่นแล้วงามกว่าเดิม ! ” ในขณะที่นางกำลังคิดว่าจะไม่ได้รับคำตอบจากบัณฑิตหนุ่ม ข้างหูของนางก็มีเสียงเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น หลินเว่ยเว่ยจึงรีบหันไปมองแล้วเริ่มหัวเราะอย่างโง่งม

ติงหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้พวกเขาก็ได้ยินเต็มสองรูหู นางจึงอดไม่ได้ที่จะหันมาขยิบตาให้หลินเว่ยเว่ย คู่ของพี่หลินกับบัณฑิตเจียงรักกันดีเหลือเกิน ! พอเลือกถูกคนแล้ว การหมั้นหมายก็ดูเหมือนจะไม่น่ากลัวถึงขั้นนั้น !

“พี่หลิน พวกเราซื้อขนมประเภทน้ำตาลกลับไปดีหรือไม่ ? ” พวกขนมชนิดอื่นสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ในเขตเริ่นอัน แต่ขนมน้ำตาลในเขตไม่มีให้เลือกมากมายเท่าตัวอำเภอแน่นอน

ติงหลิงเอ๋อร์จูงมือหลินเว่ยเว่ยเข้ามาในร้านขายขนมหวาน ในฤดูกาลนี้ผลไม้เชื่อมมีให้เลือกน้อยมากและราคาก็สูงกว่าปกติ ขนมน้ำตาลก็มีน้อยด้วย หลินเว่ยเว่ยเลือกซื้อแค่ขนมหนวดมังกรเท่านั้น ส่วนขนมน้ำตาลอื่น ๆ ไม่เข้าตานางเลย นางจึงคิดจะกลับไปทำขนมงาตัด ลูกอมถั่วหรือลูกอมเมล็ดสนเอง แน่นอนว่าจะต้องอร่อยกว่าของที่ขายตามร้าน !

ส่วนติงหลิงเอ๋อร์ซื้อกลับไปไม่น้อย เพราะหลังจากครั้งนี้แล้วนางไม่มีทางได้ออกจากบ้านก่อนปีใหม่อีกแน่ นางจึงซื้อขนมน้ำตาลไปเยอะหน่อย อย่างน้อยก็ช่วยคลายความเหงาปากได้ !

เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว พวกเด็กหนุ่มสองสามคนที่ตามไปด้วยก็ถือของกันเต็มสองมือ ตอนนี้พวกเขาเหนื่อยจนไม่มีแรงทำอะไรแล้ว ทว่าติงหลิงเอ๋อร์กับหลินเว่ยเว่ยยังร่าเริงได้เหมือนเดิม

สตรีเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด ภายนอกดูอ่อนแอ แต่ในบางเวลากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด อย่างเช่น เดินดูของ ซื้อของ…

เมื่อพักที่ตัวอำเภอหนึ่งคืนแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ฟ้าสาง เมื่อไปถึงทางแยกที่อยู่ห่างจากตัวอำเภอไม่ไกลนัก รถม้าทั้งสองคันก็แยกกัน พวกติงหลิงเอ๋อร์กลับไปที่เขตเริ่นอัน ส่วนพวกหลินเว่ยเว่ยทั้งสามคนตรงดิ่งสู่หมู่บ้านฉือหลี่โกว

ติงหลิงเอ๋อร์ชะโงกตัวออกมานอกรถม้าและโบกมือด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย “พี่หลิน รอให้เสร็จสิ้นปีใหม่แล้วข้าจะไปเยี่ยมท่านที่ฉือหลี่โกว…”

“ยินดีต้อนรับเสมอ ! ” หลินเว่ยเว่ยโบกมือและตะโกนตอบรับ

หลินจื่อเหยียนมุ่ยปาก “พวกท่านจะส่งกันเหมือนคนเดินทางไกล 80 ลี้เลยหรือไม่ ? ”

“ทำไม ? อิจฉาที่ข้ากับน้องหลิงเอ๋อร์สนิทกันหรือ ? เช่นนั้นเจ้าก็พยายามเข้าสิ ! สตรีที่ดีถึงเพียงนี้อย่าให้หมูบ้านอื่นแย่งไปกินได้ล่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยมองเขาอย่างขี้เล่น

ทันใดนั้นใบหน้าอ่อนเยาว์ของหลินจื่อเหยียนก็แดงระเรื่อราวกับก้นลิง จากนั้นเขาก็พูดตะกุกตะกัก “พะ…พี่รอง ! ท่านพูดจาเหลวละ…ไหลอะไร ! ขะ…ข้ากับติงกู่เหนียงไม่ได้คิดอะไรต่อกันเสียหน่อย ! ”

เจียงโม่หานชำเลืองมองหลินเว่ยเว่ย “อย่ายุ่งกับเป็ดแมนดาริน1 ! ”

หลินเว่ยเว่ยเบะปากพลางบ่นเบา ๆ ว่า “ก็ข้าคิดว่าเด็กคนนั้นไม่เลวจริง ๆ นี่…”

เจียงโม่หานถึงขั้นเหนื่อยใจ

เจ้าคิดว่าไม่เลวแล้วมีประโยชน์อะไร ? เจ้าไม่ได้เป็นคนแต่งเองเสียหน่อย อีกอย่างนายท่านตระกูลติงก็เป็นขุนนางขั้นที่สี่ แม้ว่าในราชสำนักจะไม่ใช่คนสำคัญ ! แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ฐานะของทั้งสองครอบครัวก็ยังแตกต่างกันอยู่ดี…

“เอาเถิด ไม่พูดก็ไม่พูด ! ” หลินเว่ยเว่ยถอนหายใจยาวเหยียด “ผักกาดขาวดีถึงเพียงนี้ ! หากโดนหมูบ้านอื่นเข้ามาแย่งไปกินก็น่าเสียดายจะตาย…”

เจียงโม่หานกับหลินจื่อเหยียนได้แต่พูดไม่ออก

บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆรวมตัวกัน หลังจากลมเหนืออันหนาวเหน็บพัดเข้ามาแล้ว เกล็ดหิมะก็ค่อย ๆ ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า หลินเว่ยเว่ยเปิดม่านออกแล้วถามเหลยหยู่ที่กำลังขับรถม้าอยู่ว่า “หนาวหรือไม่ ? เข้ามาผิงไฟแล้วให้ต้าฮว๋าออกไปขับแทนก่อน”

เหลยหยู่รีบส่ายหน้า “ข้าใส่เสื้อผ้าหนา ไม่หนาวเลย ! ” ปีนี้พี่สาวทำงานให้บ้านตระกูลหลินได้เงินเดือนรวมกับเงินพิเศษประจำปี ( เงินโบนัส ) จึงทำให้พวกเขาสามารถตุนอาหารได้อย่างเพียงพอและยังมีเงินเหลือเก็บอีกเล็กน้อย พี่สาวจึงทำเสื้อกันหนาวตัวหนาให้ทุกคนในครอบครัว ฝ้ายเป็นของใหม่ พอสวมใส่แล้วจึงอุ่นเป็นอย่างยิ่ง นี่คือสิ่งที่ในอดีตพวกเขาไม่กล้าที่จะนึกฝัน !

อีกอย่างคือเขามาเป็นคนขับรถม้าให้บ้านตระกูลหลิน มีใครที่ไหนรับเงินเดือนแล้วยังให้นายจ้างมาช่วยขับรถม้าแทนอีก ?

หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมเข้ามา นางจึงนำเสื้อคลุมขนกระต่ายของหลินจื่อเหยียนไปให้เหลยหยู่ “ใส่เอาไว้ ลมแรงเช่นนี้หากป่วยขึ้นมาจะแย่เอาได้ แล้วก็ยังมีสิ่งนี้ด้วย ใส่ซะ ! ”

หลินจื่อเหยียนที่ถูกแย่งถุงมือไปก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ “…! ” เหตุใดคนที่โดนรังแกต้องเป็นเขาตลอด ?

“ผ้าห่มนี้ให้เจ้า ไม่ต้องทนหนาวหรอก ! ” โชคดีที่พี่สาวคนนี้ยังรู้จักเอ็นดูน้องชายจึงไม่ปล่อยให้เขาหนาวตาย

หิมะข้างนอกตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บนพื้นและบนหลังคารถม้าเต็มไปด้วยสีขาวโพลน เมื่อเข้าสู่เส้นทางหุบเขาที่แคบและขรุขระจึงทำให้รถม้าวิ่งช้าลง

“หืม ? พี่รองหลิน บัณฑิตเจียง ขบวนรถม้าข้างหน้านั้นเหมือนขบวนที่เราเจอที่เมืองจงโจวเลย ! ” ที่นี่ห่างจากฉือหลี่โกวประมาณ 5-6 ลี้ เหลยหยู่เห็นขบวนรถม้าด้านหน้าได้จากระยะไกล เหมือนว่ากำลังฝ่าหิมะบนทางหุบเขาอย่างเชื่องช้า

คนขับรถม้าของหยวนเจี๋ยล้วนเป็นคนเมืองหลวงทั้งหมด ไฉนเลยจะเคยขับบนทางเขาที่คดเคี้ยวไปมาเช่นนี้ ? กอปรกับความลื่นของหิมะจึงทำให้รถที่บรรทุกข้าวของอยู่เคลื่อนตัวได้ช้ากว่าเดิม

ขบวนรถม้าขวางเต็มถนน รถม้าตระกูลหลินจึงได้แต่ค่อย ๆ ขับตามอยู่อย่างนั้น เดิมทีเที่ยงวันก็สามารถกลับไปกินข้าวร้อน ๆ ที่บ้านได้แล้ว แต่ตอนนี้…คงเป็นไปไม่ได้ หลินเว่ยเว่ยจึงได้แต่ถอนหายใจ

แต่สิ่งที่ทำให้นางอยากถอนหายใจยิ่งกว่านั้นคือ พอหันไปก็เห็นบัณฑิตน้อยต้มยาอีกหม้อไว้รอแล้ว นางจึงพูดด้วยสีหน้าต่อต้าน “ข้าดีขึ้นแล้ว คอไม่เจ็บ จมูกก็หายใจได้โล่งขึ้น ไม่ต้องดื่มยาแล้วได้หรือไม่ ? ”

เจียงโม่หานส่ายหน้าเบา ๆ “ยังมีเสียงขึ้นจมูกอยู่ เสียงก็แหบกว่าปกติ ดื่มอีกสองเทียบดีกว่า ! ”

สังเกตได้ละเอียดดีนี่ ! หลินเว่ยเว่ยบ่นในใจ ก่อนจะรับถ้วยยามาถือไว้อย่างยอมรับชะตากรรม “เจ้าคงไม่ได้ทำเพราะซื้อยามาเยอะเกินไปใช่หรือไม่ เจ้ากลัวว่าจะเสียเงินไปเปล่า ๆ จึงให้ข้าดื่มอีกใช่ไหม ? ”

“ยาก็เป็นพิษได้เหมือนกัน จะให้กินมั่วซั่วได้อย่างไร ? ทว่ายาที่ข้าซื้อมาก็เหมาะกับการใช้รักษาอาการของเจ้าได้ดี ! ” เจียงโม่หานคำนวณเวลาเดินทาง พอถึงบ้านแล้วยาก็น่าจะดื่มหมดพอดี ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอีกก็ยังมีท่านหมอเหลียงอยู่ไม่ใช่หรือ ?

หลินเว่ยเว่ยดื่มยาหมดในอึดใจเดียว ก่อนจะรีบหยิบน้ำหวานด้านข้างขึ้นมาบ้วนปาก ยาต้มเฮงซวย ขมชะมัด ! เมื่อไรจะมียาเม็ดกับยาแคปซูลเหมือนชาติก่อน !

[i]

1 อย่ายุ่งกับเป็ดแมนดาริน เปรียบเปรยว่า อย่าเที่ยวจับคู่คนอื่น

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท