ตอนที่ 515 มอบชีวิตอิสระแก่นาง
ฮ่องเต้หยวนชิงแย้มพระสรวลออกมาเบา ๆ “ก่อนหน้านี้ที่ฟู่หวางของเจ้า…หมายถึงหมินอ๋องไปหาพวกเจ้าอีก เขาคงสร้างปัญหาให้พวกเจ้ากระมัง ? เขาคิดว่าคู่หมั้นของเจ้าเป็นบุตรสาวที่พลัดพรากไปและยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจกับเจิ้นว่า หากนางหนูหลินไม่ใช่บุตรสาวของเขา ก็จะยืนเอาแขนต่างเท้าแล้วกินเค้กพุทราแดง ! ไม่รู้ว่าจะยังทำตามคำพูดนี้อยู่หรือเปล่า ! ”
เจียงโม่หานรู้ว่าฮ่องเต้หยวนชิงไม่เคยตรัสสิ่งใดโดยไร้จุดมุ่งหมายมาก่อน การที่มาตรัสเรื่องพวกนี้จะต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน เจียงโม่หานพยักหน้า “ช่วงที่ได้พบกันในระยะนี้ ด้วยนิสัยของเว่ยเอ๋อร์ก็มีหลายจุดที่เหมือนกับหมินอ๋องอยู่จริงพ่ะย่ะค่ะ แถมนางยังมีคุณสมบัติของนักรบ การได้เข้าพระเนตรหมินอ๋องก็ถือว่าเป็นโชคของนางแล้ว”
“ทว่าดูเหมือนครั้งนี้หยูอันจะต้องผิดหวัง ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงเน้นพระสุรเสียงขณะทอดพระเนตรเจียงโม่หาน
“ที่จริง…ฝ่าบาทไม่ต้องทำให้เขาผิดหวังก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ! ” เจียงโม่หานไม่อยากพลาดโอกาสนี้ เขานำการตัดสินใจที่คิดไว้นานแล้วมาเปิดเผยให้ฮ่องเต้หยวนชิงได้รับฟัง
ฮ่องเต้หยวนชิงทอดพระเนตรเขาด้วยความประหลาดใจแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่า…จะยกชาติกำเนิดของตนให้นางหนูคนนั้น ? เจ้าต้องคิดให้ดี เพราะเมื่อเข้าไปในตำหนักหมินอ๋องแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ได้มีฐานะเป็น ‘จวิ้นอ๋อง’ เจ้าทำใจยอมสละให้ผู้อื่นได้หรือ ? ”
“เว่ยเอ๋อร์ไม่ใช่คนอื่น นางเป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่กับกระหม่อมตลอดไป ! ฝ่าบาทคงเข้าพระทัยนิสัยของนางแล้ว นางเป็นคนจิตใจดีและไร้เดียงสาเกินไป ดังนั้นจะต้องมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งมากพอ ถึงจะทำให้นางไม่ต้องทนแบกรับความอยุติธรรม แม้กระหม่อมจะมั่นใจว่าตนมีความสามารถมากพอ แต่ก็ต้องใช้เวลา ดังนั้นฐานะจวิ้นจู่ (ท่านหญิง) น้อยของตำหนักหมินอ๋อง สามารถทำให้นางมีชีวิตอย่างอิสระและไร้กังวล…”
เจียงโม่หานนึกถึงตอนที่เด็กน้อยเพิ่งไปล่วงเกินหมินอ๋องในช่วงเวลานั้น คนที่ขี้เล่นและชอบยิ้มแย้มขนาดนั้นกลับเอาแต่หลบอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ทุกวัน มีเพียงช่วงที่เขาออกนอกบ้านเป็นเพื่อนเท่านั้นถึงจะยอม เพราะนางกลัวจะก่อเรื่องให้เขา ในช่วงเวลานั้นเขาปวดใจสุด ๆ ! และตัดสินใจแล้วว่าจะยอมแบกรับความทุกข์แทนนาง
ฮ่องเต้หยวนชิงขมวดพระขนง “แล้วเจ้าไม่กลัวว่าหลังจากที่นางได้เป็นท่านหญิงแห่งตำหนักหมินอ๋องแล้วจะรังเกียจบัณฑิตยากจนอย่างเจ้า หรือว่าหมินอ๋องไม่ชอบบัณฑิตอ่อนแออย่างเจ้าแล้วหาคู่หมั้นคนใหม่ให้นาง ? ”
“นางไม่ใช่คนแบบนั้นพ่ะย่ะค่ะ ! เว่ยเอ๋อร์เป็นคนยึดมั่นถือมั่น หมินอ๋องไม่มีทางโน้มน้าวการตัดสินใจของนางได้” เจียงโม่หานคลี่ยิ้มบาง ๆ เขาเชื่อว่าหลินเว่ยเว่ยก็เชื่อมั่นในตัวเขา !
ฮ่องเต้หยวนชิงนึกระอา…เริ่มปวดเศียรเวียนเกล้าเพราะความรักของคนหนุ่มสาว ! ไม่รู้ว่ามันเป็นเหตุให้คนผู้หนึ่งเปลี่ยนแปลงได้มากเพียงใด ! ช่างเถิด คิดว่าเป็นบททดสอบของคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้ก็แล้วกัน !
“เจ้าคิดให้ดี ! หากเจ้ายอมรับบรรพบุรุษ เบื้องหลังจะมีตำหนักหมินอ๋องคอยหนุน อนาคตในวันข้างหน้าจะต้องราบรื่นแน่นอน แต่ถ้าครั้งนี้ละทิ้งฐานะจริงไปแล้ว เจ้าจะเป็นเพียงบัณฑิตธรรมดา ได้แต่พึ่งพาความสามารถของตนแล้วค่อย ๆ เดินไปไขว่คว้าความสำเร็จที่ปรารถนา ในระหว่างนี้มันจะทั้งช้าและยากลำบาก…เจ้ามั่นใจจริงหรือ ? ” ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสถามอีกรอบ
เจียงโม่หานตอบกลับอย่างไม่ลังเล เขาพยักหน้าพลางทูลว่า “ทางเดินต้องค่อย ๆ เดินทีละก้าว ถึงจะเดินได้อย่างมั่นคงและยาวไกลพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีความมั่นใจว่าสามารถพึ่งพาความสามารถของตนแล้วสร้างอนาคตขึ้นมาได้ ! ”
“ดี ! นับว่ามีความทะเยอทะยาน ! ” ดวงเนตรของฮ่องเต้หยวนชิงมีความชื่นชมมากกว่าเดิม เมื่อเทียบกับบุตรขุนนางไม่เอาไหนในเมืองหลวงที่คิดแต่จะพึ่งพาฐานะของบรรพชนและใช้ชีวิตอย่างมีความมั่นคงในราชสำนักแล้ว บุตรชายคนนี้ของหมินอ๋องทำให้ฮ่องเต้หยวนชิงพอพระทัยมาก
เมื่อเจียงเจี้ยหยวนคนนี้ไม่เข้าตำหนักหมินอ๋อง ฮ่องเต้หยวนชิงก็จะสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกกว่าเดิม เนื่องจากถ้ามีการสนับสนุนจากตระกูลแม่ทัพและขุนนางระดับสูงของต้าเซี่ยพร้อมกันเช่นนี้ แม้ฮ่องเต้หยวนชิงจะไว้วางพระทัย แต่ขุนนางอวดดีเหล่านั้นในราชสำนักจะไม่ยอมเห็นด้วยแน่นอน
พอนึกถึงตาเฒ่าหัวโบราณเหล่านั้นแล้ว ฮ่องเต้หยวนชิงก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที…คนที่สามารถใช้งานได้ในเวลานี้ช่างมีอยู่น้อยนิด ปล่อยให้วางมาดในราชสำนักไปก่อนสักพักแล้วกัน !
“ประเดี๋ยวเรื่องนี้ เจิ้นจะช่วยจัดการเอง ! สอบฤดูใบไม้ผลินี้เจ้าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว ? มีความมั่นใจเพียงใด ? ” หลังได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของอีกฝ่ายแล้ว ดวงเนตรของฮ่องเต้หยวนชิงที่ใช้มองเขาก็เหมือนมองคนรุ่นหลังของราชวงศ์ สุรเสียงที่ใช้ตรัสถามก็ใจดียิ่งกว่าตอนตรัสกับเหล่าองค์ชายเสียอีก
“กระหม่อมจะทำสุดความสามารถ ไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ! ” เจียงโม่หานตอบกลับโดยไม่เผยพิรุธ !
…
หลังออกมาจากโรงน้ำชาแล้ว เจียงโม่หานก็เงยหน้ามองแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าพร้อมกำหมัดแน่นสักพักหนึ่ง…ในชาตินี้เขาจะต้องเดินได้ไกลและสูงกว่าชาติก่อน !
รถม้าจากตระกูลร่ำรวยคันหนึ่งค่อย ๆ แล่นผ่านตัวเขาไป ฉินเยี่ยนหรานเลิกม่านรถม้าขึ้นเพื่อชมทิวทัศน์ด้านนอก แต่มันกลับทำให้นางไม่อาจละสายตาไปทางใดได้อีก นางเห็นอะไรน่ะหรือ ? เห็นเทพเซียนตกลงมาจากสวรรค์หรือไร ?
แสงแดดในฤดูหนาวส่องกระทบใบหน้าอันไร้จุดบกพร่องของเขา ผิวแทบจะเปล่งประกายออกมา คิ้วอันงดงามแต่ไม่ใช่ของสตรี ถูกปกปิดเป็นครั้งคราวจากปอยผมใต้ขมับที่กำลังสั่นไหวไปมา นัยน์ตาคู่งามมีชีวิตชีวาแต่ดูลึกลับยากหยั่งถึง ทำให้คนเต็มใจที่จะดื่มด่ำไปกับมัน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป เป็นโครงหน้าอันไร้ที่ติ…แม้แต่จิตรกรที่เก่งกาจก็ไม่อาจวาดใบหน้าของเขาให้ออกมาอย่างสมบูรณ์ได้ ฉินเยี่ยนหรานไม่เคยเห็นบุรุษที่ดูหล่อเหลาและอ่อนโยนขนาดนี้มาก่อน !
นางเขินอายจนหน้าแดงทันที แต่ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่บุรุษรูปงามดังเดิม นางกระซิบกับมู่ชิวสาวใช้คนสนิทสองสามประโยค ทันใดนั้นมู่ชิวก็รีบบอกให้คนขับรถม้าหยุดรถแล้วรีบกระโดดลงจากรถม้าทันที
เจียงโม่หานเลือกที่จะเดินแทนการนั่งรถม้า เขาค่อย ๆ เดินกลับบ้าน…ใช่ สถานที่ใดมีนางอยู่ ก็นับว่าเป็นบ้าน ! ทันใดนั้นก็มีสาวใช้หน้าตาสะสวยคนหนึ่งเข้ามาขวางทางไว้
หลังได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างเต็มตาแล้ว แววตาของมู่ชิวก็ดูมีความประหลาดใจเล็กน้อยและดูเคลิบเคลิ้มไปชั่วระยะหนึ่ง นางเอาแต่จ้องเขาโดยไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี คิ้วอันงดงามของเจียงโม่หานขมวดจนเป็นปม เขาเดินเลี่ยงนางออกมาแล้วเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าเร็วกว่าเดิม…ถ้าเว่ยเอ๋อร์มาเห็นฉากนี้เข้า นางจะต้องบอกว่าเขาใช้ใบหน้าดึงดูดภมรอีกแน่นอน !
หลังจากมู่ชิวขาดสติไปพักหนึ่ง ผ่านไปไม่นานนางก็กลับมามีสติอีกครั้ง นางเห็นบัณฑิตรูปงามเดินออกไปไกลแล้วจึงรีบเดินตามไป “บัณฑิตน้อย หยุดก่อนเจ้าค่ะ ! ”
เจียงโม่หานขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม แววตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง…บัณฑิตน้อยเป็นคำเรียกของเว่ยเอ๋อร์เท่านั้น สาวใช้ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจะมาเรียกข้าแบบนี้ได้อย่างไร ?
มู่ชิวตกใจต่อแววตาของเขาจนต้องถอยออกมาหนึ่งก้าว นางเอ่ยถามอย่างระวัง “คะ…คุณชายน้อยเป็นบัณฑิตที่เดินทางมาสอบยังเมืองหลวงหรือเจ้าคะ ? ”
“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่…แล้วอย่างไร ? ” แม้แต่มอง เจียงโม่หานก็ไม่อยากมอง เขายกเท้าจะเดินต่อไปข้างหน้า…
“มู่ชิว เจ้ากำลังคุยกับใครอยู่ ? ” ฉินเยี่ยนหรานลงมาจากรถม้าแล้วเดินเข้ามาหาสาวใช้พลางแสร้งถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทันใดนั้นคิ้วของเจียงโม่หานก็ขมวดแน่นกว่าเดิม…เพราะในน้ำเสียงนี้ฟังแล้วมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงและเสแสร้งสิ้นดี อย่างไรเว่ยเอ๋อร์ของเขาก็ดีกว่า เป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง
ฉินเยี่ยนหรานเห็นบัณฑิตรูปงามไม่แม้แต่จะชายตามองนาง ได้แต่เชิดหน้าและใช้ท้ายทอยมองนางแทน จึงเข้าใจผิดว่ามู่ชิวพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปจนทำให้เขาไม่พอใจ ฉินเยี่ยนหรานถลึงตาใส่มู่ชิว ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชาย ข้าสั่งสอนบ่าวไม่ดีเอง ทำให้สาวใช้ล่วงเกินคุณชายแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายมีชื่อแซ่อันใด บ้านอยู่หนใด วันหน้าข้าจะได้ไปขออภัยถึงบ้าน ! ”