หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 357 ดีใจจนตัวลอย

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 357 ดีใจจนตัวลอย

“ขอบคุณท่านหมอเหลียง รบกวนท่านแล้ว ! ” หลังจากหลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้น นางก็ดีใจจนตัวลอย…ยะฮู้ว ! ไม่ต้องดื่มยาขม ๆ อีกแล้ว !

เมื่อมอบของขวัญที่นำมาด้วยให้หมอเหลียงแล้ว นางก็รีบจูงมือบัณฑิตหนุ่มออกจากบ้านหมอเหลียงราวกับข้างหลังกำลังมีโจรไล่ตามมาอย่างไรอย่างนั้น ระหว่างทางกลับ ฝีเท้าเบาและมือก็แกว่งไปมาเหมือนจะบินได้ แต่ตอนขามาเหมือนมีอะไรถ่วงขาเอาไว้ ทำให้นางก้าวเดินได้ยากลำบากยิ่งนัก สภาพต่างกันราวฟ้ากับเหว

เจียงโม่หานเดินตามหลังนาง เขาถึงขั้นส่ายศีรษะเบา ๆ…เด็กน้อยคนนี้ เวลาปกติดูเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ชอบเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์ ตะกละและเกลียดการดื่มยารสขม…

เวลานี้หยวนเจี๋ยกำลังตั้งหน้าตั้งตารออาหารกลางวันของบ้านตระกูลหลิน เพราะเขาเคยได้ไถ่ถามเรื่องบ้านตระกูลหลินกับตระกูลเจียงมาจากคุณชายรองลู่ซึ่งคุยโวว่ารสชาติอาหารของตระกูลหลินอร่อยเป็นอย่างยิ่ง ยังบอกอีกว่าไม่มีพ่อครัวคนไหนในเมืองหลวงมีฝีมือสู้หลินกู่เหนียงได้

ดังนั้นตอนที่หลินจื่อเหยียนมาเรียกเขาไปรับประทานอาหารบ้านข้าง ๆ ในใจของเขาก็แฝงไว้ด้วยความหวังและความตื่นเต้นพอสมควร…แค่กแค่ก อาจเป็นเพราะอาหารที่กินระหว่างทางและอาหารในโรงเตี๊ยมนั้นไม่ถูกปากเขาเลย ดังนั้นเขาถึงได้…

หลินจื่อเหยียนเชิญแขกมาที่ห้องของตน พี่รองบอกว่านับจากวันนี้หน้าที่ในการต้อนรับแขกจะเป็นของเขาเพียงผู้เดียว โชคดีมีศิษย์พี่เจียงและว่าที่พี่เขยใหญ่อยู่เป็นเพื่อน เขาจึงไม่ประหม่ามากนัก

การต้อนรับแขกของภาคเหนือล้วนต้อนรับกันบนเตียงเตา เตียงแสนอบอุ่นปรากฏทุกคนนั่งท่าขัดสมาธิ เบื้องหน้าเป็นโต๊ะและอาหารที่เต็มไปด้วยควันร้อนระอุ…ในสายตาคนทางใต้อย่างหยวนเจี๋ยจึงเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ยิ่งนัก

เขาทำตามวิถีชาวบ้านท้องถิ่นคือถอดรองเท้าออก ใส่แค่ถุงเท้าและพยายามเก็บปลายเท้าให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่สำเร็จ…แม้จะเจ็บเท้ามาก แต่เขาก็ยังนั่งท่าขัดสมาธิเหมือนพวกบัณฑิตเจียงไม่ได้อยู่ดี

หลินจื่อเหยียนสังเกตเห็นสถานการณ์ของเขาจึงรีบพูดว่า “คุณชายหยวน นั่งท่าไหนสบายก็นั่งท่านั้นเถิด ! ” ขณะพูดก็ปล่อยเท้าที่ขัดสมาธิออกแล้วนั่งด้วยท่าไขว่ห้างสบาย ๆ แทน

หลินเว่ยเว่ยถือถาดด้วยมือข้างเดียวแล้วผลักประตูเข้ามาคล้ายกำลังเล่นกายกรรม หลินจื่อเหยียนที่นั่งอยู่บนเตียงจึงรีบเข้ามารับถาดไปจากมือพี่รองทันที เจียงโม่หานถลึงตาใส่นาง…เด็กน้อยคนนี้ เหตุใดจึงอยู่เฉยไม่เป็น ?

หลินเว่ยเว่ยถลึงตาตอบกลับ แล้วขยับแขนที่ห้อยอยู่บนหน้าอก…ที่ข้าใช้คือมือข้างขวาต่างหาก !

หัวสิงโตน้ำแดง ? หมูตงพอ ? หยวนเจี๋ยตาโตขึ้นมาเล็กน้อยและแอบซาบซึ้งในใจ คนตระกูลหลินจะต้องรู้ว่าเขาเดินทางมาจากภาคใต้สู่เมืองหลวงจึงเตรียมอาหารขึ้นชื่อสองอย่างของซูโจวและหางโจวไว้ให้ คาดไม่ถึงว่าจะได้กินอาหารบ้านเกิดในภาคเหนือเช่นนี้

อาหารที่เหลืออีกสามสี่อย่างก็เป็นอาหารชั้นเลิศ ซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดง เนื้อรมควันผัดต้นกระเทียม หมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวานและผัดหมูทอดกรอบ…แม้จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของแดนเหนือ แต่ก็ยังไม่ลืมนึกถึงชาวภาคใต้อย่างเขา หลินกู่เหนียงช่างเป็นคนจิตใจดีเหลือเกิน !

หยวนเจี๋ยหันไปมองหลินเว่ยเว่ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอโทษ “มือของกู่เหนียงยังใช้งานไม่ค่อยสะดวก ข้าก็ยังมารบกวนให้ท่านทำอาหารเหล่านี้อีก…”

หลินเว่ยเว่ยโบกมือแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณชายหยวนไม่ต้องเกรงใจ อาหารชั้นเลิศบนโต๊ะนี้ส่วนใหญ่เป็นฝีมือพี่สาวของข้า” นางแค่ขยับปากอยู่ข้าง ๆ กำหนดเมนูอาหารที่จะทำ บางทีอาจเพราะนางกลัวพี่สาวจะเบื่อเกินไป นางจึงพูดเย้าแหย่สักเล็กน้อยเพื่อสร้างบรรยากาศ

บุตรสาวคนโตตระกูลหลิน “…” ขอบใจ ! แต่ข้า ไม่ ! ต้อง ! การ !

อาหารบนโต๊ะเหล่านี้เป็นฝีมือของคู่หมั้นหมดเลยหรือ? เผิงหยูเหยี่ยนรู้สึกได้หน้าได้ตาขึ้นมาทันที เขาจึงรีบพูดกับหยวนเจี๋ยว่า “มา มาลองชิมว่าจะถูกปากคุณชายหยวนหรือไม่ ! ”

น้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมาราวกับเป็นเจ้าบ้านอย่างไรอย่างนั้น ทำให้หยวนเจี๋ยเกิดความสงสัยต่อฐานะของอีกฝ่ายขึ้นมา หลินจื่อเหยียนจึงรีบแนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกัน “คุณชายเผิงท่านนี้เป็นคู่หมั้นของพี่สาวคนโต อาหารบนโต๊ะนี้ก็เป็นฝีมือของนางเอง”

อ้อ…เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดบัณฑิตคนนี้ถึงได้ปกปิดสีหน้ายากไม่อยู่ หยวนเจี๋ยลองชิมหมูตงพอหนึ่งคำ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย โอ้ มันปลุกเร้ารสชาติแห่งความทรงจำในวัยเด็กของเขาขึ้นมา ไม่ใช่สิ มันเป็นอาหารซูโจวที่อร่อยกว่าตอนเขากินในวัยเด็กเสียอีก ! รู้แล้วว่าเหตุใดชายแซ่เผิงจึงทำสีหน้าภูมิใจเช่นนี้ เพราะคู่หมั้นมีฝีมือให้โอ้อวดนี่เอง !

“คุณชายเผิงโชคดีเหลือเกิน ! ” เมื่อเห็นเผิงหยูเหยี่ยนทำหน้ารอคอยคำชม หยวนเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมขึ้นมา

เผิงหยูเหยี่ยนฉีกยิ้ม ! มีคู่หมั้นที่ฝีมือทำอาหารเช่นนี้ก็ต้องเป็นโชคสำหรับเขาอยู่แล้ว แน่นอนว่าโชคในคราวนี้ยังเป็นตัวเองเสาะแสวงหามาได้ บิดามารดาและพี่ชายก็ล้วนชื่นชมเขาว่าได้ทำเรื่องถูกต้องที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่งเลย !

แม้ด้านในหัวสิงโตน้ำแดงจะไม่มีปูเกือกม้า ( แมงดาทะเล ) เป็นส่วนผสม แต่ไม่รู้ว่าเพิ่มของกรอบอะไรลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ ไม่รู้ว่าด้านในมีเครื่องปรุงอะไรบ้าง เวลากินไม่กระทบความหอมของเนื้อและยังมีรสชาติเข้มข้นกว่าปกติ

หลังจากลองชิมอาหารหลายอย่างหนึ่งรอบแล้ว ในที่สุดหยวนเจี๋ยก็ยอมรับว่าคุณชายรองลู่ไม่ได้พูดเกินจริง เพราะฝีมือของบุตรสาวบ้านตระกูลหลินไม่ใช่สิ่งที่พ่อครัวธรรมดาจะเทียบติด

“ไม่ทราบว่า…พี่ใหญ่ของท่านทำอาหารขึ้นชื่อของซูโจวและหางโจวเป็นได้อย่างไร ? ” หยวนเจี๋ยพอใจกับอาหารมื้อนี้ยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อได้กินรสชาติของบ้านเกิดที่ห่างหายไปนาน…พ่อครัวในเมืองหลวงเหล่านั้นทำหมูตงพอออกมาไม่มีรสชาติดั้งเดิมเลยสักนิด !

เจียงโม่หานหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะหันไปมองหลินจื่อเหยียน หลินจื่อเหยียนเริ่มพูดพร้อมรอยยิ้ม “พี่รองมีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารและขนม ฝีมือของพี่ใหญ่ก็เป็นนางสอน ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดจึงทำอาหารภาคใต้เป็น นั่นคงเพราะโชคดี

ตอนพี่รองไปร้านขายหนังสือกับข้า นางไปเจอสูตรขาด ๆ หาย ๆ มาจากกองกระดาษเก่า ด้านในจดบันทึกสูตรอาหารจากทั่วหล้าเอาไว้ พี่รองจึงฝึกทำนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อทำให้สูตรอาหารเหล่านั้นกลับมาสมบูรณ์ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดพี่รองจึงทำอาหารทางใต้เป็น ! คุณชายหยวน ท่านคิดว่าอาหารสองจานนี้มีอะไรแตกต่างไปจากอาหารทางใต้ที่ท่านเคยกินหรือไม่ ? ”

“อันที่จริงแล้วด้านรสชาติปรุงออกมาให้คนใต้กินได้ แต่ก็ยังเหมาะกับคนเหนือด้วย ! ” หลังใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาเกือบสิบปี หยวนเจี๋ยก็ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับอาหารของทางภาคเหนือแล้ว ดังนั้นหัวสิงโตน้ำแดงและหมูตงพอจึงถูกปากเขาเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับน้ำแกงไข่ใส่ปวยเล้งอย่างสุดท้ายนั้น หยวนเจี๋ยไม่ทันระวังจึงดื่มเข้าไปเต็ม ๆ หนึ่งชาม หลังกินอาหารเข้าไปเยอะเช่นนั้น การกินน้ำแกงไข่ที่มีรสชาติอ่อนตัดเลี่ยนได้ดีตบท้าย ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม

เขาอดไม่ได้ที่จะชมวิธีปลูกผักในลังไม้เหล่านั้น มันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่จริง ๆ หลินจื่อเหยียนจึงมีใบหน้าเปื้อนยิ้มทันที “พี่รองเป็นผู้คิดค้น ในฤดูหนาวทางฝั่งพวกเราจะต้องเผาถ่าน ถ่านที่บ้านเราใช้ก็ไม่ต้องเสียเงิน ในห้องจึงอบอุ่นอยู่เสมอและเหมาะกับการปลูกผักพอดี พี่รองเป็นคนเสนอ เราจึงลองปลูก แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะเติบโตมาอย่างดูดีใช้ได้ ! ”

ผักกาดกวางตุ้งและปวยเล้งจะนับว่ามีอะไรน่าตกใจ ? ในห้องของพี่รองยังปลูกแตงกวา พริกและมะเขือเทศอีกด้วย ! แม้พวกมันจะมีไม่มาก แต่อาหารที่กินในคืนข้ามปีใหม่ของพวกเขาก็จะมีรสชาติขึ้นไม่น้อยแล้ว เจ้าหนูน้อยไปดูต้นมะเขือเทศทุกวันเพื่อรอให้ถึงคืนฉลองข้ามปีแล้วเขาจะได้ใช้ผสมกินกับน้ำตาลขาว !

หลังเข้าสู่ฤดูหนาว บ้านตระกูลหลินก็ไม่ขาดแคลนเนื้อสัตว์และอาหารอยู่แล้ว แต่พวกนางตั้งตาคอยในการที่จะได้กินผักหรือแตงในฤดูหนาวมากกว่า โชคดีที่พี่รองมีวิธี ! หลินจื่อเหยียนเริ่มสังเกตเห็นว่าไม่มีอะไรที่พี่รองทำไม่ได้ บ้านอื่นนำไปทำตาม แต่พืชผักก็เติบโตได้ไม่ดีเหมือนของพี่รอง !

หลังกินข้าวเที่ยงได้ไม่นาน ในที่สุดขบวนรถม้าที่ติดอยู่บนถนนก็เดินทางมาถึง ตระกูลหลินเตรียมน้ำขิงรอพวกเขาไว้ตั้งนานแล้ว ด้านในยังเติมน้ำตาลแดงไปด้วย พ่อซัวถัว เหลยหยู่และบ่าวรับใช้ของบ้านตระกูลหยวนจึงได้ดื่มกันคนละชามใหญ่ ๆ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท