ตอนที่ 577 ฮือฮือฮือ ท่านทำเช่นนี้อาจเสียข้าไปได้
พระขนงที่คมเข้มของหมินอ๋องขมวดมุ่นพลางตรัสด้วยท่าทางดุดันว่า “ไม่ต้องพูดมาก เสนอราคามาเท่าไร ข้าก็จ่ายไหว ! ”
เถ้าแก่ยิ้มแห้งออกมา ก่อนจะโค้งคำนับแล้วเอ่ยว่า “ขออภัยจริงๆ ขอรับ โคมไฟที่แขวนบนชั้นนี้ล้วนเป็นของรางวัลสำหรับทายปัญหา ไม่ใช่ของซื้อของขาย หากท่านต้องการแล้วล่ะก็…ต้องทายปัญหาให้ถูกต้องเท่านั้นขอรับ ! ”
หมินอ๋องที่กำลังจะตรัสต่อก็ถูกหมินหวางเฟยดึงชายฉลองพระองค์เอาไว้เบา ๆ พร้อมกับส่ายดวงพักตร์ให้เล็กน้อย องค์รัชทายาทจึงทอดพระเนตรไปยังปัญหาที่ใช้ทาย “เปรียบดั่งแม่ม่าย ที่ชายชื่นชอบ ยามแห้งเหลืองกรอบ แก้หอบยาดี” เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง ทว่าเมื่อคิดไปคิดมาก็รู้สึกสับสนไม่น้อย
ฮองเฮาและหมินหวางเฟยสบดวงเนตรกันเล็กน้อยพลางตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ชายอย่างพวกท่านจะไปรู้เรื่องดอกไม้ได้อย่างไร ? พวกเราทายกันเองดีกว่า ! ”
หมินหวางเฟยแย้มพระสรวลเบา ๆ แล้วตรัสว่า “เปรียบดั่งแม่ม่าย ที่ชายชื่นชอบ คือ กระดังงา ? ”
ฮองเฮาจึงตรัสเสริมว่า “ยามแห้งเหลืองกรอบ แก้หอบยาดี ใช่แล้ว หมายถึงดอกกระดังงาจริง ๆ ด้วย ! ”
ฮ่องเต้และหมินอ๋องมองหน้ากันไปมา เดิมทีต้องการจะแสดงฝีมือเพื่อนำโคมไฟหมุนมามอบให้ภรรยาของตน แต่คาดไม่ถึงว่าการทายปัญหาต้องพ่ายแพ้ให้แก่วีรสตรีทั้งสองเสียได้
หมินอ๋องปลื้มหทัยยิ่งนัก เดิมทีพระชายาก็ฉลาดกว่าพระองค์อยู่แล้ว เนื่องจากพระองค์เป็นที่รู้จักเพราะความแข็งแกร่งหาใช่สติปัญญา เมื่อก่อนอยู่ในสนามรบ เสวี่ยเอ๋อร์ยังเป็นกุนซือให้อีก นางทายถูกแล้ว พระองค์ย่อมรู้สึกมีความสุขไปด้วย !
เวลานี้หลินเว่ยเว่ยและองค์หญิงเจียวเจียวที่อยู่บนถนนสายเดียวกันกับพวกผู้อาวุโส ทั้งสองมือเต็มไปด้วยโคมไฟและทั้งหมดล้วนเป็นรางวัลที่ได้มาจากการทายปัญหา
“พี่เว่ยเว่ย ดูโคมวังหลวงนั่นสิ สี่ยอดหญิงงามที่วาดอยู่ด้านบนสวยมากเลย ! ” องค์หญิงเจียวเจียวลากหลินเว่ยเว่ยฝ่าฝูงชนเข้าไปพลางชี้ไปยังโคมไฟดวงหนึ่งพร้อมรอยยิ้มกว้าง แสงไฟสว่างไสวราวกับกลางวัน ขับให้ใบหน้าของคนเกิดความนวลผ่องขึ้นมา เพิ่มความงามให้ดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
หลินเว่ยเว่ยเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อมองคำถามให้ชัดเจน “หัวแหลมตัวบางขาวดุจเงิน ไร้น้ำหนักบนตาชั่ง ดวงตาอยู่บนก้น ยอมแค่อาภรณ์ไม่ยอมคน”
ข้อนี้นางรู้คำตอบแล้ว ! หลินเว่ยเว่ยเกาะไหล่องค์หญิงเจียวเจียวราวกับคู่รักพร้อมกับเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ทำไมหรือ ? เจ้าชอบโคมไฟดวงนี้ ? เช่นนั้นพี่สาวจะเอามาให้เจ้าเอง เถ้าแก่ คำตอบข้อนี้ก็คือ เข็ม ! ”
เถ้าแก่จึงนำโคมวังหลวงดวงนั้นลงมาแล้วส่งให้องค์หญิงเจียวเจียวพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถูกต้อง คำตอบคือ เข็ม ! ”
องค์หญิงเจียวเจียวนำโคมที่อยู่ในพระหัตถ์ส่งให้องครักษ์ จากนั้นก็หยิบโคมที่ได้มาใหม่พลางชมด้วยรอยยิ้ม “พี่เว่ยเว่ยเก่งมาก ! ”
บุรุษทั้งสามคนทางด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็น หมินอ๋องซื่อจื่อ เจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนกลายเป็นตัวประกอบภายในพริบตา เพราะพวกเขายังไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเลยด้วยซ้ำ !
“จับหัวขโมย จับตัวมันไว้ ! ! ” ทว่าจู่ ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างกะทันหันท่ามกลางฝูงชนที่แออัดยัดเยียด ฝูงชนที่ดูเป็นระเบียบจึงเริ่มกระจายตัวทันใด
หลินเว่ยเว่ยเอาโคมไฟในมือของตนยัดใส่มือของเจียงโม่หาน ก่อนจะกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อปกป้ององค์หญิงเจียวเจียวและเจียงโม่หานเอาไว้
หลินจื่อเหยียน “…”
ตำแหน่งของเขาถูกลดความสำคัญลงอีกแล้ว ก่อนหน้านี้สู้ว่าที่พี่เขยรองไม่ได้ก็ยังไม่เท่าไร ทว่าตอนนี้แม้แต่องค์หญิงเจียวเจียวก็ยังเหยียบหลังเขาขึ้นไปแล้ว ฮือฮือฮือ พี่รอง ข้ายังเป็นต้าฮว๋าที่ท่านรักอยู่หรือไม่ ?
เสี้ยวอึดใจที่หลินจื่อเหยียนถูกฝูงชนเบียดเข้ามา มือที่เต็มไปด้วยพลังข้างหนึ่งก็จับแขนของเขาเอาไว้และดึงเข้าไปอยู่ข้างกายของหลินเว่ยเว่ย เขารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรพี่รองก็ต้องเป็นห่วง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือข้างนั้นกลับเป็นหมินอ๋องซื่อจื่อไปเสียได้ หลินจื่อเหยียนห่อเหี่ยวทันใด ก่อนจะกัดผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ พี่รอง ท่านทำเช่นนี้อาจเสียข้าไปได้
หลินเว่ยเว่ยคุ้มกันองค์หญิงเจียวเจียวและเจียงโม่หาน คอยกันกระแสคนที่หลั่งไหลเข้ามาและค่อย ๆ ถอยไปยังริมถนน ไม่ไกลจากตรงเบื้องหน้าของนางมีกู่เหนียงน้อยอายุไล่เลี่ยกันคนหนึ่งกำลังถูกคนเบียดจนเดินโซซัดโซเซ ห่างออกไปประมาณห้าหรือหกช่วงคนก็พบว่ามีคนในครอบครัวนางกำลังร้องเรียกด้วยความกังวลใจ
“หลีกไป ! ” ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งที่มีสีหน้าตื่นตระหนกผลักกู่เหนียงน้อยคนนั้นอย่างแรง ก่อนจะหายเข้าไปในฝูงชน ส่วนกู่เหนียงน้อยที่เสียหลักก็กำลังจะล้มลงกับพื้น เวลานี้ฝูงชนพลุกพล่านยิ่งนัก หากกู่เหนียงน้อยล้มลงกับพื้นจะต้องถูกเหยียบอย่างแน่นอน !
หลินเว่ยเว่ยตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้จึงเอ่ยกับหมินอ๋องซื่อจื่อว่า “ท่านพี่ ท่านไปจับตัวคนทำผิด ส่วนข้าจะไปช่วยนางเอง ! ”
จากนั้นนางก็ใช้มือข้างหนึ่งแหวกฝูงชนทางด้านหลังของกู่เหนียงน้อยที่แสนแออัดออกไป จากนั้นก็เข้าไปหยุดอยู่ที่ข้างกายของอีกฝ่ายพร้อมดึงกู่เหนียงน้อยที่กำลังพยายามจะลุกขึ้นมา
กู่เหนียงน้อยรู้สึกว่าหมวกที่ติดกับเสื้อคลุมของตนมีความตึงขึ้น จากนั้นร่างทั้งร่างก็ลอยขึ้นตามแรงดึงบางอย่าง เมื่อนางถูกหลินเว่ยเว่ยยกขึ้นมาราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความตื่นตกใจราวกับเวลาหยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ…
ส่วนฝูงชนที่เบียดเสียดทางด้านหลังของกู่เหนียงน้อย ก่อนหน้านี้ก็ถูกอะไรบางอย่างผลักไปยังริมถนนพร้อมการยืนที่ไม่มั่นคงและสีหน้าราวกับว่าข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ใด…ข้าทำอะไรอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“น้องหญิง ! ”
“คุณหนูเจ้าคะ ! ” ครอบครัวและสาวใช้ของกู่เหนียงน้อย ในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงตัวของนางได้ หลินเว่ยเว่ยจึงปล่อยหมวกที่ติดกับเสื้อคลุมซึ่งจับอยู่ในมือลง พร้อมทั้งปลีกตัวออกมาโดยไม่ได้แสดงตัวแต่อย่างใด
นางเห็นว่าเวลานี้กู่เหนียงน้อยกำลังถูกครอบครัวถามไถ่และปลอบโยน นางจึงเอ่ยกับองค์หญิงเจียวเจียวที่ดวงเนตรเป็นประกายว่า “ไปกันเถิด ไปดูว่าท่านพี่จับหัวขโมยได้หรือไม่ ! ”
เอ่ยจบ มือข้างหนึ่งก็คอยจูงพระหัตถ์ขององค์หญิงเจียวเจียว ส่วนอีกข้างก็ดึงแขนเสื้อของเจียงโม่หานเอาไว้ ก่อนจะพากันมุ่งหน้าไปยังกลุ่มคนที่แสนพลุกพล่าน ส่วนหลินจื่อเหยียนก็ได้แต่เดินตามทางด้านหลัง โคมไฟแม้ให้แสงสว่างกว่านี้ก็ไม่สามารถสาดส่องไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเขาได้หรอก หดหู่ยิ่งนัก ‘ฮือฮือฮือ ข้าคือคนน่าสงสารและไม่มีใครรัก…’
กลุ่มคนที่เดินแออัดยัดเยียดกันอยู่นั้นก็ถูกแหวกออก ถ้ามีหลินเว่ยเว่ยอยู่แล้ว ไม่มีที่ใดซึ่งนางจะฝ่าเข้าไปไม่ได้ ท่ามกลางฝูงชนปรากฏบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนอยู่ คนหนึ่งก็คือหมินอ๋องซื่อจื่อพี่ชายที่พลัดพรากของหลินเว่ยเว่ย ส่วนอีกคนเป็นบุรุษร่างกายกำยำ ไว้หนวดไว้เครา (ผู้ชายสมัยโบราณเหตุใดถึงชอบไว้หนวดเช่นนี้ ? ) ดูแปลกหน้า เวลานี้ในมือของบุรุษที่ไว้หนวดได้จับหัวขโมยที่เพิ่งจะผลักกู่เหนียงน้อยจนเกือบโดนเหยียบเอาไว้
“ซื่อจื่อก็มาเดินเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟด้วยหรือ ? ” เห็นได้ชัดว่าบุรุษที่ไว้หนวดรู้จักกับหมินอ๋องซื่อจื่อ
หมินอ๋องซื่อจื่อพยักหน้าพลางเอ่ยกับบุรุษผู้นั้นว่า “ใช่ ข้ามาเดินชมงานเทศกาลโคมไฟเป็นเพื่อนน้องสาว…แม่ทัพหลินมาคนเดียวหรือ ? ”
……
……
ตอนที่หลินเว่ยเว่ยฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงข้างกายของหมินอ๋องซื่อจื่อ บุรุษที่พูดน้อยทั้งสองคนก็กำลังสนทนากันด้วยท่าทีที่น่าอึดอัด…
บุรุษคนนั้นเห็นว่ามีคนเข้ามาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาจับหัวขโมยได้แล้วกำลังคิดที่จะเอ่ยลาหมินอ๋องซื่อจื่ออยู่พอดี เมื่อเห็นใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยชัด ๆ แล้ว เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย กู่เหนียงน้อยผู้นี้ เหตุใดถึงได้ดูคุ้นตายิ่งนัก ?
บุรุษผู้นั้นเดิมทีก็ไม่ใช่คนชอบสอดรู้สอดเห็น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “ซื่อจื่อ ท่านนี้คือ…”
หมินอ๋องซื่อจื่อมองไปยังหลินเว่ยเว่ยพลางเอ่ยด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มว่า “คือน้องสาวของข้าเอง ! ”
ที่แท้กู่เหนียงน้อยรูปร่างสูงโปร่งคนนี้ก็คือ ‘องค์หญิงเว่ยเว่ย’ ที่คนทั้งเมืองหลวงให้ความเกรงใจ และพอมองไปยังกู่เหนียงน้อยอีกคนที่อยู่ข้างกายของนาง หืม ? องค์หญิงเจียวเจียวออกมานอกวังด้วยหรือ ? เหตุใดถึงพาผู้ติดตามมาเพียงเท่านี้เองเล่า ?