ตอนที่ 553 หญิงแกร่งที่กลัวเจ็บ
โฉวฝู่ฝูเหรินพูดด้วยรอยยิ้ม “พระชายาหายจากอาการประชวรเรื้อรังที่เป็นมานานได้ ไม่ทราบว่าเชิญหมอเทวดาท่านใดมารักษา ? ตัวหม่อมฉันอายุมากแล้ว หลังเข้าสู่ฤดูหนาวก็มักรู้สึกไม่สบายทั้งตัว จึงอยากจะให้หมอเทวดาท่านนั้นเขียนเทียบยาบำรุงร่างกายให้หน่อยเพคะ”
หมินหวางเฟยตรัสด้วยรอยยิ้ม “คนที่ช่วยรักษาร่างกายให้ข้าไม่ใช่หมอเทวดาที่ไหนหรอก แต่เป็นบุตรสาวที่เพิ่งกลับมาของข้าเอง เว่ยเอ๋อร์ มานี่…”
นางโบกพระหัตถ์เรียกหลินเว่ยเว่ยที่กำลังสนทนาอย่างสนุกสนานกับองค์หญิงเจียวเจียว จากนั้นดึงมือมาจับไว้ “บุตรสาวข้าคนนี้เรียนรู้วิชาแพทย์แบบผิวเผินมาจากหมอเทวดาผู้ปลีกวิเวกทางโลกและยังทำอาหารที่มีสรรพคุณทางยาเป็นสองสามอย่าง ตัวข้าก็กินอาหารที่นางทำ สุขภาพจึงดีวันดีคืน
ฮองเฮา เมื่อครู่พระองค์ไม่ได้ถามว่าเหตุใดผิวของหม่อมฉันถึงดีขนาดนี้หรือเพคะ ? นั่นเป็นเพราะหม่อมฉันดื่มชาผลไม้ที่บุตรสาวทำให้ทุกวัน มันช่วยเสริมความงาม ปรับสมดุลจากภายในสู่ภายนอก สามารถทำให้ผิวดูเนียนละเอียดและกระจ่างใสเพคะ”
ฮองเฮาดึงมือหลินเว่ยเว่ยมาจับเพื่อให้นางมายืนตรงเบื้องหน้าพระพักตร์ จากนั้นมองสำรวจตัวนางด้วยรอยยิ้ม “คาดไม่ถึงเลยว่าเว่ยเว่ยจวิ้นจู่จะมีความสามารถด้านนี้ด้วย ! หมอเทวดาน้อย มา มาช่วยดูเปิ่นกงว่าเหมาะกับชาอะไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยสังเกตสีพระพักตร์แล้วเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ฮองเฮาเพคะ ช่วงนี้พระองค์บรรทมไม่ค่อยสนิทและรู้สึกหงุดหงิดหรือเหงื่อออกง่ายทั้งที่ไม่ทราบสาเหตุหรือเปล่าเพคะ ? ”
ฮองเฮาทอดพระเนตรนางด้วยความตกใจ “เป็นหมอเทวดาน้อยจริง ๆ ด้วย สังเกตแค่สีหน้าก็วิเคราะห์อาการได้แล้ว เจ้าพูดถูก ช่วงนี้เปิ่นกงนอนหลับยากมาก แถมยังตื่นง่ายตอนกลางดึก พอตื่นขึ้นมาแล้วก็นอนไม่หลับอีก เพราะตอนกลางวันมีพลังงานไม่พอจึงมักหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง ! ”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า “เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่ง สตรีมักจะเป็นเช่นนี้เพคะ อาการแบบนี้รักษาได้ ฮองเฮาสามารถเสวย ‘โจ๊กลูกเดือยผสมหวงฉี1กับพุทราแดง’ หรือไม่ก็ ‘โจ๊กตี้หวง2และเจาเหริน3’ ร่วมกับชาผลไม้ที่หม่อมฉันทำ ผ่านไปไม่เกินสิบวัน พระอาการจะต้องดีขึ้นแน่นอนเพคะ…”
โฉวฝู่ฝูเหรินฟังนางพูดอย่างมีหลักการ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “จวิ้นจู่ มีอาหารหรือชาผลไม้ใดที่เหมาะกับข้าหรือไม่ ? ”
หลังได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่าย หลินเว่ยเว่ยก็รู้ว่าฝูเหรินท่านนี้มีอาการปวดตามข้อเมื่อโดนลมหนาวและมีความดันโลหิตสูงที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ “ท่านสามารถดื่ม ‘น้ำแกงไก่เข้มข้นแห่งก้นบึ้งมหาสมุทร’ และ ‘น้ำแกงกระดูกหมูแมงกะพรุน’ ส่วนชาผลไม้เหมาะกับซางเซิ่น ( มัลเบอร์รี่ ) ผสมน้ำผึ้ง”
พอฝูเหรินท่านอื่นได้ยินแบบนั้น ก็อยากเข้ามาขอความเห็นบ้าง แต่ฮองเฮาเป็นเจ้านายแห่งวังหลังและโฉวฝู่ฝูเหรินอาวุโสกว่า หากพวกนางให้เว่ยเว่ยจวิ้นจู่ช่วยจัดอาหารที่มีสรรพคุณทางยาและชาผลไม้บ้าง จะเอาฐานะและความอาวุโสมาจากที่ใด พวกตนจะกล้ารบกวนจวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋องได้อย่างไร ?
จ้าวชิงหลวนที่ช่วยรับแขกวัยหนุ่มสาวก็เดินเข้ามาหาหมินหวางเฟยแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ทูลพระชายา ทุกอย่างที่เรือนหน้าเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ขอทูลเชิญฮองเฮาและพระชายาไปที่เรือนหน้าเพคะ”
ที่แท้ ขั้นตอนสุดท้ายของการต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าตำหนักก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด…หยดเลือดเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ตอนที่หลินเว่ยเว่ยรู้ว่ามีขั้นตอนนี้ด้วย บนใบหน้าก็มีความมืดครึ้มเข้ามาปกคลุมทันที หยดเลือดเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด เป็นศาสตร์ที่ไม่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ที่สุด ? และยังมีวิธีโกงได้ด้วย…เท่าที่นางรู้มาก็มีเกิน 3 วิธีแล้ว !
เอาเถิด นี่เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้ต้องการ ตรัสว่าเพื่อปิดปากของพวกปากหอยปากปู…กระนั้นหลินเว่ยเว่ยก็มีเหตุผลมากพอให้สงสัย ในขั้นตอนหยดเลือดพิสูจน์ทางสายเลือดนี้ ฮ่องเต้จะต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน ! ไม่อย่างนั้นพระองค์ไม่มีทางส่งเต๋อฉวนขันทีที่ไว้วางพระทัยที่สุดมาดูแลเด็ดขาด ?
ฮองเฮาและหมินหวางเฟยพาพวกฝูเหรินที่ค่อนข้างมีอายุหน่อย หรือพวกฮูหยินผู้เฒ่ามาที่ ‘ห้องโถงเฉิงเฉียน’ ของเรือนหน้า ส่วนญาติผู้หญิงคนอื่นยังคงอยู่ที่เรือนหลัง
ใจกลางห้องโถงเฉิงเฉียนมีโต๊ะแปดเซียนตั้งอยู่ ด้านบนมีชามหยกบรรจุน้ำใสวางอยู่หนึ่งใบ หมินอ๋องโบกพระหัตถ์เรียกบุตรสาว “ไม่ต้องกลัว แค่จิ้มบนนิ้วเบา ๆ เท่านั้น ไม่เจ็บหรอก ! ไม่รู้ว่าฮ่องเต้คิดอย่างไรจึงทำพิธีเช่นนี้อีก ไม่เท่ากับสร้างปัญหาเพิ่มหรือไร ? ”
ขุนนางใหญ่ที่มาเข้าร่วมพิธี “…” มีแค่หมินอ๋องเท่านั้นที่กล้าบ่นฮ่องเต้!
เต๋อฉวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทตรัสว่าเกี่ยวกับเรื่องสายเลือดของตระกูลจ้าว อย่างไรก็ต้องระวังไว้ก่อนถึงจะดีพ่ะย่ะค่ะ ! หมินอ๋อง เว่ยเว่ยจวิ้นจู่ มาเริ่มกันดีหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยเดินมาอยู่ด้านข้างโต๊ะแปดเซียนพร้อมหมินอ๋อง พอเห็นเจียงโม่หานยืนอยู่ในฝูงชน นางก็หันไปยิ้มหวานให้เขา
เจียงโม่หานใช้สายตาปลอบนาง ก่อนจะพยักหน้าให้คล้ายกำลังบอกว่า ‘ไม่ต้องห่วง ก็แค่ออกมาเดินเล่นที่เรือนหน้าเท่านั้น ฮ่องเต้ทรงเตรียมการไว้หมดแล้ว ! ’
หมินอ๋องใช้เข็มจิ้มปลายนิ้วพระหัตถ์แล้วหยดเลือดหนึ่งหยดลงในชามน้ำ ขณะที่ยื่นเข็มให้หลินเว่ยเว่ยก็ไม่รู้ว่ามีใครผลัก นางจึงเสียหลักล้มลงที่โต๊ะแปดเซียนแล้วปัดน้ำในชามหยกคว่ำทันที
หมินอ๋องรีบเข้าไปประคองบุตรสาวขึ้นมาเพื่อดูมือของนาง “ไม่เป็นไรใช่ไหม ? เข็มอยู่ที่ใด ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ? ใครผลักเว่ยเอ๋อร์ ออกมาเดี๋ยวนี้ ! ! ”
จ้าวชิงหลวนมีน้ำตาคลอเบ้า นางพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย “พ่อบุญธรรม ลูก…ลูกไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากเดินมาข้างหน้าอีกสองก้าว เพื่อจะได้เห็นเลือดของพ่อบุญธรรมกับจวิ้นจู่รวมกันด้วยตาตัวเอง แต่คาดไม่ถึงว่าจะเหยียบชายกระโปรงตัวเอง จึง…”
เต๋อฉวนมองจ้าวชิงหลวนด้วยสีหน้าบึ้งตึง หมินอ๋องขมวดพระขนง หลินเว่ยเว่ยพูดอย่าง ‘เข้าอกเข้าใจ’ “ฟู่หวาง ลูกไม่เป็นอะไรเพคะ แค่ตกใจเล็กน้อย พี่ชิงหลวนไม่ได้ตั้งใจ…พระองค์อย่าโทษนางเลยเพคะ วันมงคลเช่นนี้อย่าโมโหจนเสียสุขภาพ ! ”
เต๋อฉวนขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ชามคว่ำแล้ว พิธีหยดเลือดนี้…”
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองรอบกาย ทันใดนั้นก็เห็นกาน้ำชาบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ จึงเดินไปหยิบมา จากนั้นนางก็เอามือแตะพิสูจน์อุณหภูมิของกาน้ำ…โชคดี ! ยังร้อนอยู่ !
นางยิ้มขณะมองเต๋อฉวน “แค่นี้ก็มีน้ำแล้ว ! ”
ขณะพูด นางก็เทน้ำลงชามหยกแล้วหันไปฉีกยิ้มให้หมินอ๋อง “ฟู่หวาง น่าเสียดายเลือดหยดนั้นของพระองค์ ต้องรบกวนให้พระองค์บริจาคเพิ่มอีกสักหยดแล้วเพคะ ! ”
“เจ้าเด็กซน ! ไม่ใช่แค่เลือดหยดเดียวหรือไร บริจาคอะไรกัน ? ” จากนั้นหมินอ๋องก็หยดเลือดใส่ชามเพิ่มอีกหนึ่งหยด
หลินเว่ยเว่ยยื่นนิ้วออกมา “รบกวนฟู่หวางแล้ว ลูก…ลูกกลัวเจ็บ ลงมือเองไม่ไหวเพคะ ! ”
มุมโอษฐ์ขององค์รัชทายาทกระตุกทันที…กลัวเจ็บ ? หญิงแกร่งที่ยืนขวางห่าฝนธนูแล้วใช้เสื้อคลุมกวาดพวกมัน กลับพูดว่ากลัวเจ็บ ไม่กล้าใช้เข็มจิ้มนิ้วตัวเอง ?
หมินอ๋องจึงถือเข็มมาจ่อที่ปลายนิ้วของบุตรสาวอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ยกงานอันยากลำบากนี้ให้บุตรชาย “จินเฉิง เจ้ามาทำแทน ! ” เพราะพระองค์ก็ทำไม่ลง
หมินอ๋องซื่อจื่อถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หลินเว่ยเว่ยหันไปมอง ก่อนจะพูดกับหมินอ๋องซื่อจื่อว่า “ข้าเตรียมใจได้แล้ว ท่านพี่ ท่านรีบหน่อยเถิด ! ” เพราะประเดี๋ยวน้ำเย็นแล้วมันจะเกิดเรื่องอีก !
หมินอ๋องซื่อจื่อมีใบหน้าประหม่าเล็กน้อยและรีบแทงเข็มลงที่นิ้วของหลินเว่ยเว่ย ทันใดนั้นเลือดสด ๆ ก็หยดลงในชาม ภายใต้สายตาที่เฝ้ามองของทุกคนและเต๋อฉวนที่ดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด มันก็ค่อย ๆ รวมเข้ากับหยดเลือดเมื่อครู่ของหมินอ๋อง…
ขุนนางทุกคนล้วนเข้ามาแสดงความยินดีกับหมินอ๋อง ยินดีที่ตามหาบุตรผู้พลัดพรากไปหลายปีเจอ และได้หลุดพ้นจากความเสียใจในห้วงเวลาเก่าก่อนเสียที
จนถึงตอนนี้หมินหวางเฟยจึงได้สบายใจขึ้น แต่นางทอดพระเนตรหยดเลือดที่ผสานกันได้ดีในชามนั้นอย่างสับสนพอสมควร…หรือเว่ยเอ๋อร์จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางจริง ?
[i]
1 หวงฉี คือ รากแห้งของพืชชนิดหนึ่ง บำรุงกำลัง ลดการบวมน้ำ ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการอ่อนเพลีย
2 ตี้หวง หรือ โกฐขี้แมว ช่วยบำรุงเลือด พลังหยิน เพิ่มสารจำเป็นและไขกระดูก
3 เจาเหริน จัดอยู่ในกลุ่มสมุนไพรสงบจิตใจ