ตอนที่ 575 เลิกมองได้แล้ว เขาไม่หนีไปไหนหรอก
หรือจะเป็นฝีมือท่านอ๋อง ? ไม่ถูก เพราะนี่เป็นเรื่องดี พระสวามีจึงไม่มีเหตุผลให้ปิดบังนาง ! ด้วยนิสัยของท่านอ๋องแล้ว ถ้าได้ปิ่นเว่ยหลิงมาครองก็จะต้องเอามาอวดนางแน่นอน…
หรือว่า…เป็นบุตรชาย ? แต่เฉิงเอ๋อร์ก็ให้ของขวัญก่อนวันพิธีปักปิ่นแก่น้องสาวไปแล้ว หากมีปิ่นเว่ยหลิงอยู่ในมือ แค่ของขวัญของคนวัยหนุ่มสาวก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เหตุใดยังต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยเล่า ? ปิ่นเว่ยหลิงนี้เป็นใครนำมาให้เว่ยเอ๋อร์เกิดความประหลาดใจกันแน่ ?
ฮองเฮาเหนียงเหนียงปักปิ่นเว่ยหลิงลงที่มวยผมของหลินเว่ยเว่ย หลังจัดมันเบา ๆ แล้วก็ตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “องค์หญิงเว่ยเว่ยของพวกเรามีวาสนากับปิ่นเว่ยหลิงจริง ๆ แม้แต่อักษรที่ปักอยู่บนปิ่นก็ยังเชื่อมโยงกับชื่อเว่ยเว่ย ปิ่นเว่ยหลิงนี้คงไม่ใช่ของขวัญที่สวรรค์ประทานแก่เว่ยเอ๋อร์หรอกกระมัง ? ”
องค์หญิงเจียวเจียวแย้มพระสรวลอย่างมีความสุข “หมู่โฮ่ว ไม่ใช่สวรรค์ประทานให้พี่เว่ยเว่ยหรอกเพคะ แต่เป็นคู่หมั้นของพี่เว่ยเว่ยที่อยากทำให้นางประหลาดใจ ! พี่เว่ยเว่ย เมื่อครู่ข้าเห็นว่าคู่หมั้นรูปงามของท่านนำปิ่นเว่ยหลิงมาใส่ถาดที่น้องหลีเอ๋อร์ถืออยู่ด้วย ! ”
บัณฑิตน้อย ? ปิ่นแสนล้ำค่านี้เป็นของที่บัณฑิตน้อยให้นาง ? หลินเว่ยเว่ยใช้สายตาประหลาดใจหันไปมองเจียงโม่หานที่กำลังมองมาทางนางอย่างอ่อนโยน สายตาที่แสนอบอุ่นและจำเพาะเจาะจงนี้ ราวกับว่านอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอื่นได้รับอีก
หลังคำว่า ‘เสร็จพิธี’ ดังขึ้น หลินเว่ยเว่ยก็ลุกขึ้นแล้วไปยืนข้างหมินอ๋องกับหมินหวางเฟย แต่สายตาคล้ายแม่เหล็กที่เอาแต่จ้องไปทางเจียงโม่หาน…ถ้าประเมินจากพระสุรเสียงของฮองเฮาแล้วก็เหมือนว่าปิ่นเว่ยหลิงนี้จะเป็นของล้ำค่ามาก ? บัณฑิตน้อยยังไม่ได้เงินปันผลจากตำราที่ตีพิมพ์แล้วเขาเอาเงินมาจากที่ใด ? คงไม่ได้ไปกู้เงินดอกเบี้ยสูงมาหรอกกระมัง ?
หมินหวางเฟยเหลือบมองบุตรสาว ก่อนจะตีมือนางเบา ๆ แล้วตรัสหยอกล้อว่า “นัยน์ตาจะไปติดกับตัวหานเอ๋อร์อยู่แล้ว ? เจ้าน่ะเก็บอาการต่อหน้าแขกมากมายหน่อยเถิด ! แต่การที่เขาหาซื้อปิ่นเว่ยหลิงมาให้เจ้าได้ก็ถือว่าได้แสดงความจริงใจที่มีต่อเจ้า ดังนั้นเจ้าห้ามทำให้เขาเสียความรู้สึกเด็ดขาด ! ”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า แต่สายตายังไม่เปลี่ยนตำแหน่ง นางพูดเบา ๆ ว่า “หมู่เฟย นอกจากเขาแล้วยังจะไปหาคนดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก ? คนที่คู่ควรกับคนดีแบบลูกก็มีแต่เขาเพคะ” เอาสิ เรื่องความหลงตัวเองก็ไม่มีใครเทียบนางได้เช่นกัน
หมินหวางเฟยเคาะที่หน้าผากของนางด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะแกล้งทำเป็นรังเกียจ “พอได้แล้ว ไปดูพวกพี่น้องของเจ้าเถิด ! เลิกมองได้แล้ว เขาไม่หนีไปไหนหรอก ! ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะอย่างโง่งม ก่อนจะเดินไปหาพวกองค์หญิงเจียวเจียว ระหว่างทางที่เดินผ่านคุณหนูสองสามคน นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูจากใครบางคนซึ่งกำลังพูดด้วยความหมายคลุมเครือ “ปิ่นเว่ยหลิงอะไรกัน คงจะเป็นของปลอมเสียมากกว่า ? ใช้ของปลอมในพิธีปักปิ่น ต้องเป็นเรื่องตลกของคนทั่วหล้าแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยหยุดฝีเท้าแล้วหันไปมองสตรีสูงศักดิ์ที่เหมือนเคยแช่ในถังน้ำส้มสายชูมาก่อน…อ้อ ฝูหรงเสี้ยนจู่ คนรู้จักมักคุ้นกันนี่เอง !
นางมองฝูหรงเสี้ยนจู่ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ที่แท้ก็เป็นเสี้ยนจู่นี่เอง ! ไม่ได้พบกันนาน…ฝีปากของเจ้ายังต่ำตมเหมือนเดิม ! ”
“ท่าน ! ” ฝูหรงเสี้ยนจู่คาดไม่ถึงว่าในงานพิธีปักปิ่น อีกฝ่ายก็ยังไม่เก็บเขี้ยวเล็บ ไม่กลัวการทะเลาะจนเป็นเรื่องใหญ่แล้วทำลายวันสำคัญของตนหรอกหรือ ?
“ฝูหรงเสี้ยนจู่ เจ้าบอกว่าปิ่นที่อยู่บนศีรษะของข้าเป็นของปลอม หรือเจ้าคิดว่าสายพระเนตรของฮองเฮาเหนียงเหนียง…ยังสู้เจ้าไม่ได้ พระนางมองผิดไปหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยก็คาดไม่ถึงว่าฝูหรงเสี้ยนจู่จะโง่เขลาเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าหาเรื่องนางในวันพิธีปักปิ่น !
องค์หญิงเจียวเจียวเห็นหลินเว่ยเว่ยยังไม่มาสักทีจึงเดินมาหาแทน นางเข้ามาก็ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายพอดี องค์หญิงเจียวเจียวไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรอยู่แล้ว นางหันไปทอดพระเนตรฝูหรงเสี้ยนจู่ด้วยความโกรธแล้วแค่นเสียงตำหนิทันที
“เจ้ากล้าสงสัยในสายพระเนตรของหมู่โฮ่วเชียวหรือ ? ปิ่นเว่ยหลิงนี้จะเป็นของจริงหรือปลอม แค่ให้คนที่สายตาเฉียบแหลมมองก็รู้แล้ว…ถ้าปิ่นเว่ยหลิงสามารถทำเลียนแบบได้ง่ายขนาดนั้น ใต้หล้าก็คงมีปิ่นเว่ยหลิงเกลื่อนตลาด ! ยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่หยกบนนี้ เจ้าสามารถหาชิ้นที่ใสแวววาวและยังมีความอุ่นจากหยกเป็นชิ้นที่สองได้หรือเปล่า ? ”
“องค์หญิง โปรดอย่าฟังคำยุยงของนาง หม่อมฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นเพคะ ! ” ฝูหรงเสี้ยนจู่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว นางอยากอธิบายกับองค์หญิงเจียวเจียว…เพราะการสงสัยฮองเฮาเช่นนี้ แม้จะมอบความกล้าแก่นาง ก็ไม่กล้าหรอก…เป็นเพราะหลินเว่ยเว่ยคนใจดำ ทำให้นางพลอยแปดเปื้อนไปด้วย ฝูหรงเสี้ยนจู่เกลียดหลินเว่ยเว่ยเข้ากระดูกดำทันที !
“ใครจะสนว่าเจ้าหมายความอย่างไร ! พูดจาเหลวไหลในพิธีปักปิ่นของอีกฝ่าย นี่เป็นมารยาทที่จวนตงผิงโหวของเจ้าสั่งสอนมาหรือ ? เจ้าเป็นแค่เสี้ยนจู่ตำแหน่งเล็ก ๆ แต่กล้าดูหมิ่นองค์หญิงที่ฟู่หวงแต่งตั้ง ใครมอบความกล้าแก่เจ้า ? ” ไฉนเลยเวลานี้องค์หญิงเจียวเจียวจะเหมือนตอนที่คบหากับหลินเว่ยเว่ยและโม่ชิงหลี เนื่องจากคำพูดและการกระทำของนางดูน่าเกรงขามพอสมควร
คุณหนูอีกสองสามคนที่อยู่ข้างฝูหรงเสี้ยนจู่พากันถอยออกไปทันที เช่นนั้นอาจโดนไฟโทสะจากองค์หญิงเจียวเจียวและองค์หญิงเว่ยเว่ยเล่นงานเอาได้ พวกนางเป็นผู้บริสุทธิ์ ใครจะคิดว่าฝูหรงเสี้ยนจู่พูดให้ร้ายเจ้าของงานพิธีปักปิ่นเช่นนี้และยังพูดให้เจ้าตัวได้ยินอีกด้วย องค์หญิงเว่ยเว่ยจะเข้าพระทัยผิดว่าพวกนางก็ร่วมพูดให้ร้ายเหมือนกันหรือเปล่า ? หากเป็นเช่นนั้น ต่อไปพวกนางจะเชิญองค์หญิงเว่ยเว่ยมาร่วมงานเลี้ยงได้ยากกว่าเดิม ! คุณหนูไม่กี่คนนี้มองฝูหรงเสี้ยนจู่ด้วยสายตาไม่ได้รับความเป็นธรรมทันที
ฝูหรงเสี้ยนจู่กำลังอธิบายแบบร้อนรนอยู่ ไฉนเลยจะมีเวลาสนใจพวกนาง ? ท้ายที่สุดนางก็ต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรีแล้วหันไปขอโทษหลินเว่ยเว่ยอย่าง ‘จริงใจ’…อย่างน้อยตอนนี้ก็มีแค่ทางเลือกเดียว !
ทว่าหลังจากทะเลาะกันในครั้งนี้แล้ว ตำแหน่งของฝูหรงเสี้ยนจู่ในสายตาเหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงก็ตกต่ำลง นอกจากบุตรสาวขุนนางเล็ก ๆ ขั้นสี่และห้าก็แทบไม่มีใครเข้ามาคบหากับนางอย่างจริงใจอีก…
เพราะการปรากฏของปิ่นเว่ยหลิงทำให้พิธีปักปิ่นของหลินเว่ยเว่ยถูกเล่าลือไปทั่วเมืองหลวง ความต้องการจัดพิธีปักปิ่นอย่างยิ่งใหญ่ให้นางของเจียงโม่หานจึงบรรลุจุดประสงค์ด้วยเหตุนี้ !
หลังจากเรื่องนี้จบลง หลินเว่ยเว่ยที่ได้ยินเรื่องราวของปิ่นเว่ยหลิงก็เข้าไปสอบถามบัณฑิตน้อยด้วยความสงสัยว่าได้สมบัตินี้มาอย่างไร หลังสอบถามแล้วเจียงโม่หานกลับให้คำตอบนางว่า ‘ได้มาโดยบังเอิญ’ แม้หลินเว่ยเว่ยใช้การขู่ว่าจะจูบเขา แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา…แค่กแค่ก เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการข่มขู่นั้นจะเป็นจริง !
ชาติก่อน การปรากฎของปิ่นเว่ยหลิงก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเช่นกัน เจียงโม่หานก็แค่เข้าไปหาก่อนโดยใช้ ‘ความรักอันหวานชื่น’ ของตนที่มีต่อหลินเว่ยเว่ยทำให้เจ้าของปิ่นเว่ยหลิงประทับใจ ส่งผลให้ปิ่นในตำนานกลายมาเป็นช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุดในงานพิธีปักปิ่นของนาง
หลังพิธีปักปิ่นของหลินเว่ยเว่ยจบลงได้ไม่กี่วันก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว นี่เป็นการฉลองปีใหม่ครั้งที่สองของหลินเว่ยเว่ยบนแผ่นดินต้าเซี่ย ปีก่อนนางอยู่บนเตียงเตาอุ่น ๆ ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวและร่วมฉลองปีใหม่กับนางหวง นางเฝิง ต้าฮว๋า เอ๋อร์ฮว๋าและบัณฑิตน้อยด้วยความคึกคักอบอุ่น
ในเวลานั้นนางเข้าใจว่าจะเป็นอย่างนี้ไปทุกปี ทั้งเรียบง่ายและอบอุ่น แต่คาดไม่ถึงว่าปีนี้นางจะได้รับความรักและความอบอุ่นแบบเดียวกันที่เมืองหลวง หมินอ๋อง หมินหวางเฟย หมินอ๋องซื่อจื่อล้วนเป็นชนชั้นสูงที่เกินเอื้อมสำหรับนาง ทว่ากลายมาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันเสียได้ ? สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปคือบัณฑิตน้อยยังอยู่ข้างนาง…
หลินจื่อเหยียน ‘ยังมีข้าอีกคน พี่รอง ในสายตาท่านจะมีแต่พี่เขยรองไม่ได้ หันมามองน้องชายบ้างเถิด ! ’
หลินจื่อเหยียนมึนงง…เขากำลังฝันไปหรือเปล่า ? ความฝันนี้ช่างยาวนานแถมยังดูเหนือจินตนาการมากด้วย