หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 535 บัณฑิตน้อยอย่าเข้าไปในผานซือต้ง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 535 บัณฑิตน้อยอย่าเข้าไปในผานซือต้ง

จวิ้นจู่น้อยเป็นคนดีจริง ๆ ไม่เพียงไร้ท่าทีจะตำหนินาง แต่ยังทำตัวเหมือนเดิมอีกด้วย

“ยายเจิ้ง ช่วงนี้ขายดีใช้ได้เลยล่ะสิ ถึงได้ขายหมดเร็วขนาดนี้ ? ” หลินเว่ยเว่ยรับตะกร้ามาจากยายเจิ้งแล้วยื่นให้หลินจื่อเหยียน

ยายเจิ้งตกใจในความช่วยเหลือ นางตอบด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวเล็กน้อย “ได้โชคจากจวิ้นจู่ทั้งนั้น เนื้อตุ๋นจึงขายดีมาก ไม่พอขายทุกวัน…ส่วนแบ่งของจวิ้นจู่ ข้าน้อยก็เก็บไว้ให้ทั้งหมดเจ้าค่ะ…”

ยายเจิ้งอยากจะตบปากตัวเองสักสองครั้งจริง ๆ ด้วยฐานะในเวลานี้ของจวิ้นจู่ จะมาสนใจเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางอีกหรือ ? พอพูดออกไปแบบนั้นก็เหมือนดูถูกอีกฝ่ายใช่หรือเปล่า ? จวิ้นจู่น้อย…คงไม่อารมณ์เสียหรอกกระมัง ?

หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เครื่องเทศที่ข้าเหลือไว้ให้ท่าน คงใช้ใกล้หมดแล้วสิท่า ? ประเดี๋ยวข้าจะเขียนสูตรไว้ให้ ท่านเองก็อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้เหนื่อยเกินไป ถ้าทำไม่ไหวก็จ้างคนมาช่วย”

ไอหยา จวิ้นจู่น้อยไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังเป็นคนใจดีเหมือนเก่า จวิ้นจู่ช่วยนางมามากแล้ว นางจะกล้ารับสูตรที่สามารถทำเงินชนิดไหลมาเทมาได้อย่างไร ? ยายเจิ้งจึงรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ไม่ ! สูตรนี้ล้ำค่าเกินไป ข้าน้อยรับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ! ”

เจียงโม่หานเบื่อจะเห็นพวกนาง คนหนึ่งยืนกรานจะให้ อีกคนก็ปฏิเสธที่จะรับอยู่อย่างนั้น เขาจึงพูดกับยายเจิ้งว่า “สูตรนี้เป็นของที่จวิ้นจู่ประทานให้ท่าน ! รับไว้เถิด ! ”

ของที่จวิ้นจู่ประทาน ? นับเป็นเกียรติอันสูงสุด ! ไฉนเลยยายเจิ้งจะกล้าปฏิเสธ ? นางยังคิดจะคุกเข่าขอบคุณอีกรอบ แต่หลินเว่ยเว่ยหยุดไว้ได้ทัน ยายเจิ้งพูดขอบคุณด้วยความปลื้มปีติ “ขอบคุณจวิ้นจู่ ขอบคุณจวิ้นจู่เจ้าค่ะ ! ”

ระหว่างสนทนากัน พวกนางก็เดินมาถึงบ้านหลังเล็กของยายเจิ้ง แต่ในบ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน หลินเว่ยเว่ยถามว่า “ยายเจิ้ง แล้วซัวถัวกับหยาเอ๋อร์หายไปไหน ? ”

ยายเจิ้งพูด “พวกเขาน่ะหรือ ! ไปขายของที่ตลาดเมืองฝั่งตะวันออก…ช่วงสองสามวันที่จวิ้นจู่กลับตำหนัก หยาเอ๋อร์กู่เหนียงไม่ทำตัวว่างแม้แต่อึดใจเดียว สูตรขนมของจวิ้นจู่ดีมากเจ้าค่ะ แต่ละวันมีลูกค้าจับจองถึงหลายสิบเตา สามีของนางก็ตามไปช่วย…ทั้งสองคนมีความซื่อตรงและขยันมาก ! จวิ้นจู่ ท่านนั่งก่อนเถิด ประเดี๋ยวตอนเที่ยงพวกเขาก็กลับมาแล้ว ! ”

หลินเว่ยเว่ยคิดว่านั่งอยู่ที่นี่เฉย ๆ ก็เปล่าประโยชน์ จึงหันไปถามเจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนว่า “พวกเจ้ามีของอยากซื้อกันหรือเปล่า ? ”

หลินจื่อเหยียนส่ายหน้า เจียงโม่หานครุ่นคิด “ข้าอยากไปที่หอสมาคมจงโจวสักหน่อย”

“หอสมาคมจงโจว ? มันคือสถานที่แบบใด ? เป็นที่ชุมนุมชาวยุทธหรือเปล่า ? ” หลินเว่ยเว่ยสงสัยเหมือนเด็ก

เจียงโม่หานพูดด้วยรอยยิ้ม “สมาคมจงโจว คือสมาคมของพวกพ่อค้าทางฝั่งเมืองจงโจว เป็นสถานที่ให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ที่มาจากในท้องที่นั้น ๆ บัณฑิตเมืองจงโจวที่มาสอบในเมืองหลวง หากเจอปัญหาก็ไปขอความช่วยเหลือจากสมาคม ในสถานการณ์ปกติแล้วจะได้รับการช่วยเหลืออยู่บ้าง”

“อ้อ…ในสมาคมมีแต่คนจากเมืองจงโจวของพวกเราเลยหรือ ! ถ้าเช่นนั้นก็ต้องไปดูหน่อยแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าอย่างไรก็ว่าง ไปเปิดหูเปิดตาที่สมาคมก็ไม่เลวเหมือนกัน

“เอ่อคือ…จวิ้นจู่ ประเดี๋ยวท่านจะกลับมาหรือเปล่า ? รอให้ตาแก่กลับมาแล้ว ข้าน้อยจะให้เขาเอาเงินมัดจำคืนพวกท่าน…” ยายเจิ้งคิดว่าอีกฝ่ายเป็นจวิ้นจู่ มีตำหนักอ๋องให้อยู่ ส่วนบ้านโทรม ๆ ของตนจะทำให้จวิ้นจู่ต้องเสื่อมเกียรติเปล่า ๆ

เจียงโม่หานชิงพูดขึ้นมาก่อน “บ้านหลังนี้พวกเราทำสัญญาไว้ว่าจะเช่าครึ่งปี เราไม่ผิดสัญญาเช่าแน่นอน ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบหันไปมองเขา “บัณฑิตน้อย เจ้าไม่อยากพักอยู่ในตำหนักหมินอ๋องแล้วจะออกมาอยู่ที่นี่แทนหรือ ? ”

เจียงโม่หานเผยแววตาอ่อนโยนพลางก้มมองนาง จากนั้นยกมือลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน “พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ข้าพักอยู่ในตำหนักหมินอ๋องก็คงทำอะไรไม่สะดวก และสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ…ข้าอยากใช้ความสามารถของตนเพื่อคว้าอันดับหนึ่งประจำการสอบฮุ่ยซื่อมาครอง…”

หลินเว่ยเว่ยรู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีอำนาจหนุนหลัง ก็สามารถเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายได้ หากอยู่ในตำหนักหมินอ๋องแล้ว บัณฑิตน้อยย่อมไม่มีทางเลี่ยงคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกบัณฑิตได้เลย เรื่องพวกนี้นางเข้าใจทั้งหมด แต่พอคิดว่าต่อไปนี้จะไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ตลอดเวลา นางก็เริ่มไม่อยากกลับตำหนักหมินอ๋องขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เจียงโม่หานนำมืออ่อนนุ่มของนางมาจับ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ต้าเซี่ยค่อนข้างเปิดกว้างกับสตรี บุตรสาวของขุนนางสูงศักดิ์เหล่านั้นสามารถออกไปขี่ม้า ล่าสัตว์หรือจะออกไปเที่ยวก็ได้ทั้งสิ้น ถ้าเจ้าอยากเจอข้า ก็มาหาได้ตลอด ! ”

“แต่…ข้าไม่เคยคิดว่าจะต้องแยกกับเจ้ามาก่อน พอคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าเจ้าทุกวัน ข้าก็รู้สึกทรมานขึ้นมาทันที ! ” หลินเว่ยเว่ยทำปากมุ่ย ท่าทางเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

เจียงโม่หานยื่นมือไปลูบใบหน้าของนางแล้วปลอบโยนด้วยแววตาอบอุ่น “พวกเราอยู่ในเมืองเดียวกัน แล้วจะเรียกว่าแยกกันได้อย่างไร ? ข้าสัญญาว่าจะไปรับเจ้าออกมาเที่ยวทุกสองสามวัน ได้ยินว่าดอกเหมยที่วัดเซิ่งอันมีชื่อเสียงมาก รอให้หิมะตกเมื่อใด พวกเราไปเดินบนหิมะแล้วชมดอกเหมยที่วัดเซิ่งอันกันเถิด ข้าจะวาดภาพของเจ้าขึ้นมาใหม่…คราวนี้ไม่มีเสือมารบกวนพวกเราแน่นอน ! ”

หลินเว่ยเว่ยลูบแขนข้างที่เคยได้รับบาดเจ็บของตน โชคดีที่แช่น้ำพุวิญญาณทุกวัน รอยแผลเป็นอันน่าสยดสยองที่โดนเสือกัดจึงจางลงไปมากแล้ว ผ่านไปอีกหน่อยก็น่าจะมองไม่ออกแล้วกระมัง ?

นางรู้ว่าในเวลาปกติเหมือนนางจะเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง แต่ถ้าบัณฑิตน้อยตัดสินใจทำอะไรขึ้นมา มันก็ยากมากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง นางไม่อยากเห็นแก่ตัวแล้วส่งผลกระทบต่ออนาคตและชื่อเสียงของเขา

นางพูดเสียงดังลั่น “เอาเถิด…แต่เจ้าต้องระวังพวกปิศาจแมงมุมยั่วสวาทในเมืองหลวงไว้ด้วย อย่าโดนพวกนางหลอกเข้าผานซือต้ง (ถ้ำแมงมุมในเรื่องการเดินทางสู่ทิศตะวันตก) แล้วสูบกินเนื้อพระถังของเจ้าจนหมดเกลี้ยง…”

หลินจื่อเหยียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่พอเห็นหลินเว่ยเว่ยหันมาจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นพลางพูดว่า “พี่รองวางใจได้ ข้าจะช่วยดูพี่เขยรองให้ท่านเอง ! ถึงแม้ข้าไม่มีกระบองวิเศษ แต่จะยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพี่เขยรองไว้แน่นอน ! ”

เจียงโม่หาน “…”

หอสมาคมจงโจวตั้งอยู่ที่เมืองฝั่งตะวันออก พวกนางกลับมานั่งบนรถม้าตำหนักหมินอ๋องอีกรอบ ผ่านไปไม่นานก็มาถึงสมาคม…รถม้าตำหนักหมินอ๋อง เหตุใดจึงมาหยุดที่หน้าสมาคมของพวกตนเช่นนี้ได้ ?

ป้ายตำหนักหมินอ๋องแทบไม่มีใครในเมืองหลวงไม่รู้จัก ใครใช้ให้ฐานะของหมินอ๋องพิเศษมากเล่า ตำแหน่งสูงศักดิ์และทรงอำนาจ ซ้ำยังเป็นผู้ที่ฮ่องเต้ให้ความรักและไว้วางพระทัยเหมือนพี่น้องอีกด้วย

ผ่านไปไม่นาน หัวหน้าสมาคมก็วิ่งออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดบัณฑิตสองคนและเด็กสาวท่าทางร่าเริงอีกหนึ่งคน หัวหน้าสมาคมก็นึกถึงข่าวลือเรื่องจวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋องที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ในเมืองเวลานี้ขึ้นมาได้ทันที เขาอดกลั้นความตื่นเต้นในใจเอาไว้แล้วเข้ามาถามอย่างระมัดระวังว่า “ไม่ทราบว่าใช่จวิ้นจู่และเจียงเจี้ยหยวนแห่งเมืองจงโจวหรือไม่ขอรับ ? ”

หลินเว่ยเว่ยมองเจียงโม่หานด้วยรอยยิ้ม “พวกเราโด่งดังกันขนาดนี้เลยหรือ ? ยังไม่ทันแนะนำตัวก็มีคนจำได้แล้ว ! ”

เจียงโม่หานพยักหน้าเบา ๆ “จวิ้นจู่น้อย ตอนนี้ท่านเป็นจุดสนใจของคนในเมืองหลวง ส่วนข้ากับจื่อเหยียนแค่โด่งดังตามท่านมาเท่านั้น ! ”

หัวหน้าสมาคมจงโจวเป็นคนปรับตัวเก่ง “ใช่ขอรับ ! ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ มีใครไม่รู้จักจวิ้นจู่ที่มาจากเมืองจงโจวของพวกเราบ้างล่ะขอรับ เดิมทีในราชวงศ์นี้ก็มีจวิ้นจู่ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์แค่คนเดียว นับเป็นเกียรติของสมาคมจงโจวแล้วขอรับ ! ”

เขายังหันไปมองเจียงโม่หานแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจียงเจี้ยหยวน ข้ารอท่านมานานเหลือเกิน ช่วงหลายวันนี้มีบัณฑิตจากเมืองจงโจวจำนวนไม่น้อยมาสอบถามเรื่องของท่านจากสมาคม เพราะพวกเขามีปัญหาอยากจะขอคำชี้แนะจากท่าน ! ”

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท