ตอนที่ 570 ไม่ต้องจ่ายเงินแล้วยังได้ของดี
ตอนนี้แตกต่างออกไปแล้ว ! บุตรสาวตำหนักหมินอ๋องถูกตามตัวกลับมาและยังช่วยฮ่องเต้ไว้ถึงสองครั้ง ถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นองค์หญิงเว่ยเว่ยและยังจัดพิธีปักปิ่นขึ้นอีก ดังนั้นจะไม่ตัดเสื้อผ้าเพิ่มได้อย่างไร !
หันไปมองหมินหวางเฟยอีกคน พระนางช่วยบุตรสาวเลือกผ้าด้วยความตื่นเต้น แม้ตัวคนจะดูผอมไปบ้าง แต่สีพระพักตร์และสภาพจิตใจดูไม่เลว ครั้งนี้พวกนางจะตัดฉลองพระองค์ที่ประณีตให้องค์หญิงเว่ยเว่ย ดังนั้นต้องจับลูกค้ารายใหญ่อย่างตำหนักหมินอ๋องให้ได้ !
หลินเว่ยเว่ยยึดมั่นในคติที่ว่าความสุขของการอยู่คนเดียวไม่ดีเท่าความสุขของคนหมู่มาก นางพูดกับหมินหวางเฟยว่า “หมู่เฟย ผ้าสี่ห้าพับนี้ไม่เลวแล้วเพคะ พระองค์อย่าเอาแต่เลือกให้ลูก ! พระองค์ก็เลือกสักสองสามพับแล้วยังมีของท่านย่า ฟู่หวางและท่านพี่ ควรตัดเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขาสักสองสามชุดด้วย ในโลกของสามัญชนถึงแม้ชีวิตจะยากลำบากเพียงใด เมื่อถึงสิ้นปีแล้วก็ต้องตัดเสื้อผ้าใหม่สักชุดเพื่อบอกว่าโชคดีกำลังมาเยือนเพคะ ! ”
หลงจู๊ร้านตัดผ้าหนีฉางรีบให้คนหยิบผ้าออกมาอีกหลายพับ หลินเว่ยเว่ยหยิบผ้าที่ดูสดใสมาเทียบบนตัวหมินหวางเฟยด้วยรอยยิ้ม “หมู่เฟย สีแดงเขียวนี้ไม่เลวเพคะ ยังมีลายดอกกุหลาบนี้อีก…พระองค์มีผิวขาวผ่อง ไม่ว่าใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น ! ”
หมินหวางเฟยมองผ้าในมืออีกฝ่ายแล้วตรัสด้วยรอยยิ้ม “ของที่เจ้าเลือกดูสดใสเกินไป อายุขนาดนี้แล้วใส่ออกไปก็ได้โดนคนหัวเราะเยาะเอาแน่ ? ”
“หมู่เฟยยังอ่อนเยาว์เพคะ ! หากพระองค์ยืนอยู่ข้างท่านพี่ จะต้องมีคนเข้าใจผิดว่าพวกพระองค์เป็นพี่น้องกันแน่เพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าหมินหวางเฟยเหมาะกับเสื้อผ้าสีสันสดใสเหมือนตอนยังเป็นสตรีแรกรุ่น อาภรณ์เด่นสะดุดตา อาจหาญทรงพลัง นิสัยเหมือนผู้ที่มีไฟอยู่ในตัวเสมอ
หมินอ๋องซื่อจื่อที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง “…”
เขาลูบใบหน้าตัวเอง เขาก็แค่ดำและผิวดูหยาบกร้านเล็กน้อยเพราะตากแดดตากลมที่ชายแดนไม่ใช่หรือ ? เขาแก่ขึ้นขนาดนั้นเลยหรือไร ?
หมินหวางเฟยถูกฝีปากหวาน ๆ ของนางทำให้มีความสุข จึงตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “ปากของเจ้านี่นะ ! คงไม่ได้ทาน้ำผึ้งไว้หรอกกระมัง ? เหตุใดถึงพูดเก่งขนาดนี้ ! ตกลง ผ้าสองพับที่เว่ยเอ๋อร์เลือกไว้ก็ใช้เลยแล้วกัน ! เฉิงเอ๋อร์มาพอดี เจ้าเองก็มาเลือกสักสองชุดสิ ! ”
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “สีเขียวไผ่กับสีฟ้าอ่อนค่อนข้างเหมาะกับท่านพี่เจ้าค่ะ”
หมินอ๋องซื่อจื่อที่กำลังเลือกสีดำอยู่ก็พูดด้วยน้ำเสียงลังเล “สองสีนี้จะไม่ดูเด่นไปหน่อยหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยมองเสื้อผ้าสีดำไร้สีสันของเขาด้วยความรังเกียจ “ท่านพี่ หมู่เฟยของเรายังอ่อนเยาว์ หากท่านยังไม่ทำตัวดี ๆ แล้วต่อไปเวลาออกจากบ้านจะมีคนเข้าใจผิดว่าท่านอายุมากกว่าหมู่เฟยอีกนะเจ้าคะ ! ”
หมินหวางเฟยบีบแก้มน้อย ๆ ของนางพร้อมแย้มโอษฐ์ “เจ้าเลือกผ้าให้พี่ชาย เหตุใดยังเอาแม่ไปเกี่ยวด้วยอีก ? แต่แม่ก็เห็นด้วยกับผ้าสองพับที่เจ้าเลือก คนหนุ่มสาวควรแต่งตัวเหมือนกัน คู่หมั้นของเว่ยเอ๋อร์เหมาะกับเสื้อผ้ามีสีอ่อน…เว่ยเอ๋อร์ ถ้าอย่างไรเลือกตัดชุดให้บัณฑิตน้อยของเจ้าสักสองชุดดีหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ลูกรู้ความชอบของบัณฑิตน้อยดีเพคะ เขาชอบสีขาว สีขาวนวลจันทร์แล้วก็สีฟ้าอ่อน ๆ ประเดี๋ยวลูกจะเอาสัดส่วนของบัณฑิตน้อยให้พวกนาง จำไว้ว่าต้องตัดออกมาให้ดูสง่างามและเหมือนเซียน ! ”
แม้หลงจู๊ร้านตัดผ้าหนีฉางจะไม่เคยเห็นคู่หมั้นขององค์หญิงเว่ยเว่ยมาก่อน แต่ก็พอเข้าใจความหมายของเซียนในรูปแบบของอีกฝ่ายได้ นางจึงรีบตบอกรับประกันว่าจะทำให้พอใจแน่นอน
ต่อจากนั้นหมินหวางเฟยและหลินเว่ยเว่ยก็ยังช่วยเลือกผ้าให้ฮูหยินผู้เฒ่าสองสามชุด แน่นอนว่าไม่ลืมหมินอ๋องด้วย…
ตอนที่หลงจู๊ร้านตัดผ้าหนีฉางออกไป นางก็รู้สึกเหมือนกำลังกระพือปีกได้เล็กน้อย…นางทำการค้ากับตำหนักหมินอ๋องสำเร็จแล้ว ! แถมเจ้านายทุกคนในตำหนักหมินอ๋องยังตัดเสื้อผ้าจากร้านของพวกนาง ! ต่อไปป้ายร้านตัดผ้าหนีฉางในเมืองหลวงก็จะถูกยกระดับขึ้นอีก ! การค้าครั้งนี้นางต้องดูแลให้ดี ต้องให้ช่างตัดเย็บฝีมือดีที่สุดในร้านเป็นคนดูแล
หลงจู๊ร้านเครื่องประดับเจิ้นเป่ามองตามแผ่นหลังที่จากไปของกลุ่มคนร้านตัดผ้าหนีฉางด้วยความอิจฉา แต่แล้วทันใดนั้นนางก็ทำให้ตัวเองตื่นตัวขึ้นมา…เพราะครั้งนี้นางนำเครื่องประดับที่ล้ำค่าและทันสมัยที่สุดของร้านมาด้วย รับรองว่าจะต้องไม่กลับไปมือเปล่าแน่นอน
หมินหวางเฟยเริ่มเลือกเครื่องประดับให้หลินเว่ยเว่ยสองสามชุด ส่วนปิ่นที่ใช้ประกอบพิธี พระนางเลือกแล้วเลือกอีกแต่ก็ไม่พอพระทัยสักที ปิ่นที่ร้านเครื่องประดับเจิ้นเป่านำมาด้วย ทั้งงดงามและล้ำค่ามากแล้ว แต่พระนางกลับรู้สึกว่าบุตรสาวล้ำค่ายิ่งกว่า !
หลงจู๊ร้านเครื่องประดับเจิ้นเป่าเข้าใจความรู้สึกของพระชายา บุตรสาวแห่งตำหนักหมินอ๋องต้องพลัดพรากไปเผชิญความลำบากนานถึง 15 ปี พอกลับมาย่อมเป็นธรรมดาที่คนในบ้านจะอยากให้ของดีที่สุดกับนาง
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลงจู๊ร้านเครื่องประดับเจิ้นเป่าก็เปิดปากพูดว่า “ได้ยินมาว่าช่วงหลายวันก่อนปิ่นเว่ยหลิงได้ปรากฎในใต้หล้า แต่ก็ถูกคนซื้อไปอย่างรวดเร็วเพคะ…”
“หืม ? ใช่ปิ่นเว่ยหลิงที่สตรีมากความสามารถจากราชวงศ์ก่อนครอบครองจริงหรือ ? ” หมินหวางเฟยได้ยินแบบนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ต้องทราบก่อนว่าปิ่นเว่ยหลิงนี้เป็นของลู่เสวี่ยเว่ยสตรีมากความสามารถที่คู่ควรกับมันที่สุด
ลู่เสวี่ยเว่ยผู้นี้ไม่เพียงมีพรสวรรค์ แต่ยังเป็น ‘พระโพธิสัตว์เดินดิน’ ที่ผู้คนเทิดทูนมากที่สุด พูดได้ว่านางสามารถใช้หนึ่งสมองสองมือของตนช่วยเมืองทั้งเมืองไว้ แต่สิ่งที่ทำให้สตรีทั่วหล้าอิจฉาก็คือลู่เสวี่ยเว่ยผู้นี้มีสามีที่รักนางสุดหัวใจ ทั้งสองรักกันอย่างลึกซึ้ง อยู่เป็นคู่ยวนยางจนแก่เฒ่า…
ปิ่นเว่ยหลิงก็คือของที่สามีของลู่เสวี่ยเว่ยรวบรวมวัสดุล้ำค่าที่สุดในใต้หล้ามาทำเป็นปิ่นให้นาง ใช้เวลาทำนานแรมปี เหตุผลที่ปิ่นเว่ยหลิงโด่งดังเช่นนี้ไม่ใช่เพราะวัสดุที่ใช้ทำและหัวใจของผู้สร้างเท่านั้น แต่เป็นเพราะผู้ที่ครอบครองปิ่นนี้จะมีชีวิตราบรื่น เปี่ยมความผาสุขชั่วชีวิต ลือกันว่าปิ่นเว่ยหลิงได้รับพรจากทวยเทพ ผู้ใดมีไว้ก็เท่ากับได้ครอบครองพรจากสวรรค์…
หลงจู๊ร้านเครื่องประดับเจิ้นเป่าเห็นหมินหวางเฟยสนพระทัยตามคาด จึงรีบพูดว่า “ใช่เพคะ ! หม่อมฉันไม่ได้แค่ไปดูมาแล้ว แต่ผู้ประเมินราคาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงจำนวนไม่น้อยก็ยังไปยืนยันมาแล้วเพคะ เป็น ‘ปิ่นเว่ยหลิง’ ไม่ผิดแน่นอน ! ”
“ถ้าเป็นปิ่นเว่ยหลิง เหตุใดเจ้าไม่เอาออกมาขาย ? ” หมินหวางเฟยถามสิ่งที่ข้องพระทัยออกมา
หลงจู๊ร้านเครื่องประดับเจิ้นเป่าก็สงสัยเช่นกัน “เจ้าของปิ่นนั้น ถึงแม้ฐานะทางบ้านจะตกต่ำ แต่ไม่ว่าเราเสนอราคาสูงขนาดไหน นางก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ตอนนั้นนางไม่ได้ตั้งใจจะนำออกมาขายเพคะ ! แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนกลับมีข่าวลือว่ามีคนซื้อปิ่นเว่ยหลิงไปแล้ว ! ไม่รู้ว่านางเป็นคนปล่อยข่าวลวงนี้ออกมาหรือไม่ หรือจะเป็นจริงก็ยังไม่ทราบได้เพคะ…”
หลินเว่ยเว่ยไม่สนใจปิ่นเว่ยหลิงอะไรนั่น เพราะในสายตานางก็แค่ปิ่นอันเดียวเท่านั้น แม้จะใช้วัสดุล้ำค่าขนาดไหนก็แค่ของนอกกาย ทวยเทพประทานพรอะไรกัน…ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวยังลือกันว่านางได้พรจากเทพแห่งขุนเขาด้วยซ้ำ ! ทั้งที่ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ คนอื่นไม่รู้ แต่นางจะไม่รู้ด้วยหรือ ?
หมินหวางเฟยพยักดวงพักตร์อย่างครุ่นคิด หลังเลือกปิ่นล้ำค่าที่สุดมาสองอันแล้ว พระนางก็ไม่สนคำทักท้วงจากหลินเว่ยเว่ย แต่ซื้อเครื่องประดับให้บุตรสาวเพิ่มอีกเป็นกอง เครื่องประดับเหล่านี้แม้จะใส่ไปครึ่งเดือน หลินเว่ยเว่ยก็ยังใส่ได้ไม่ซ้ำแบบ ! มีหมู่เฟยที่ใจกว้างเช่นนี้ ทำให้นางทั้งรู้สึกปวดใจและมีความสุข
หลินเว่ยเว่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วอวดกำไลข้อมือวงใหม่ให้เจียงโม่หานที่อยู่หน้าโต๊ะหนังสือได้ชม “บัณฑิตน้อย หมินหวางเฟยต้องเห็นข้าเป็นตุ๊กตาเพื่อทำให้ความปรารถนาในวัยเยาว์ของนางถูกเติมเต็มแน่นอน ! ”
เจียงโม่หานยังตวัดพู่กันลงกระดาษอีกสองสามครั้งแล้วจึงวางพู่กันลง จากนั้นก็นำมือที่เปื้อนสีไปป้ายที่จมูกของนาง “กำไลข้อมือนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าคุณภาพสมราคา เจ้าได้ของโดยไม่ต้องจ่ายเงินอีกทั้งยังได้ของดี รู้บ้างหรือไม่ ! ”