ตอนที่ 463 น่ารักไม่เบา
การที่หลินเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้นางเกือบจะชนเข้ากับคางของเจียงโม่หาน โชคยังดีที่เขาหลบได้เร็ว ไม่อย่างนั้นด้วยความแข็งของศีรษะน้อย ๆ แล้วมีหวังว่าเขาได้คางแตกพอดี
“เอาล่ะ เลิกแกล้งข้าได้แล้ว ! ลงจากรถม้าเพื่อไปสูดอากาศเถิด ! ” เจียงโม่หานยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางเช็ดใบหน้าและลำคอ เพราะนางเป็นคนเหงื่อออกเยอะจนเสื้อของเขาชุ่มไปหมด
หลินเว่ยเว่ยเช็ดเหงื่ออย่างไม่ใส่ใจแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้บัณฑิตหนุ่มอีกครั้ง จากนั้นนางก็กระโดดลงจากรถม้าแล้วไปยืดบิดขี้เกียจอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่
หลินจื่อเหยียนนั่งรถม้าคันที่สองก็กระโดดลงมาแล้ววิ่งมาหานาง “พี่รอง ทำน้ำผลไม้ดื่มกันเถิด ข้าร้อนจะตายอยู่แล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยชำเลืองมองเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าก็ทำน้ำผลไม้ไว้ให้บนรถม้าของเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ? ”
หลินจื่อเหยียนมองดวงอาทิตย์ที่สาดแสงแผดเผาอยู่บนท้องฟ้าพลางกล่าวว่า “ร้อนขนาดนี้ ในรถม้าเหมือนเตาอบไม่มีผิด น้ำผลไม้แค่ไม่กี่ถ้วยจะพอให้ข้าและพี่เขยใหญ่ดื่มได้อย่างไร ? มันหมดไปตั้งนานแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยมองค้อนน้องชายแล้วนำองุุ่นออกจากถังน้ำแข็งหนึ่งพวง ใช้ผ้าขาวบางที่สะอาดมาห่อมันไว้แล้วทำการ ‘คั้นน้ำผลไม้ด้วยมือ’ ในไม้ช้าน้ำองุ่นหวาน ๆ แสนอร่อยก็ถูกยื่นให้แก่ทุกคน
ซัวถัวยัดพัดไว้ในซอกแขนแล้วใช้สองมือยื่นไปรับน้ำองุ่นมาจากหลินเว่ยเว่ย จากนั้นรีบดื่มน้ำผลไม้จนหมดภายในอึดใจเดียว หลินจื่อเหยียนจึงหันไปหัวเราะใส่เขา “จูปาเจี๊ย (ตือโป๊ยก่าย) กินผลโสม…กินแบบนี้จะซึมซับรสชาติได้อย่างไร ! ”
ซัวถัวผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลายแล้วหันไปตอบรับหลินจื่อเหยียน “คำกล่าวนี้เหมือนที่พี่รองของเจ้าใช้แกล้งเจ้าหรือเปล่า ? ”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น โอวหยางชิงก็ลงมาจากรถม้าคันสุดท้ายแล้วเดินมาทางพวกเขา ส่วนคนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ได้แต่มองมายัง ‘คนขับรถม้าซัวถัว’ ด้วยแววตาอิจฉา…ดูเจ้านายของอีกฝ่ายสิ ไม่มีท่าทีวางมาดเลยสักนิด คอยดูแลซึ่งกันและกัน หยอกล้อกันราวกับสหายคนหนึ่ง แถมยังแบ่งน้ำผลไม้ให้คนขับรถม้าด้วย…เฮ้อ เจ้านายของคนอื่นช่างดีเสียจริง !
โอวหยางชิงคิดในใจ ‘ข้าเป็นเจ้านายก็ยังไม่มีแม้แต่น้ำผลไม้ให้กินเลย ! ’
หลินจื่อเหยียนหันไปเห็นเขาแล้วจึงกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร “พี่โอวหยาง มาสิ ตรงนี้เย็นสบายดี ! พวกเรามีน้ำองุ่นและน้ำแตงโม พี่โอวหยางจะดื่มอะไร ? ”
โอวหยางชิงดื่มน้ำแตงโมไปเมื่อเย็นวันก่อนแล้ว หลังจากปฏิเสธไปสองสามคำด้วยใบหน้าเขินอาย เขาก็ชำเลืองมองไปยังหลินเว่ยเว่ย…ไม่สิ มองไปยังเจียงโม่หานที่ยืนอยู่ข้างหลินเว่ยเว่ยมากกว่า “เช่นนั้นขอน้ำองุ่นแล้วกัน…ขอบใจมาก ! ”
หลินเว่ยเว่ยมองไปยังถังน้ำแข็งพลางส่ายหน้า “ตอนนี้น้ำองุ่นหมดแล้ว เป็นน้ำแตงโมได้หรือเปล่า ? ”
เวลาออกไปข้างนอก เดิมทีการพกผลไม้มาด้วยก็เป็นอะไรที่ไม่สะดวกอยู่แล้ว แถมข้างกายยังมีบัณฑิตหนุ่มที่แสนเฉลียวฉลาดอยู่ด้วย ต่อให้นางแอบเอาผลไม้ออกจากมิติน้ำพุวิญญาณ ก็ไม่อาจทำอย่างเอิกเกริกได้ ในบรรดาน้ำองุ่นสี่ถ้วยที่หลินจื่อเหยียนดื่มไปนั้น มีองุ่นสองพวงที่นางแอบใส่เข้าไป หากใส่ไปมากกว่านี้อีก…ถังน้ำแข็งของนางก็ไม่อาจบรรจุของได้มากขนาดนั้นและยังเสี่ยงต่อการที่ความลับแตกแน่นอน !
ตอนนี้ผลไม้ที่นำมาด้วยเหลือเพียงเซียงกวา (แคนตาลูป) สองลูกและแตงโมลูกที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก
รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางชิงค่อย ๆ แข็งค้างเล็กน้อยแล้วรีบกล่าวว่า “ไม่เป็นไร น้ำแตงโมก็ได้ มันทั้งเย็นฉ่ำและช่วยคลายร้อน…คงต้องรบกวนหลินกู่เหนียงแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยโบกมือให้เขาอย่างไม่ถือสา จากนั้นนางก็จัดการขูดเนื้อแตงโมออกมาแล้วใช้ผ้าขาวบางคั้นน้ำแตงโมได้สามถ้วย หนึ่งยื่นให้โอวหยางชิง หนึ่งให้ตนเองและอีกหนึ่งยื่นให้เหลยหยู่ที่พาม้าไปกินน้ำอยู่ริมแม่น้ำ
โอวหยางชิงพยายามปกปิดความไม่พอใจเอาไว้…หมายความว่าอย่างไร ? นี่คุณชายอย่างตนเหมาะสมจะได้ดื่มเครื่องดื่มแบบเดียวกับบ่าวเท่านั้นหรือ ?
น้ำองุ่นในมือของเจียงโม่หานเพิ่งดื่มไปได้สองอึกเท่านั้น เขาจึงกวักมือเรียกนางให้เข้ามาใกล้แล้วยื่นน้ำองุ่นให้นาง “ดื่มสิ เจ้าชอบดื่มน้ำองุ่นมากที่สุดไม่ใช่หรือ ? ”
แววตาของโอวหยางชิงเผยความน้อยใจออกมาทันที ‘ข้าก็ชอบดื่มน้ำองุ่นเหมือนกัน ! ในบรรดาผลไม้ทั้งหมด ข้าชื่นชอบองุ่นมากที่สุด…โดยเฉพาะน้ำองุ่นในครานี้ น้ำองุ่นที่น้องเจียงผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและสุขุมเคยดื่ม ข้าอยากลองที่สุดแล้ว’
หลินเว่ยเว่ยรับน้ำองุ่นมาดื่มภายใต้การจับจ้องของโอวหยางชิง นางยื่นน้ำแตงโมให้เจียงโม่หาน “เจ้าอยากลองดื่มของข้าสักหน่อยหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าดื่มเถิด ตอนอยู่บนรถม้า เจ้าเหงื่อออกเยอะ ต้องดื่มน้ำเพื่อทดแทนให้มาก”
หลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็ดื่มน้ำแตงโมจนหมด แม้ว่าจะเพิ่งนำไปแช่ในถังน้ำแข็งได้ไม่นานจึงไม่ถือว่าเย็นมากนัก แต่ผลไม้ที่ปลูกในมิติน้ำพุวิญญาณก็มีรสชาติที่ยอดเยี่ยม
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ นางก็เอนกายแนบไปตามร่างของบัณฑิตหนุ่ม จากนั้นก็ใช้จมูกสูดดมตามแขนของเขาพลางขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็มองเจียงโม่หานด้วยสายตาอิจฉา “บัณฑิตน้อย เหตุใดเจ้าไม่มีเหงื่อออกเลย ? ไม่เหมือนข้า ขยับนิดเดียวเหงื่อก็ไหลโชกราวกับร่างกายเป็นเครื่องผลิตเหงื่อ ! ”
โอวหยางชิงตกตะลึงกับท่าทางของนาง เขาสำลักน้ำแตงโมออกมาอย่างแรงจนหลินเว่ยเว่ยถึงขั้นหันมามอง “คุณชายโอวหยาง ดื่มช้า ๆ หน่อยก็ได้ ถ้ายังไม่อิ่ม ข้าสามารถคั้นน้ำแตงโมให้ท่านได้อีก”
โอวหยางชิงพยายามกลั้นไออย่างสุดความสามารถแล้วกล่าวกับหลินเว่ยเว่ยว่า “หลินกู่เหนียง พอดีข้ามีเรื่องจะพูด…เอ่อ ไม่ทราบว่าพอจะ…”
“เช่นนั้นก็อย่าพูดเลย ! ” เจียงโม่หานรู้ว่าอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไร หากเป็นชาติที่แล้วหรือตัวเขาในปีก่อน ก็คงทนต่อพฤติกรรมของนางไม่ได้ แต่ยามนี้…พอได้มองอีกครั้ง เขากลับรู้สึกว่ามันน่ารักมาก !
โอวหยางชิงสำลักเสร็จแล้วก็มองไปยังหลินเว่ยเว่ยที่เดินไปทางป่าผืนเล็ก ๆ จากนั้นเขาจึงเดินไปหาเจียงโม่หาน เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของอีกฝ่ายแล้ว ใบหน้าของโอวหยางชิงก็ค่อย ๆ ร้อนวูบวาบขึ้นมา เขากระแอมไอเล็กน้อยแล้วพูดด้วยคำที่คล้ายจะสื่อว่า ‘ข้าพูดเพราะหวังดีต่อพวกท่าน’ “น้องเจียง พวกท่านยังไม่ได้แต่งงานกัน คู่ว่าที่สามีภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ควรรักษาระยะห่างกันหน่อย จะได้ไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของหลินกู่เหนียงและหนทางในอนาคตของตนเอง ! ”
เจียงโม่หานชำเลืองมองเขาด้วยสายตาที่เฉยชา “ขอบคุณพี่โอวหยางที่เตือน…”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตำหนิหรือกล่าวโทษ โอวหยางชิงจึงเผยรอยยิ้มแล้วพูดต่อ “คาดไม่ถึงเลยว่าน้องเจียงที่ยังอายุน้อยแบบนี้จะตัดสินใจเรื่องหมั้นหมายแล้ว น้องเจียงกับหลินกู่เหนียงเป็น…คู่ที่เติบโตมาด้วยกันหรือ ? ”
“อืม ! ” หากสมองของนาง ‘ฟื้น’ คืนมาเป็นปกติเร็วกว่านี้ พวกตนจะมีโอกาสเป็นดั่งบทกวีนั้นหรือเปล่า ที่ได้ใช้เวลาวัยเยาว์ร่วมกันและมีความทรงจำแสนงดงามร่วมกัน ?
ไม่สิ ! ต่อให้นางกลับมาเป็นคนปกติเร็วแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ได้กลับชาติมาเกิดก็ไร้ผล เนื่องจากชาติที่แล้วเขาเกลียดนางอย่างกับอะไรดี ! หากเขาไม่ได้ผ่านก้นบึ้งของขุมนรกอันเลวร้ายมาก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่าแสงสว่างมีค่ามากแค่ไหน !
“เรื่องการหมั้นหมายของน้องเจียงกับหลินกู่เหนียง…เป็นคำสั่งของพ่อแม่ใช่หรือไม่ ? พ่อสื่อแม่สื่อเคยสอบถามความเต็มใจของน้องเจียงหรือเปล่า ? ” ในใจลึก ๆ ของโอวหยางชิงคิดว่าบัณฑิตผู้มีความหล่อเหลาและสง่างาม อีกทั้งยังมีความหยิ่งทะนงในตนเองอย่างเจียงโม่หาน ไม่น่าจะชอบสตรีบ้านนอกที่มีนิสัยหยาบกระด้างผู้นี้อย่างแน่นอน
“พี่โอวหยาง คำบางคำ…ไม่ควรเอ่ยกับคนที่ไม่สนิท ? ” เจียงโม่หานขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขามองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง…เด็กน้อยทั้งจิตใจดี มีความจริงใจและน่ารักขนาดนั้น เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกนาง ?
เจียงโม่หานลุกพรวดขึ้นมาแล้วเดินหนีไปทันที ถ้าขืนยังอยู่ต่อก็มีหวังอดด่าทออีกฝ่ายไม่ได้แน่นอน !