ตอนที่ 418 คนอื่นตะโกนเรียกพ่อแม่ เขาตะโกนเรียกพี่รอง
การสอบสนามฟู่ซื่อรอบสองนี้จะได้บัณฑิตซิ่วไฉจำนวน 50 คน ก่อนหน้านั้นจะมีการเปิดเผยกระดาษคำตอบรอบเซี่ยนซื่อและฝู่ซื่อของทั้งห้าสิบคนด้วย บัณฑิตหยวนอ่านคำตอบของเจียงโม่หานอยู่หลายหน คาดไม่ถึงเลยว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ หนึ่งปีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลายมือหรือความรู้ของอีกฝ่ายก็มีความชัดเจนและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม เรียกได้ว่าก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว…หรือว่า…เพราะได้คำชี้แนะจากอาจารย์ชั้นดี ?
ตอนนี้บัณฑิตหยวนคิดแทนเจียงโม่หานไปอย่างมากมาย สำหรับคนอื่นอาจเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ปีกว่า แต่สำหรับเจียงโม่หานแล้ว คือความรู้และประสบการณ์ที่เคยสั่งสมมาทั้งชีวิตในชาติที่แล้ว…
ในวันประกาศรายชื่อ ที่ด้านหน้าของป้ายประกาศมีผู้เข้าสอบมายืนกันอย่างเนืองแน่น เหล่าบัณฑิตล้วนหอบความคาดหวังมาด้วย บางคนก็มีญาติพี่น้องมาดูให้ บางคนก็พาคนในครอบครัวมาพร้อมความตื่นเต้น…ในบรรดาผู้คนเหล่านี้มีทั้งทอดถอนใจอย่างผิดหวัง มีทั้งร้องไห้ด้วยความเสียใจและมีทั้งโห่ร้องด้วยความดีใจ…
หลินจื่อเหยียนพยายามเบียดตัวเข้ามาอยู่ด้านหน้าสุด ในตอนที่เขาเพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคงก็เห็นรายชื่อหนึ่งอยู่ด้านหน้าสุดจึงตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความตื่นเต้น “ศิษย์พี่เจียง ! พี่โม่หาน ! พี่เขยรอง ! ท่านสอบได้อั้นโฉ่ว ! ฮ่าฮ่า ได้อันดับหนึ่ง ! ”
คนที่อยู่ด้านหลังพากันนึกว่าเขาบ้า…ปกติอั้นโฉ่วจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าตะโกนออกมาสามชื่อแล้วมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า ?
เมิ่งจิ่งหงที่ตามหลังมาติด ๆ ก็หันหลังไปตะโกนประหนึ่งเล่นส่งต่อคำ “สหายเจียง เจ้าสอบได้อั้นโฉ่ว ! ”
จากนั้นเสียงของหลินจื่อเหยียนก็ดังอีกครั้ง “พี่หยาน หยานจิงหยูสอบได้อันดับสอง ! ฮ่าฮ่า สองอันดับแรกต่างก็เป็นคนที่ข้ารู้จักทั้งนั้น ! ”
เมิ่งจิ่งหงก็เบียดตัวมาหาเขาเช่นกัน จากนั้นก็ชะโงกหน้ามองจากด้านหลัง “ไอหยา ! เผิงหยูเหยี่ยนจากเขตเริ่นอัน ศิษย์พี่เผิง ท่านสอบได้อันดับที่ห้าสิบ ! ”
หลินจื่อเหยียนไล่อ่านรายชื่อมาได้ยี่สิบกว่ารายชื่อแล้วก็ยังไม่เห็นคนที่ตนรู้จักอีก ยิ่งไล่อ่านมาด้านหลังก็ยิ่งใจฝ่อ…เพราะยังไม่เห็นชื่อของตนเลย หรือว่าจะไม่ติดอันดับ ?
“น้องจื่อเหยียน ข้าเห็นชื่อของเจ้าแล้ว! อันดับที่สี่สิบหก ! ” เสียงของเมิ่งจิ่งหงดังขึ้นที่ข้างหู หลินจื่อเหยียนกลับมาตื่นตัวอีกครั้งเหมือนได้รับการเติมเชื้อเพลิงให้กลับมากระปรี้กระเปร่า
“ไหน ? ตรงไหน ? ” หลินจื่อเหยียนรีบมองหาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็หาชื่อของตนพบ ทันใดนั้นเขาก็มีน้ำตาไหลพรากทันที “ฮึก ฮือฮือ…พี่รอง ข้าสอบผ่านแล้ว ! พี่รอง…ข้าได้เป็นบัณฑิตซิ่วไฉแล้ว ! พี่รอง…”
ในขณะที่บัณฑิตคนอื่นพากันอิจฉาก็รู้สึกน่าขันในคราวเดียวกัน คนอื่นสอบผ่านล้วนตะโกนเรียกหาพ่อแม่ของตน เหตุใดบัณฑิตผู้นี้จึงเอาแต่ตะโกนเรียกพี่รอง ?
แต่เดี๋ยวก่อน ตอนแรกเขาตะโกนว่าอะไร ? พี่เขยรองใช่หรือเปล่า ? พี่เขยและน้องภรรยาสอบผ่านทั้งคู่ ช่างเป็นความโชคดีซ้อนความโชคดีอย่างแท้จริง ! แถมยังร้องห่มร้องไห้ขนาดนั้น ต้องให้พวกข้ารู้สึกเช่นไร ?
หลินจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา จากนั้นก็ไล่อ่านรายชื่อต่อ นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีรายชื่อที่คุ้นเคยอีกเลย…ดูเหมือนว่าเมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนจะไม่ติดอันดับ…
เขาเบียดตัวออกจากฝูงชนจนผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ จากนั้นก็วิ่งไปทางโรงน้ำชาจ้วงหยวนทันที…ญาติและบัณฑิตส่วนใหญ่จะรอฟังข่าวอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้
หลินเว่ยเว่ยไม่ได้ไปยืนตรงหน้าป้ายประกาศ นางนั่งรออยู่ที่โรงน้ำชาอย่างกระวนกระวายใจ ประเดี๋ยวก็ลุกขึ้น ประเดี๋ยวก็นั่งลง “เหตุใดไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ? พวกต้าฮว๋าไปดูรายชื่อนานแล้วไม่ใช่หรือ ? ”
เจียงโม่หานรินชาให้นางโดยเขายังมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ทุกข์ร้อนอันใด “แม้พวกเขาจะไปดูแล้ว ทว่าเวลาของการประกาศรายชื่อไม่แน่นอน อย่าร้อนใจไปเลย ดื่มชาเพื่อสงบใจสักถ้วย…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ! พี่เขยใหญ่ พี่เขยรอง พวกเราสามคนสอบได้บัณฑิตซิ่วไฉ ! ” เสียงของเขายังไม่ทันจบดีก็เห็นหลินจื่อเหยียนวิ่งตะโกนเข้ามาราวกับคนเสียสติ จากนั้นก็มาวาดไม้วาดมือตรงนี้
ภายในห้องโถงของโรงน้ำชาจ้วงหยวนรวมถึงห้องส่วนตัวชั้นบนได้ยินเสียงอันสะเทือนเลือนลั่น ลูกค้าแต่ละคนส่งสายตาอิจฉามาทางเขา…สวรรค์ ! แค่ครอบครัวเดียวก็มีรายชื่อติดอันดับถึงสามคนแล้ว จะไม่แบ่งให้คนอื่นเลยหรือ ?
จากนั้นผู้รายงานข่าวเรื่องผลสอบก็เดินเข้ามาพร้อมธงแดงในมือและประกาศเสียงดังว่า “ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตจากเขตเริ่นอัน บัณฑิตเจียงโม่หานที่สอบได้อั้นโฉ่ว ! ”
ทุกคนต่างยืดคอเพื่อมองว่าใครกันหนอมีความเก่งกาจถึงเพียงนี้ สามารถสอบได้อันดับที่หนึ่งแห่งการสอบเยวี่ยนซื่อประจำปีนี้ หลินจื่อเหยียนรีบดึงพี่เขยรองของตนขึ้นจากที่นั่งทันที “เขาอยู่นี่ อยู่นี่ ! อันดับหนึ่งในปีนี้คือพี่เขยรองของข้าเอง ! เฮอะเฮอะ ฮ่าฮ่า ! ”
เจ้าเด็กคนนี้หัวเราะอย่างดีอกดีใจเหมือนคนบ้า ทำเหมือนตัวเองสอบได้อันดับหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ! เหล่าบัณฑิตและผู้ปกครองคนอื่นพากันชะเง้อคอมองมา…ไอหยา ! ผู้ที่ได้อั้นโฉ่วเป็นคนหนุ่มหน้าตาดี ! แล้วจะให้บัณฑิตถงเซิงผมขาวเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร ?
มองจากหน้าต่างห้องส่วนตัวแล้วมีสตรีวัยเยาว์สองสามคนยกพัดขึ้นมาปิดหน้า หลังจากได้เห็นรูปลักษณ์แสนหล่อเหลาของผู้ครองตำแหน่งอั้นโฉ่วแล้วปรางแก้มของพวกนางก็แดงเรื่อ จากนั้นก็ซีดเผือดอีกครา…เมื่อครู่เขาเรียกบัณฑิตผู้นั้นว่าอันใด ? พี่เขยรอง ? คงไม่ใช่หรอกกระมัง ? ยังหนุ่มยังแน่นเพียงนี้เหตุใดจึงคิดไม่ตก ? แต่งงานเร็วขนาดนี้เชียวหรือ ?
“ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตจากเมืองจงโจว บัณฑิตหยานจิงหยูผู้สอบได้อันดับที่สอง ! ” ในเวลานี้ผู้ประกาศข่าวดีก็เดินเข้ามาอีกคน พอเข้ามาแล้วก็ตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้ทุกคนตั้งตารอที่จะได้เห็นผู้ครองอันดับสอง
แต่ทุกคนคาดไม่ถึงว่าจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างอั้นโฉ่วกำลังยืนขึ้น เมื่อได้รับข่าวดีแล้วเขาก็ให้เงินเหรียญทองแดงแก่ผู้มาแจ้งข่าวดี
เป็นคุณชายหน้าตาดีคนหนึ่งอีกแล้ว ! อั้นโฉ่วและอันดับสองยืนอยู่ข้างกัน แววตาดีใจนั้นช่าง…น่าอิจฉายิ่งนัก !
และในตอนที่มีผู้มาประกาศรายชื่ออันดับสาม สายตาของทุกคนก็มารวมกันที่โต๊ะของอั้นโฉ่ว…ฟู่ว ยังดีที่พวกเขาไม่ได้กวาดสามอันดับแรกไปทั้งหมด ! เพราะผู้ที่ได้อันดับสามคือชายวัยกลางคนซึ่งไว้เคราแพะ
ถึงอย่างนั้นโต๊ะของอั้นโฉ่วก็ช่างเป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างแท้จริงเพราะโต๊ะนี้มีบัณฑิตหนุ่มน้อยนั่งอยู่ 6 คนและมี 4 คนในนั้นสอบติดซิ่วไฉ แม้จะบอกว่ามีสองคนอยู่อันดับท้ายแถว แต่ก็ยังหนุ่มยังแน่น มีคนหนึ่งหน้าเด็กจนเหมือนเป็นเด็กหนุ่มตัวอวบอ้วน ! ไอหยา ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าพวกเขากินอะไรบำรุงสมอง ความรู้ต้องอยู่ในระดับใดกันเชียว ?
หลินจื่อเหยียนตื่นเต้นมาก “ข้า…ตอนนี้ข้าคือบัณฑิตซิ่วไฉแล้วใช่หรือไม่ ? ไม่อยากเชื่อเลย…ในที่สุดข้าก็สอบผ่านซิ่วไฉ ! ฮ่าฮ่า บัณฑิตซิ่วไฉอายุ 14 ปี…อ๊ะ พี่รอง ท่านตีข้าทำไม ? ”
หลินเว่ยเว่ยมองค้อนน้องชายตัวแสบด้วยความหมั่นไส้ “เจ้าดูสิ โต๊ะเรามีแต่คนที่สอบได้อันดับดีกว่าเจ้าทั้งนั้น พวกเขาแสดงความภูมิใจอย่างออกนอกหน้าเหมือนเจ้าหรือเปล่า ? รีบหุบปากเดี๋ยวนี้เลย อย่าทำให้ข้าขายหน้า ! ”
หลินจื่อเหยียนเหลือบมองเผิงหยูเหยี่ยน…เขาก็สอบได้อันดับรั้งท้ายเหมือนกันนี่…ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบัณฑิตซิ่วไฉ หลินจื่อเหยียนที่โดนพี่รองตักเตือน แม้จะไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนออกนอกหน้าอีกแล้ว แต่ก็เชิดหน้าจนแทบจะเชิดไปถึงขอบฟ้า !
“บัณฑิตจางผู้สอบได้อันดับสามขอเลี้ยงเมล็ดสนปากอ้าจากร้านขนมหวานหนิงจี้เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยแก่ทุกท่าน ! ” ไม่นานหลังจากนั้นก็มีบ่าวรับใช้ของตระกูลจางยกตะกร้าที่เต็มไปด้วยเมล็ดสนปากอ้าปรุงรสเข้ามา โดยพวกเขาแบ่งเมล็ดสนปากอ้าให้โต๊ะละหนึ่งจาน
“มีธรรมเนียมแบบนี้ด้วยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยเบิกตากว้างด้วยความทึ่ง สวรรค์ ! ผู้ที่สอบได้อันดับสามเล่นใหญ่มาก นางเพิ่งบอกน้องชายให้ถ่อมตน แต่ดันมีคนที่ออกนอกหน้ายิ่งกว่าน้องชายเสียอีก
เจ้าก็แค่สอบได้อันดับที่สามไม่ใช่หรือ ! อันดับหนึ่งและอันดับสองยังไม่พูดอะไรเลย…หรือว่าเจ้าคนแซ่จางผู้นี้จงใจสร้างความลำบากใจให้สองอันดับแรก ?