ตอนที่ 373 ดูแลภรรยาของท่านด้วย
“ใช่ ใช่ ใช่ ! พี่รองพูดถูก ! ” หลินจื่อเหยียนรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “พี่เขยรองได้สอบซิ่วไฉก่อนตั้งหลายเดือน เย็นนี้เราควรฉลองกันหน่อยหรือไม่ ? ”
“การฉลองไม่ต้องทำหลังจากสอบติดแล้วหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยชอบขัดพี่สาวและน้องชายจนได้ฉายาว่า ‘จอมดับฝัน’ !
หลินจื่อเหยียนหันไปมองพี่เขยรองด้วยแววตาขอร้องอ้อนวอน…ช่วยดูแลภรรยาของท่านด้วย ! ทั้งสองบ้านมีแค่ท่านเท่านั้นที่จัดการนางได้ !
“พี่รองของเจ้าพูดถูก ! ” ในที่สุดเจียงโม่หานก็เอ่ยปากพูดตามที่อีกฝ่ายต้องการ แต่มันกลับทำให้คนฟังต้องผิดหวังแทน สามีภรรยาคู่นี้มีใจเดียวกัน ภรรยาร้องสามีรับ…ตัวเขาจะทำอะไรได้ ?
หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มให้บัณฑิตน้อยอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ “ไปเถิด ! ไปดูว่าในตลาดมีอะไรขายบ้าง ! คืนนี้จะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน จะได้ผ่อนคลายกันหน่อย ! ”
ก่อนสอบ ด้านความรู้อะไรเหล่านั้นก็มีพร้อมกันแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับสภาพจิตใจของผู้เข้าสอบ จะได้แสดงความรู้ที่มีตอนอยู่ในห้องสอบอย่างเต็มที่ หลินเว่ยเว่ยไม่สนับสนุนให้เคร่งเครียดในช่วงเวลาจวนตัวเช่นนี้ !
หลินจื่อเหยียนร้องดีใจเบา ๆ เหมือนเป็นวัยกำลังเจริญเติบโตของเขา ดังนั้นจึงหิวง่าย มื้อเที่ยงรับประทานอาหารที่หยวนเค่อหลายกันอย่างอิ่มหนำสำราญ แต่หลังจากเดินเล่นได้แค่สองช่วงถนน เขาก็เริ่มอยากกินอะไรขึ้นมาอีกแล้ว
เมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนหันมามองหน้ากันแล้วรีบเดินตามไปด้วยความดีใจ พวกเขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร พวกเขาก็จะหน้าด้านตามติดไปกินอาหารมื้อนี้ให้ได้ กินอิ่มแล้วจึงจะมีแรงสอบ !
หยางยี่หรานดึงตัวลูกพี่ลูกน้องเอาไว้…อีกฝ่ายจะไปซื้อของเข้าบ้าน แล้วเราตามไปด้วยจะดีหรือ ? เด็กหนุ่มคนนี้ท่าทางอายุไม่มากไปกว่าหลินจื่อเหยียนสักเท่าไหร่ เขาก็แค่อยากมาลองสนามสอบสักครั้ง คนในบ้านไม่ได้คาดหวังในตัวเขาอยู่แล้ว
หลิ่วจงเทียนส่งสายตาให้เขา เจ้าอย่ายุ่ง แค่เดินตามมาก็พอ ! ตามพี่ชายมาแล้ว เจ้าจะได้กินเนื้อ !
ในตลาดมีพ่อค้าแม่ขายไม่มาก มีพ่อค้าขายผักสองสามเจ้า ส่วนผักที่ขายก็มีแค่ผักในฤดูหนาว ผักกาดขาว หัวไชเท้าหรือมันฝรั่งอะไรทำนองนั้น ทว่าพวกมันถูกเก็บไว้ทั้งฤดูหนาวจึงดูไม่ค่อยสด
ที่แผงขายเนื้อ หลินเว่ยเว่ยซื้อซี่โครงมาครึ่งแผง เนื้อหมูสามชั้น 5 ชั่งและกระดูกหมูที่เลาะเนื้อออกแล้วหนึ่งชิ้นใหญ่ เมื่อเดินต่อไปข้างใน นางยังโชคดีเจอแผงไข่ไก่ ในฤดูหนาวแม่ไก่มักจะไม่ออกไข่ แต่ราคาไข่ไก่ก็ไม่ถูกเลย พวกนางไม่ได้ขาดแคลนเงินในส่วนนี้สักหน่อย ทว่าเมิ่งจิ่งหงก็เข้ามาแย่งจ่ายเงิน !
หลินจื่อเหยียนมองผักในตลาดด้วยความรังเกียจเล็กน้อย เขารีบยกนิ้วโป้งให้พี่รอง “พี่รอง ยังเป็นท่านที่มองการณ์ไกลจึงนำผักที่บ้านมาด้วยสองตะกร้าแล้วก็เนื้อตากแห้ง ล่าฉาง (กุนเชียง) เนื้อกระต่ายรมควัน ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีอะไรให้กิน ! ”
หลินเว่ยเว่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “อีกประเดี๋ยวข้าจะไปซื้อถั่วเหลืองกับถั่วเขียวแล้วเอาไปเพาะ จะได้มีถั่วงอกไว้กินกัน ! วางใจได้ ก่อนสอบสองสามวันนี้ ข้าจะเตรียมอาหารให้พวกเจ้าอย่างดีแน่นอน ! ”
หลินจื่อเหยียนรีบพูดประจบ “มีพี่รองอยู่ด้วย ข้าย่อมวางใจได้อยู่แล้ว ทั้งยังมั่นใจเกินร้อย ! ”
หยางยี่หรานดึงตัวหลิ่วจงเทียน ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า “ท่านพี่ พวกเขาจะกลับไปทำอาหารเย็นกันที่บ้าน พวกเราตามไปแบบนี้เหมาะสมแล้วหรือ ? ”
หลิ่วจงเทียนเดินรอบตลาดหนึ่งรอบ เขาซื้อไก่ติดมือมาด้วยหนึ่งตัว หลังได้ยินแบบนั้นเขาก็พูดว่า “ไม่ได้ยินที่หลินกู่เหนียงพูดหรือ ? นางจะทำอาหารดี ๆ หนึ่งโต๊ะ เพื่อฉลองที่พวกเรามีโอกาสสอบเยวี่ยนซื่อเพิ่มอีกหนึ่งสนาม ! ”
“แต่ว่า…พวกเขายังไม่ได้เอ่ยปากชวนเรา…” บ้านของหยางยี่หรานมีฐานะร่ำรวย ในสำนักศึกษาก็ไม่ได้คบหากับหลินจื่อเหยียนมากเป็นพิเศษ ต่อมาหลินจื่อเหยียนลาหยุดกลับบ้านในช่วงเก็บเกี่ยวของฤดูใบไม้ร่วงและไม่ได้กลับมาที่สำนักศึกษาอีกเลย พวกเขาแค่เคยพยักหน้าให้กันเท่านั้น แล้วไม่มีคำเชิญจากอีกฝ่ายแบบนี้จะให้ไปกินข้าวบ้านคนอื่น เขาทำไม่ลงจริง ๆ !
หลิ่วจงเทียนขมวดคิ้วพลางมองญาติผู้น้อง “พวกเรากับสหายเจียงและศิษย์พี่เผิงเป็นอะไรกัน ? ถ้าเกรงใจก็ทำตัวเป็นคนนอกเกินไปแล้ว ! ”
หยางยี่หรานยังลังเล พวกท่านสนิทกับบัณฑิตเจียง แต่ข้าไม่นี่นา !
ขณะที่มือข้างหนึ่งถือซี่โครงและมืออีกข้างถือเนื้อหมู หลินจื่อเหยียนก็เดินไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น หลินเว่ยเว่ยสังเกตเห็นความลังเลและความเขินอายของเพื่อนร่วมห้องน้องสาม นางจึงใช้เท้าถีบขาของน้องชายทำให้หลินจื่อเหยียนที่กำลังก้าวเท้าไปข้างหน้าเกือบล้มหน้าสับกับพื้น
เขาเซไปสองสามก้าว ก่อนจะกลับมายืนได้อีกครั้ง “พี่รอง ท่านมีอะไรอีก ? ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรผิดด้วย ท่านถีบข้าทำไม ? ”
หลินเว่ยเว่ยเอียงศีรษะไปข้างหลัง หลินจื่อเหยียนมองตามก็พบว่าหยางยี่หรานทิ้งตัวออกห่างจากกลุ่มมาก ฝีเท้าก็ช้ามากด้วย เขาจึงอดพูดไม่ได้ “พี่หยาง ท่านเดินเร็ว ๆ หน่อย ! ซี่โครงนี้ค่อนข้างหนัก ท่านมาช่วยข้าถือได้หรือไม่ ? ”
หยางยี่หรานที่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดแต่จะบอกลาแล้วกลับโรงเตี๊ยม หลังได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้ามารับซี่โครงจากมือของหลินจื่อเหยียน…อืม หนักจริง ๆ นั่นแหละ ประมาณ 10 กว่าชั่งเห็นจะได้
ขณะที่เดินข้างเขา หลินจื่อเหยียนก็ทำเหมือนบ่น “ท่านดูพวกเขาสิ มีคนไหนอายุน้อยกว่าข้าบ้าง ? รู้จักแต่รังแกข้า โยนของมาให้ข้าหมด ! ไม่รู้จักทะนุถนอมเด็กน้อยบ้าง ! ถ้าทำให้ข้าเหนื่อยจนหยุดโตแล้ว ข้าต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ! ”
หยางยี่หรานฟังคำบ่นเงียบ ๆ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่สำนักศึกษาเขารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้มีรูปร่างผอมบาง เป็นคนเงียบ สุขุมและแววตาแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง คาดไม่ถึงว่าไม่ได้พบกันแค่ครึ่งปี อีกฝ่ายก็กลายเป็นนักพูดตัวน้อยและมีนิสัยเหมือนเด็กบ้างแล้ว ทว่าการเป็นแบบนี้ก็ดูเข้าหาได้ง่ายมากขึ้น !
หลังได้ยินเสียงบ่นของน้องสาม หลินเว่ยเว่ยก็หันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อนจะรักเด็กก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ก่อน ! เจ้าดูเถิด พวกเขาไม่กี่คน มีคนไหนอายุน้อยกว่าเจ้าบ้าง ? ”
“พวกท่านอายุมากกว่าข้าแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ไม่ได้แก่จนอายุเจ็ดสิบแปดสิบสักหน่อย ! รอให้ท่านแก่จนเดินไม่ไหวแล้ว ข้าจะแบกท่านก็ยังได้ ! เนื้อพวกนี้ ซี่โครงพวกนั้น เป็นเหมือนขนนกในมือท่านชัด ๆ แต่ท่านก็ยังใช้ข้า ! ” หลินจื่อเหยียนทำหน้าไม่พอใจ
หลินเว่ยเว่ยแสร้งทำเป็นต้นหลิวที่ลู่ลม นางยกมือก่ายหน้าผากและกุมหัวใจเอาไว้ “ไอโยว เจ้าดูข้าสิ อ่อนแอขนาดนี้ แค่ลมพัดมาก็ปลิวแล้ว เจ้าจะทนเห็นพี่สาวเดินถือของหนักหลายสิบชั่งบนถนน แต่น้องชายอย่างเจ้าเดินตัวปลิวหรือ ? ”
หลินจื่อเหยียนมองร่างสูงโปร่งของนางแวบหนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงดัง ฮึ “ลมจะพัดตัวท่านปลิวได้อย่างไร ? เช่นนั้นลมที่พัดมาจะไม่เป็นพายุที่สามารถพลิกบ้านได้เลยหรือ ? ”
“หลิน ! จื่อ ! เหยียน ! เจ้าหมายความว่า…ข้าอ้วนอย่างนั้นหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยหยุดเดิน แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เจียงโม่หานเหลือบมองหลินจื่อเหยียน รนหาที่เอง ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้ !
โชคยังดีที่หลินจื่อเหยียนเอาตัวรอดเก่ง “จะเป็นไปได้อย่างไร ? ตอนนี้พี่รองทั้งผอมทั้งงดงาม ! ถ้าพวกเรายืนอยู่ด้วยกัน แม้แต่คนตาบอดยังรู้เลยว่าข้าหนักกว่าท่าน นี่ถ้าลมพัดแรงขึ้นมาจริง ๆ ข้าจะผูกท่านไว้ด้วยเชือกว่าว ไม่อย่างนั้นพอปล่อยมือท่านก็ต้องโดนลมพัดออกไปแน่ ถ้าพี่เขยรองมาถามหาท่าน ข้าจะเอาอะไรให้เขา…ฮ่า ฮ่าฮ่า ! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
หยางยี่หรานอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้ม…คาดไม่ถึงเวลาอยู่กับคนในครอบครัว หลินจื่อเหยียนจะกล้าพูดจาหยอกเย้ากันแบบนี้ ช่างมีชีวิตชีวาจริง ๆ ! แต่ก็ยังเป็นน้องชายที่โดนพี่สาวกดขี่จนเงยหน้าไม่ขึ้นอีกด้วย พอนึกถึงพี่สาวจอมบงการของตนแล้ว หยางยี่หรานก็เริ่มรู้สึกว่าพวกตนมีหัวอกเดียวกันขึ้นมาทันที