หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 523 เพราะคนผู้นั้นคือเจ้า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 523 เพราะคนผู้นั้นคือเจ้า

หลินเว่ยเว่ยตัดสินใจเลือกโดยไม่ลังเล…ชีวิตของนางเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ !

องค์รัชทายาททนมองต่อไปไม่ไหวจึงตรัสกับฮ่องเต้หยวนชิงว่า “ฟู่หวง เหตุใดต้องเลือกพ่ะย่ะค่ะ ? เสด็จอาหมินอ๋องกับเสด็จอาสะใภ้หมินหวางเฟยไม่ใช่คนไร้เหตุผลสักหน่อย พวกเขาไม่มีทางห้ามบุตรสาวให้แสดงความกตัญญูต่อแม่เลี้ยงของตน ส่วนเรื่อง ‘การหมั้นหมายตั้งแต่อยู่ในครรภ์’ นั้น ก็แค่คำพูดเล่น ๆ ของหมู่โฮ่วและเสด็จอาสะใภ้เท่านั้น เหตุใดต้องเก็บมาคิดเป็นจริงเป็นจังด้วยพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“องค์รัชทายาททรงพระปรีชา ! ” ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยเปล่งประกายพร้อมหันไปมององค์รัชทายาทด้วยความซาบซึ้งใจ ดูเถิด องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์แต่ก็เข้าอกเข้าใจผู้อื่นแล้ว ฮ่องเต้มีพระชนมายุปูนนี้แล้ว เหตุใดถึงคิดไม่ได้บ้าง ?

ฮ่องเต้หยวนชิงแค่นพระสุรเสียงดัง ฮึ “เจ้าหมายความว่าเจิ้นไม่ฉลาดอย่างนั้นหรือ ? ”

“ฝ่าบาทบังคับให้หม่อมฉันถอนหมั้น บีบให้เลือกระหว่างตำหนักหมินอ๋องกับตระกูลหลิน ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไรเพคะ ? ” หลินเว่ยเว่ยพูดออกไปตามตรง นางเชื่อได้เลยว่าหากนางเป็นบุตรที่พลัดพรากไปสิบกว่าปีของหมินอ๋องจริง ๆ ฮ่องเต้จะยังกล้าสั่งประหารนางหรือเปล่า ? อีกอย่างคือนางยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ด้วย !

ฮ่องเต้หยวนชิงขมวดพระขนง ดวงเนตรเจือด้วยโทสะและแย้มโอษฐ์อย่างเย็นชา “ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าพูดกับเจิ้นแบบนี้มาก่อน ! คิดว่าเจิ้นไม่กล้าสั่งลงโทษเจ้าจริงหรือ ? ”

“ทำไมหรือเพคะ ? ในราชสำนักไม่มีใครกล้าพูดความจริงกันแล้วหรือ ? ถ้าเช่นนั้นก็น่าเศร้า ! ” หลินเว่ยเว่ยทำปากเชิด สีหน้าดื้อรั้น ท่าทางไม่มีคำว่ายอมถอย…เพราะหากนางยอมถอยก็จะต้องสูญเสียบัณฑิตน้อยไป นางต้องลงแรงไปมากเท่าไรกว่าจะได้เขามาครอง…

เจียงโม่หานตบหลังมือของหลินเว่ยเว่ยเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เว่ยเอ๋อร์ ฝ่าบาทกำลังล้อเจ้าเล่น ! กล่าวกันว่า ‘นอกมีคนวางแผนกลยุทธ์ ในมีฮ่องเต้ผู้สร้างต้าเซี่ย’ พระองค์ก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมาด้วยนโยบายแห่งสันติและความมั่นคง แล้วจะเป็นทรราชได้อย่างไร ? ”

หลินเว่ยเว่ยมีดวงตาเบิกกว้างทันที นางหันไปจ้องฮ่องเต้หยวนชิง “ฝ่าบาท นี่พระองค์แค่ล้อหม่อมฉันเล่นหรือเพคะ ? ”

ฮ่องเต้หยวนชิงเปลี่ยนมามีรอยยิ้มขี้เล่น ก่อนจะพยักดวงพักตร์พลางตรัสว่า “บทละครการพรากคู่นกยวนยางออกจากกัน ไม่สนุกหรือ ? ”

“เหตุใดพระองค์ถึงทำแบบนี้ ? ! ” สนุกอย่างนั้นหรือ ? ไม่คิดแบบนั้นเลย ! คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ที่ดูน่าเกรงขามจะมีมุมแบบนี้ด้วย

หลินเว่ยเว่ยนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฮ่องเต้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนางก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ นางจึงลองถามหยั่งเชิงว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นบุตรของหมินอ๋องจริงหรือเพคะ ? ไม่ได้เข้าพระทัยผิดจริงหรือ ? ”

“เจิ้นบอกว่าเจ้าใช่ก็คือใช่ ! มีสิ่งใดยังต้องสงสัย ? ” ฮ่องเต้หยวนชิงลุกขึ้นแล้วทอดพระเนตรนางอีกรอบ “เรื่องนี้เจิ้นบอกกับหมินอ๋องแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะมาหาเจ้า ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เจิ้นก็ทำให้เจ้าสองพ่อลูกได้พบกัน ไม่คิดจะให้ของขวัญตอบแทนกันหน่อยหรือ ? ”

“ของขวัญตอบแทน ? พวกเราเป็นแค่สาวชาวป่าชาวเขากับบัณฑิตยากจนแห่งชนบท แล้วจะเอาสิ่งใดมาให้ฝ่าบาทได้เพคะ ? ถ้าให้ของขวัญที่ด้อยค่าเกินไป ก็ไม่เท่ากับดูแคลนฐานะอันสูงส่งของฝ่าบาทหรือเพคะ ? ” ยังมีหน้ามาขอของตอบแทน ? แม้จะเป็นก้อนหินหนึ่งก้อนหรือใบไม้หนึ่งใบ นางก็ไม่อยากให้ทั้งนั้น !

คำพูดที่ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสออกมาหลังจากนั้นก็ทำให้องค์รัชทายาทอดไม่ได้ที่จะยกพระหัตถ์ขึ้นมาปิดดวงพักตร์ “เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ของขวัญแม้จะด้อยค่าแต่มากไปด้วยน้ำใจ’ กระต่ายย่างสมุนไพรที่เพิ่งออกจากเตาของเจ้าก็ดูไม่เลว ! เจิ้นไม่รังเกียจ ! ”

หลินเว่ยเว่ยแอบกลอกตาในใจ ‘อยากกินก็พูดมาสิ จะวางมาดขนาดนั้นไปเพื่ออะไร ! ฮึ ! เดิมทีคิดว่าก่อนที่ฮ่องเต้จะกลับไป นางก็จะยกกระต่ายย่างให้สักสองตัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้แค่ตัวเดียวก็พอ ! ใครใช้ให้เขามาทำคนอื่นเสียขวัญกันเล่า ? ’

หมินอ๋องอุ้มหมินหวางเฟยลงจากรถม้าแล้วพาไปยังห้องของพวกตน หลังจากห่มผ้าให้นางแล้ว พระองค์ก็ตรัสออกมาอย่างทนรอไม่ไหว “ประเดี๋ยวข้าจะไปถนนหย่งอันเพื่อรับบุตรสาวกลับมา รอให้เจ้าเห็นนางแล้วจะต้องหายสงสัยแน่นอน เพราะนางเหมือนเจ้ามากจริง ๆ ! ”

“พระองค์วู่วามไปหานางเช่นนี้ ไม่คิดว่าจะทำให้นางกลัวหรือเพคะ ? ” หมินหวางเฟยก็อยากเจอเด็กสาวที่พระสวามีตรัสถึง เพราะถ้าเป็นอย่างที่ตรัสจริง ๆ แม้เด็กคนนั้นจะไม่ใช่บุตรที่หายไปของพวกตน ทว่าก็ถือเป็นวาสนาของตำหนักหมินอ๋อง !

หมินอ๋องตรัสด้วยความภาคภูมิใจ “บุตรสาวของพวกเราจะตกใจกลัวง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร ? เจ้ารอก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว ! ”

ในลานบ้านสกุลฉู่ หลังจากองค์เหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่อย่างฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเสด็จออกไปแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็รีบเข้าไปคว้าแขนเสื้อของเจียงโม่หานพลางจ้องตาเขา “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เหตุใดข้าจึงกลายเป็นลูกของหมินอ๋อง ? พูดตามตรงว่าข้าไม่เชื่อที่ฮ่องเต้ตรัสแม้แต่คำเดียว ! ”

พอหลินจื่อเหยียนได้ยินแล้วก็ตกใจทันที “ว่าอย่างไรนะ ? พี่รองเป็นลูกของหมินอ๋อง ? จะเป็นไปได้อย่างไร ? พี่รองเป็นลูกแท้ ๆ ของท่านแม่ ตอนเกิดก็มีภาวะคลอดยากและเพราะใช้เวลานานจึงทำให้สมองไม่ดีมาตั้งสิบกว่าปี ! ใครเป็นคนพูด ? ไร้สาระทั้งเพ ! ”

เจียงโม่หานปัดปอยผมข้างแก้มของนางด้วยรอยยิ้มแล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาทไม่ได้ตรัสแล้วหรือ ? พระองค์บอกว่าใช่ก็คือใช่ ! ”

“เป็นไปไม่ได้ ! จะเป็นไปได้อย่างไร ? พี่รองไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของข้าหรือ ? ถ้าเช่นนั้นเหตุใดทุกคนถึงบอกว่านางหน้าตาเหมือนท่านพ่อ ? ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด ! ” หลินจื่อเหยียนนั่งกอดเข่าอยู่ในลานบ้าน แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…ฮ่องเต้ไม่มีเหตุผลมาหลอกพวกตน หรือว่าพี่รองไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหลินจริง ?

หลินเว่ยเว่ยอยากจะเดินไปปลอบเขา แต่ถูกเจียงโม่หานดึงไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นเจียงโม่หานก็เริ่มสารภาพความจริงกับนาง เขาคิดว่าระหว่างสามีภรรยาไม่ควรมีความลับต่อกัน เช่นนั้นเรื่องเข้าใจผิดจะเกิดขึ้นมากเรื่อย ๆ แล้วทำให้เกิดปัญหายุ่งยากที่ไม่จำเป็นขึ้นมา

หลินเว่ยเว่ยหันไปมองรอบข้างเหมือนโจร จากนั้นก็ลากตัวบัณฑิตน้อยเข้าไปในห้องของเขาและกดเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเจ้าเป็นเด็กที่หายไปสิบกว่าปีของตำหนักหมินอ๋อง ฐานะสูงส่งขนาดนั้น เหตุใดเจ้าไม่ปรึกษาข้าก่อนก็รีบผลักมันออกไปแล้ว ? ”

เจียงโม่หานลูบใบหน้าอันบอบบางของนาง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เพราะคนผู้นั้นคือเจ้า ! ”

หลินเว่ยเว่ยเอามือเขาออกแล้วกดจูบไปที่ริมฝีปาก “อย่ามาใช้แผนหนุ่มรูปงามกับข้า ! เหตุใดเจ้าถึงโง่ขนาดนี้ ? สิ่งที่เจ้าทิ้งไปคือบรรดาศักดิ์จวิ้นอ๋องเชียวนะ ! ถ้ามีฐานะนี้แล้วก็จะได้ตำหนักหมินอ๋องคอยหนุนหลัง อนาคตของเจ้าก็จะราบรื่นอย่างไร้ที่ติ…”

“ฐานะก็เสมือนดาบสองคม มันสามารถส่งผลต่ออนาคตของข้าได้เช่นกัน และก็ไม่แน่หรอก เจ้าฟังข้าพูดเถิด ข้ามั่นใจว่าถึงจะไม่พึ่งพาฐานันดรศักดิ์หรือผู้หนุนหลัง ข้าก็สามารถไปถึงตำแหน่งที่อยู่เบื้องล่างเพียงคนผู้เดียวได้ ข้าเคยพูดว่าจะเป็นคนสร้างอนาคตให้เจ้าเอง ข้าจะไม่ยอมผิดคำพูดแน่นอน ! ” เจียงโม่หานกุมมือน้อย ๆ แสนอ่อนนุ่มของนาง รอยยิ้มดั่งบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ แววตาก็เปล่งประกายเช่นกัน

หลินเว่ยเว่ยโดนรอยยิ้มของเขาทำให้มึนศีรษะจนตาลาย…บัณฑิตน้อย จะใช้แผนหนุ่มรูปงามจนถึงที่สุดกระมัง ? นางละสายตาจากเขา เพราะไม่อย่างนั้นความคิดของนางได้เปลี่ยนไปเพราะรูปโฉมของเขาแน่นอน “แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ข้ารู้สึกเหมือนขโมยชีวิตเจ้ามา แล้วจะรู้สึกสบายใจได้อย่างไร ? ”

“เดิมทีสามีภรรยาก็เป็นคนเดียวกัน เจ้าไม่ได้เคยพูดไว้หรือ ? ของที่เป็นของเจ้าคือของเจ้า ส่วนสิ่งใดเป็นของข้าก็คือของเจ้า ! ฐานันดร ตำแหน่งและชื่อเสียงสามารถทำลายจิตวิญญาณของคนผู้หนึ่งได้ นี่จึงเป็นแบบทดสอบที่ข้าสร้างมาให้ตัวเอง ! เอาเถิด เลิกกังวลได้แล้ว ไม่ต้องเสียใจด้วย ท่านหญิงน้อยของข้า ! ” เจียงโม่หานจับใบหน้าน้อย ๆ ของนางแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือลูบผิวอันขาวราวหิมะของนาง

ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็โผเข้ากอดบัณฑิตน้อย “บัณฑิตน้อย ข้ารู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงตัดสินใจทำแบบนี้ เจ้าอยากมอบฐานะสูงศักดิ์ให้ข้าใช่หรือไม่ ? เพื่อที่ข้าจะไม่โดนเหล่าสตรีในเมืองหลวงดูถูกและมองด้วยสายตาเย็นชา ทำให้ชีวิตข้ามีอิสระและสว่างสดใสกว่าเดิม ข้าเข้าใจทั้งหมด ! ” ขณะพูด น้ำเสียงของนางก็เริ่มสะอึกสะอื้น !

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท