ตอนที่ 385 เย็บกางเกงชั้นในให้เจ้า
หลินเว่ยเว่ยทำสีหน้าภาคภูมิใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร ? บัณฑิตน้อยเป็นคนฉลาด เรียนรู้ได้เร็วทุกสิ่งอย่าง ข้าแค่บอกวิธีตุ๋นซี่โครงให้เขาฟังรอบเดียว เขาก็ทำออกมาเป็นรูปเป็นร่าง แถมรสชาติยังดีมากด้วย ! ”
“พี่รองก็เป็นคนฉลาด เหตุใดจึงเย็บเสื้อผ้าไม่เป็น ? ก็เพราะคนฉลาดไม่ได้ทำเป็นทุกอย่างไงเล่า ! ” หลินจื่อเหยียนเห็นนางออกตัวปกป้องศิษย์พี่เจียงถึงขนาดนั้นจึงเถียงกลับด้วยความหงุดหงิด
หลินเว่ยเว่ยมีสีหน้ามืดมนทันที “เจ้าเด็กนี่ กาไหนน้ำไม่เดือดก็หยิบกานั้น1หรือ ? ข้าเรียนเย็บปักไม่รอดเสียที่ไหนกัน ? ข้าก็แค่ไม่อยากเรียนต่างหาก ! ถ้าไม่เชื่อ คราวหน้าข้าจะเย็บกางเกงชั้นในให้เจ้า…”
บุรุษ (ยังไม่แต่งงาน) ทั้งสองหันไปมองนางพร้อมดวงตาเบิกกว้าง หลินจื่อเหยียนยิ่งแล้วไปใหญ่ เขารีบส่ายหน้ารัวทันที “ยะ อย่าเลย ! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรยกเรื่องที่ท่านเย็บเสื้อผ้าไม่เป็นขึ้นมาพูด พี่รอง ท่านลงโทษข้าด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยมีสีหน้ามืดมนกว่าเดิม “หมายความว่าอย่างไร ? เจ้าไม่เชื่อในฝีมือข้าหรือ ? กางเกงชั้นในนี้ ข้าจะทำให้ได้ ! เอาไป รับเงินนี้ไป ! เจ้าสอบได้ตั้งอันดับที่สองแล้วจะให้คนอื่นมาเลี้ยงอาหารได้อย่างไร ? ข้าโมโหจะตายอยู่แล้ว รีบรับเงินแล้วไสหัวออกไป ! ”
หลินจื่อเหยียนรับเงินมาถือไว้แล้วรีบขอโทษด้วยความระมัดระวัง “พี่รอง ข้าผิดไปแล้ว ! ไม่ว่าท่านจะเย็บอะไรให้ ข้าก็จะใส่ ! ท่านอย่าโมโหเลย ปวดท้องอีกแล้วหรือ ? ถ้าอย่างไร…ข้าไม่ไปเลี้ยงฉลองแล้ว ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่าน…”
หลินเว่ยเว่ยด่าพร้อมยิ้มเหี้ยม “บอกให้เจ้าไสหัวไปแล้วยังจะอยู่ให้ข้าเหม็นขี้หน้าอีก ! จำไว้ว่าดื่มสุราได้แค่สองจอก ! ถ้ากล้าแสร้งทำเป็นเชื่อฟังต่อหน้าแต่ลับหลังทำอีกอย่าง สองสามวันต่อจากนี้ ข้าจะให้เจ้าทำอาหารกินเอง ! ”
หลินจื่อเหยียนตกใจทันที เขารีบให้คำมั่นสัญญา “พี่รอง ข้าสัญญากับท่านว่าจะไม่ดื่มเกินสองจอกเด็ดขาด ! พี่รอง ข้าไปแล้วนะ…ข้าจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนท่านเร็ว ๆ…ศิษย์พี่เจียง ถ้ายังกล้ารังแกพี่รองของข้าอีก พอกลับมาแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยท่านแน่ ! ”
ขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านเช่า เขาก็ยังหันกลับมามองอย่างไม่ไว้วางใจครู่หนึ่ง หลินเว่ยเว่ยจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีความรู้สึก…ซาบซึ้งเหมือนบุตรชายบุตรสาวในบ้านเติบโตแล้วอย่างไรอย่างนั้น อายุเท่านี้ก็รู้จักปกป้องพี่สาว เป็นห่วงพี่สาวแล้ว ! ”
“เจ้าก็เห็นด้วยกับเขา เห็นว่าข้ารังแกเจ้าหรือ ? ” เจียงโม่หานยื่นมือออกไปหยิบถ้วย “น้ำแกงเย็นหมดแล้ว ข้าจะไปตักแบบร้อน ๆ มาให้เจ้าใหม่”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคัก “เด็กน้อยไม่รู้ความ แค่มองด้านพละกำลังของพวกเรา ใครจะรังแกใครนั้นคนตาดีที่ไหนก็มองออก”
“เวลาทำสงครามไม่ได้อาศัยแค่พละกำลังอย่างเดียว ต้องอาศัยทุกอย่างต่างหาก ! ” เจียงโม่หานลูบศีรษะนาง…นุ่มมือเหลือเกิน เริ่มเสพติดเสียแล้วสิ
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะร่า “ข้ารู้ว่าแค่สมองอันชาญฉลาดก็สามารถกำราบทหารม้าได้นับหมื่น ! บัณฑิตน้อย หากเจ้าอยากทำร้ายใครสักคนขึ้นมาก็คงไม่มีใครหนีพ้น ! ”
เจียงโม่หานหันไปมองนาง “หมายความว่าอย่างไร ? ” หรือเรื่องที่เขาวางอุบายใส่อู๋ปัว เด็กน้อยจะรู้แล้ว ? หลีชิงคงไม่ได้บอกนางหรอกกระมัง ?
หลินเว่ยเว่ยขดตัวอยู่ในผ้าห่ม รู้สึกค่อนข้างมึนศีรษะ นางจึงพูดด้วยน้ำเสียงง่วงงุน “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกว่าเจ้าฉลาดขนาดนี้ จะต้องไม่ปล่อยให้พวกคนชั่วได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน ! ”
เจียงโม่หานกระตุกมุมปากขึ้นเร็วมากจนไม่อาจมองเห็น…เด็กคนนี้ ! มองภาพลักษณ์ของเขาสวยหรูเกินไปแล้ว ถ้านางรู้เรื่องที่เขาทำในชาติก่อน นางจะตีตัวออกห่างหรือไม่ ?
นางคงจะพูดว่า ‘ชาติก่อนก็คือชาติก่อน เรื่องในชาตินี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย ใครจะไปสนใจเรื่องในชาติก่อน ! ’
ช้าก่อน ! “เด็กน้อย กางเกงชั้นในของน้องชายเจ้าก็มีป้าหวงเย็บให้อยู่แล้ว เจ้าสนใจว่าคู่หมั้นจะมีกางเกงชั้นในใส่หรือเปล่าก่อนเถิด ! ” เจียงโม่หานไม่อยากให้งานเย็บปักเสื้อผ้าชิ้นแรกของคู่หมั้นตกไปเป็นของคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกางเกงชั้นในที่เป็นของใช้ส่วนตัวอีกด้วย !
หลินเว่ยเว่ยกลิ้งไปมาบนเตียงเตาอุ่น ๆ จนผมเผ้ายุ่งพอสมควร นางพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “บัณฑิตน้อย เจ้าไม่มีกางเกงชั้นในใส่หรือ ? น่าสงสารมาก ! รอให้ข้าเย็บเป็นแล้วจะทำให้เจ้า…”
ค่อยยังชั่ว ! เจียงโม่หานดึงผ้าห่มส่วนที่เปิดออกขึ้นมาคลุมตัวนางดี ๆ จากนั้นก็ขยับตัวนางซึ่งนอนหลับไปแล้วให้อยู่ในท่านอนหงายเพื่อให้นอนหลับได้สบายกว่าเดิม
รอบเดือนครั้งแรกของหลินเว่ยเว่ยมาแค่สามวัน อาการปวดท้องก็ร้ายแรงในวันแรกเท่านั้น ส่วนสองวันที่เหลือก็แค่รู้สึกปวดเล็กน้อยในบางเวลา ช่วงสองวันนี้นางได้รับการดูแลประหนึ่งเครื่องลายครามที่เปราะบางโดยมีบัณฑิตหนุ่มกับหลินจื่อเหยียนรับหน้าที่ทำอาหารและซักเสื้อผ้า
แม้ว่าก่อนหน้านี้บัณฑิตหนุ่มจะไม่เคยทำอาหาร แต่เขาก็เรียนรู้ได้เร็วมาก ! ในช่วงเวลาสามวันนี้ เส้นบะหมี่ก็นวดเป็นแล้ว เกี๊ยวก็ห่อเป็นและยังเรียนทำอาหารอีกสองอย่าง แม้รสชาติจะสู้ที่หลินเว่ยเว่ยทำไม่ได้ แต่ตามที่หลินจื่อเหยียนพูดมาก็ถือว่าดีกว่ามารดาอยู่เล็กน้อย !
หลินเว่ยเว่ยเหมือนคนป่วย การกินข้าวในแต่ละวันยังโดนห้ามลงจากเตียงด้วยซ้ำ หากอธิบายตามคำพูดของนางก็คือ…นอนจนสนิมแทบเกาะอยู่แล้ว !
หลังจากหลินเว่ยเว่ยกลับมามีเรี่ยวแรง ทุกคนก็นั่งรถม้าเข้าตัวเมือง แน่นอนว่าเพิ่งเข้ามาในตัวเมืองจงโจวก็ได้ยินข่าวที่กำลังพูดถึงกัน…คดีทุจริตการสอบระดับเซี่ยนซื่อ !
น้องภรรยาของเจ้าหน้าที่ติงถีถูกจับ ด้านเจ้าหน้าที่ติงถีก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งและรู้มาอีกว่าในระหว่างการพิจารณาคดี บัณฑิตที่เกี่ยวข้องอีกหลายสิบคนก็ถูกตัดรายชื่อออกจากการสอบเซี่ยนซื่อและไม่สามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้อีกตลอดชีวิต
เมื่อก่อนเจ้าเมืองจงโจวไม่รายงานเรื่องภัยแล้งจึงโดนโทษประหารชีวิตและยึดทรัพย์สินทั้งหมด บุรุษในตระกูลต้องไปเป็นทหาร ส่วนสตรีก็ถูกขายเป็นทาส
เจ้าเมืองคนใหม่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็ต้องเผชิญกับคดีใหญ่ขนาดนี้แล้ว โชคดีที่ขุนนางซึ่งราชสำนักส่งมาตรวจสอบได้มาถึงแล้ว คดีทุจริตจึงได้รับการไต่สวนอย่างราบรื่น ! หลายอำเภอจากหลายเมืองที่จัดสอบก็ต้องเปลี่ยนหัวข้อคำถามกันกลางดึก เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทำงานกันอย่างหนักประหนึ่งเป็นนักโทษเสียเอง
เจียงโม่หานรู้สึกหัวใจพองโตเล็กน้อย ชาติก่อนการสอบเซี่ยนซื่อและฝู่ซื่อก็มีการทุจริตเกิดขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้พวกบัณฑิตที่มีความสามารถในสำนักศึกษาสอบไม่ติดแม้แต่ถงเซิง ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะเอ่ยจริง ๆ !
ส่วนคนอย่างอู๋ปัว…ขอยืมคำพูดของเด็กน้อยมาใช้ก็แล้วกัน…คน ‘กาก’ แบบนั้นยังสามารถสอบได้ถึงระดับเยวี่ยนซื่ออย่างราบรื่น ย่อมไม่มีทางใสสะอาดแน่นอน ! น่าเสียดายที่ชาติก่อนคดีทุจริตโดนตรวจสอบเจอก็ตอนสอบระดับเยวี่ยนซื่อเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดอู๋ปัวจึงรอดไปได้ ส่วนตัวเขากลับต้องเผชิญหายนะอย่างไร้เหตุผล…
หลินเว่ยเว่ยปล่อยม่านหน้าต่างรถม้าลงตามเดิมแล้วถอนหายใจ “มนุษย์กระทำ สวรรค์รับรู้ ! คนที่ราชสำนักไว้วางใจให้มาแบ่งเบาภาระก็สมควรมีความสุจริต หากใช้การสอบมาหาผลประโยชน์ใส่ตน สวรรค์คงทนมองต่อไปไม่ไหว ! จับตัวได้ก็ดีแล้ว ! ต้าฮว๋า เจ้าจงจำไว้เลย มีความผิดบางประการที่ทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่เพียงทำให้ตนมีความผิด ยังทำให้คนในครอบครัวต้องลำบากไปด้วย ! ”
หลินจื่อเหยียนออกแรงพยักหน้า “ข้ารู้ ! ในตำราก็ไม่ได้กล่าวไว้แล้วหรือ หากขุนนางทำผิดมหันต์จะต้องโดนโทษประหารเก้าชั่วโคตร ! หากข้าสอบติดจงหงวนแล้วเข้าไปเป็นขุนนางในราชสำนัก ข้าจะต้องเป็นขุนนางที่ดี ทำเพื่อราษฎรและบ้านเมือง ไม่มีทางทำให้ตระกูลอับอายแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มด้วยความพอใจ ทันใดนั้นหลินจื่อเหยียนก็หันไปมองเจียงโม่หานพลางถามพี่สาวว่า “พี่รอง เหตุใดท่านไม่พูดเรื่องนี้กับพี่เขยรองบ้าง เพราะด้วยความสามารถของเขาและชื่อเสียงในเวลานี้ เขาควรจะมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในราชสำนักมากกว่าใครทั้งนั้น”
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองคู่หมั้นหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “บัณฑิตน้อยฉลาดถึงเพียงนี้ เขาต้องเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ! ไม่จำเป็นต้องให้ข้าเตือนหรอก ! ”
หลินจื่อเหยียน “…” ไม่ทราบว่าในใจของท่านเห็นข้าเป็นคนโง่เขลาหรืออย่างไร ?
[i]
1กาไหนน้ำไม่เดือดก็หยิบกานั้น หมายถึง เรื่องที่ไม่ควรพูดก็หยิบยกขึ้นมาพูด