หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 508 หรือบุปผาป่าจะหอมกว่า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 508 หรือบุปผาป่าจะหอมกว่า ?

“บังเอิญมาก นกของเปิ่นจวิ้นหวางก็ชื่อ ‘หงส์แดง’ เหมือนกัน…”

เสียงหยูจวิ้นอ๋องยังไม่ทันเงียบ เจ้านกน้อยก็เอียงศีรษะสำรวจตัวเขา ทันใดนั้นมันก็กระพือปีกแล้วพูดว่า “หยูหัวโต ปลาหัวโต ! เจ้าหัวโต เจ้าหัวโต ฝนตกไม่กังวล คนอื่นมีร่ม แต่เจ้ามีหัวโต ! ”

คนรอบ ๆ ต่างพากันหัวเราะ…เจ้านกน้อยล้อเลียนเก่งจริง ๆ ! สายตาทุกคนแทบจะมารวมอยู่ที่ศีรษะหยูจวิ้นอ๋อง ดูเถิด…เหมือนจะใหญ่กว่าคนปกติจริง ๆ ด้วย

หยูจวิ้นอ๋องอับอายจนโมโห เขาเอื้อมมือพุ่งจะเข้าไปจับตัวหงส์แดง “เดรัจฉานสมควรตาย กล้าไร้มารยาทต่อเปิ่นจวิ้นหวางอย่างนั้นหรือ ! ”

ทันใดนั้นหงส์แดงก็กระพือปีกแล้วบินไปอยู่เหนือศีรษะอีกฝ่าย ปากยังร้องเป็นทำนอง “เจ้าหัวโต เจ้าหัวโต ฝนตกไม่กลัว คนอื่นมีร่ม แต่เจ้ามีหัวโต…”

หยูจวิ้นอ๋องกระโดดเพื่อหมายจับหงส์แดง “หุบปาก ! เลิกร้องได้แล้ว ถ้ายังพูดอีก เปิ่นจวิ้นหวางจะถอนขนเจ้าให้หมดแล้วเอาไปย่างให้สุนัขกิน ! ”

หงส์แดงทำเหมือนกำลังแกล้งเขา ประเดี๋ยวบินเข้าใกล้ศีรษะ ประเดี๋ยวก็บินขึ้นและอีกเดี๋ยวก็บินลงมาขยี้ผมของเขา ขณะเดียวกันปากก็ยังร้อง “เจ้าหัวโต” ไม่หยุด

หยางคุนไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรดี เขากระซิบแนะนำหยูจวิ้นอ๋อง “พอเถิดขอรับ ! นกแก้วตัวนี้นิสัยแย่มาก น่าจะเป็นตัวที่องค์ชายเจ็ดประทานให้คนอื่น ไม่แน่ว่าบัณฑิตยากจนคนนี้อาจเกี่ยวข้องกับองค์ชายเจ็ดก็ได้ ? ”

หยูจวิ้นอ๋องโมโหจนไม่มีสติเหลือแล้ว “ไม่ได้ ข้าไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนยกให้ อย่างไรข้าก็จะฆ่ามันให้ได้ ! ออกไป อย่ามาขวางข้า ! ”

“เจ้าหยูหัวโต เจ้าทำตัวไม่เอาไหนจริง ๆ ถึงขั้นลงมือกับสัตว์ตัวหนึ่ง ? ” เสียงเกียจคร้านดังมาจากด้านหลังของพวกเขา

“ผู้ใด ! บังอาจมาก บังอาจมาดูหมิ่นเปิ่นจวิ้นหวาง…อะ…องค์ชายเจ็ด ? ” หยูจวิ้นอ๋องคาดไม่ถึงว่าองค์ชายเจ็ดจะเสด็จมางานวัดที่มีคนมากมายขนาดนี้ พอเห็นว่าคนข้างหลังคือใครแล้ว เขาก็ยืนตัวตรงและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

หงส์แดงเห็นนายเก่ายื่นพระหัตถ์ออกมา มันจึงบินเข้าไปหาอย่างมีความสุข แต่เกาะพระหัตถ์ขององค์ชายเจ็ดได้ไม่ถึงสองอึดใจ มันก็รีบบินกลับมาเกาะไหล่หลินเว่ยเว่ยพร้อมมุดหัวเข้าไปในผมของนาง…เจ้าไม่เห็นข้า ไม่เห็นข้า…ไม่เห็นก็จะไม่เอาข้ากลับไป !

“เจ้าสัตว์ไร้จิตสำนึก ! ” องค์ชายเจ็ดบันดาลโทสะและตำหนิออกมาทันที

หลินเว่ยเว่ยห่อขนมสองชิ้นแล้วยื่นให้ลูกค้า ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่น “องค์ชายเจ็ด พระองค์ก็มาเดินเล่นงานวัดด้วยหรือเพคะ ! มา มาชิมขนมที่หม่อมฉันทำ ! ”

นางใช้ไม้คีบขนมที่ทำจากไม้ไผ่เพื่อหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะใช้กระดาษห่อแล้วยื่นให้อีกฝ่าย หยูจวิ้นอ๋องมุ่ยปาก สตรีชาวป่าชาวเขา ทำเหมือนสนิทกับองค์ชายเจ็ด พระองค์ไม่เคยเสวยของดี ๆ อะไรบ้าง จะเสวยขนมพื้น ๆ ของเจ้าก็แปลกแล้ว…

อึดใจต่อมา เขาก็โดนตบหน้าทันที องค์ชายเจ็ดไม่เพียงรับมาถือไว้ แต่ยังรีบหยิบขนมชิมรสอย่างไว้หน้าหลินเว่ยเว่ย “ตั้งแต่กลับมาจากทางเหนือก็ไม่ได้กินขนมเค้กจากร้านหนิงจี้อีกเลย อืม…หลินกู่เหนียง เจ้าทำเองหรือ ? อร่อยกว่าของในร้านหนิงจี้เสียอีก ! ”

คางของหยูจวิ้นอ๋องแทบจะร่วงลงพื้น สวรรค์ ! นางเด็กข้างถนนเกี่ยวข้องอะไรกับองค์ชายเจ็ด ? องค์ชายเจ็ดเข้าถึงง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด ? พระสุรเสียงนี้เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน หรือว่า…ทันใดนั้นสายตาของหยูจวิ้นอ๋องก็หันไปมองสำรวจใบหน้าของหลินเว่ยเว่ย…นอกจากขาวและผิวดีเล็กน้อย ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดพิเศษ !

หลินกู่เหนียง ? แค่นี้ก็บ่งบอกว่าองค์ชายเจ็ดให้เกียรติสตรีจากชนบทคนนี้มาก คุณหนูสกุลใหญ่อยากเป็นสนมขององค์ชายเจ็ดตั้งมากมาย แต่พระองค์ไม่ชายดวงเนตรมองสักคน แล้วจะโปรดปรานเด็กบ้านนอกคนนี้ ? หรือว่าชมบุปผาในเมืองหลวงจนเบื่อแล้ว จึงคิดว่าบุปผาป่าจะหอมกว่า ?

“ขอบพระทัยที่ตรัสชมเพคะ ถ้าโปรด พระองค์ก็รับไปสักสองสามชิ้นสิเพคะ ! ” ขนม 200 ชิ้นถูกขายออกไปไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ หลินเว่ยเว่ยคิดว่าตำหนักองค์ชายเจ็ดมีพระชายาและนางสนมน้อยใหญ่ เอากลับไปฝากคนละ 2 ชิ้น ก็ขายออกได้ไม่น้อยแล้ว หลังได้สนทนากับองค์ชายเจ็ดถึงสองสามครั้ง หลินเว่ยเว่ยก็ได้รู้ว่าพระองค์มีน้ำพระทัยกว้างขวาง

หลังจากเสวยขนมหมดหนึ่งชิ้นแล้ว องค์ชายเจ็ดก็ครุ่นคิดก่อนจะตรัสว่า “ได้ ห่อให้เปิ่นหวางสองชุดก็แล้วกัน ชุดหนึ่งห่อสักหกชิ้น ซุ่นจื่อ เจ้าเอาไปถวายให้ฟู่หวงชิมในวัง ! ”

ซุ่นจื่ออดไม่ได้ที่จะทูลเตือน “องค์ชาย เอาอาหารนอกวังถวายฝ่าบาท…จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” ฮ่องเต้มีพระอามาศัยไม่ดีมาโดยตลอด หากเสวยแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ความหวังดีขององค์ชายเจ็ดจะกลายเป็นเรื่องร้าย

องค์ชายเจ็ดขมวดพระขนง “มีอะไรไม่ดี ? บุตรชายเจอของดีของแปลกใหม่นอกบ้าน จะแสดงความกตัญญูซื้อกลับไปให้บิดาสักชุด มีอะไรไม่เหมาะสม ? ให้เจ้าเอาไป ก็เอาไปเถิด พูดมากอยู่ได้ คนที่ไม่รู้คงเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นนาย ! ”

ซุ่นจื่อรีบพูด “กระหม่อมพูดมากเอง องค์ชายลงโทษได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ! ”

องค์ชายเจ็ดเห็นว่าด้านข้างหลินเว่ยเว่ยมีม้านั่งตัวยาวอยู่จึงเข้าไปประทับแล้วชวนหลินเว่ยเว่ยสนทนา “หลินกู่เหนียง เจ้ามาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใด ? เหตุใดจึงมาเปิดแผงขายของที่งานวัดได้ ? ด้วยฝีมือของเจ้าแล้วเพียงพอให้เปิดร้านขนมได้เลย หรือว่าจะมีปัญหาเรื่องเงินทุน ? อยากให้เปิ่นหวางเอาเงินมาให้เจ้ายืมก่อนหรือเปล่า ? ”

“ขอบพระทัยในความหวังดีของพระองค์เพคะ แต่ยังไม่ต้องหรอก ! หม่อมฉันเดินทางมาส่งคู่หมั้นเข้าสอบ ไม่แน่ว่าในวันข้างหน้าจะได้อยู่ที่เมืองหลวงต่อ เรื่องเปิดร้านจึงยังไม่รีบเพคะ ! วันนี้แค่มาร่วมสนุกในงานวัดแล้วหาเงินกลับไปซื้ออาหารเท่านั้น” หลินเว่ยเว่ยเห็นองค์ชายเจ็ดประทับอย่างวางมาดจนราษฎรคนอื่นไม่กล้ามาซื้อขนม นางจึงมีความรู้สึกอยากจะไล่เขาออกไป

องค์ชายเจ็ดก็ตระหนักถึงจุดนี้ พระองค์เหลือบมองหยูจวิ้นอ๋อง “เจ้าหยูหัวโต ขนมที่เปิ่นหวางแนะนำ เจ้าจะไม่ลองซื้อหน่อยหรือ ? บ้านเจ้ายังมีพี่ชายอีก 4 คน ไหนจะพี่สะใภ้และหลาน ๆ อีกเป็นโขยง ซื้อน้อยก็จะไม่พอแบ่ง ! ”

หยูจวิ้นอ๋องไม่กลัวแม้แต่บิดา แต่เขากลัวที่สุดคือลูกพี่ลูกน้องที่ไม่สนกฎคนนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตต้องทรมานด้วยน้ำมืออีกฝ่ายไม่น้อย หลังได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบพูดว่า “ซื้อ ! องค์ชายเจ็ดตรัสว่าดี รสชาติก็ต้องดีมากแน่นอน ! กู่เหนียง ห่อเค้กน้ำผึ้งให้เปิ่นจวิ้นหวาง 100 ชิ้น ! ”

“ร้อยชิ้น ? ท่านกินหมดหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยถาม

เจ้าจะสนว่าข้ากินหมดหรือเปล่าทำไม ข้ากินหนึ่งชิ้นโยนทิ้งหนึ่งชิ้นไม่ได้หรือ ! เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ชายเจ็ดแล้ว หยูจวิ้นอ๋องก็ตอบกลับแบบสุภาพ “บ้านเปิ่นจวิ้นหวางคนเยอะ แบ่งให้คนละ 2-3 ชิ้นก็อาจจะยังไม่พอ ! ”

หลินเว่ยเว่ยเริ่มลงมือห่อขนมให้และยังยกตะกร้าไม้ไผ่ให้เขาอย่างเอาอกเอาใจ มีองค์ชายเจ็ดเฝ้ามองอยู่ หยูจวิ้นอ๋องจึงไม่อยากเดินงานวัดต่ออีก เขาถือเค้กน้ำผึ้งเต็มตะกร้ากลับไปที่จวนทันที ระหว่างทางยังหงุดหงิดไม่หาย…นกพูดได้ แถมยังหน้าตาเหมือนกัน จะมีสักกี่ตัวกันเชียว ? เขากลับพุ่งเข้าไปหาเรื่องพวกนางอย่างไร้สมอง จะโทษใครได้ ?

แม้หยางคุนจะไม่เหมือนหยูจวิ้นอ๋องที่ซื้อไปตะกร้าใหญ่ แต่ก็ซื้อหลายชิ้นโดยบอกว่าจะซื้อของแปลกใหม่ไปให้คนในบ้านกิน ครอบครัวขุนนางที่มาเที่ยวงานวัดก็เห็นแก่พระพักตร์องค์ชายเจ็ด จึงเข้ามาซื้อขนมไปหลายชิ้น ดังนั้นเค้กน้ำผึ้ง 200 ชิ้นที่หลินเว่ยเว่ยนำมาขายจึงขายหมดอย่างรวดเร็ว !

องค์ชายเจ็ดยังเสวยเค้กน้ำผึ้งอีกชิ้น พระองค์รู้สึกอิ่มจนคิดว่าไม่ต้องเสวยมื้อกลางวันก็ได้แล้ว จากนั้นก็สะบัดพัดในพระหัตถ์พลางแย้มโอษฐ์เหมือนจิ้งจอกอันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่หลินเว่ยเว่ย “หลินกู่เหนียง เจ้าพักอยู่ที่ใด ? อีกไม่กี่วัน จินเฉิงก็จะกลับมาแล้ว พอถึงเวลานั้นเปิ่นหวางจะพาเขาไปเยี่ยมเจ้าดีหรือเปล่า ? ”

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท