ตอนที่ 582 ข้าไม่ตื่นเต้น เจ้าก็ไม่ต้องตื่นเต้น
ไม่ทราบว่าเจียงโม่หานไปพูดกับแม่ทัพหลินอย่างไร สายตาของแม่ทัพหลินที่มักจะมองหลินเว่ยเว่ยด้วยความรักจึงแฝงไว้ด้วยความละอายใจอยู่ไม่น้อย เขาแทบจะขนของล้ำค่าทั้งหมดในจวนแม่ทัพหลินส่งมาที่ตำหนักหมินอ๋อง แม้ว่าฐานะของเขาไม่สามารถเทียบเท่าตำหนักหมินอ๋องได้ แต่ความรักที่มีต่อบุตรไม่ด้อยไปกว่าหมินอ๋องเลย !
หมินอ๋องเห็นว่าพ่อบุญธรรมของบุตรสาวทำเพื่อนางถึงขนาดนี้ก็ยิ่งไม่ยอมน้อยหน้า ทำให้หลินเว่ยเว่ยต้องรับของขวัญจนมือไม้อ่อนไปหมด ห้องเก็บของในเรือนเต็มไปด้วยของล้ำค่า กลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่งไปแล้ว ความรู้สึกของการทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณจึงไม่แย่สักเท่าไร !
ไม่ทันรู้ตัว เดือนแรกก็ผ่านพ้นไปจนย่างเข้าเดือนสองแล้ว เพื่อความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับบัณฑิตภาคเหนือ เจียงโม่หานจึงเข้าไปพักที่ถนนหย่งอัน เดิมทีหลินเว่ยเว่ยก็คิดจะย้ายไปอยู่เป็นเพื่อนเขา แต่บิดาทั้งสองมีความคิดตรงกันว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง อย่างไรพวกนางก็ยังเป็นแค่คู่หมั้นกันเท่านั้น ยังไม่ได้แต่งงานแล้วจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ?
ส่งผลให้ว่าที่สามีภรรยาคู่นี้กลายเป็นสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวที่ถูกหวางหมู่เหนียงเหนียงกีดกันจนต้องแยกจากกัน คนหนึ่งอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋อง ส่วนอีกคนอยู่ที่ถนนหย่งอัน โชคดีที่ระหว่างพวกนางไม่มีแม่น้ำกว้าง ( ทางช้างเผือก ) มาขวางกั้น หลินเว่ยเว่ยจึงคอยแวะเวียนไปหาที่ถนนหย่งอันเพื่อทำอาหารให้บัณฑิตน้อยอยู่เสมอ เขาจะได้ไม่หิวจนทนกับการสอบฮุ่ยซื่อทั้งเก้าวันที่เหมือนนรกนั้นไม่ไหว
บนถนนหย่งอัน หลินเว่ยเว่ยได้พบคนคุ้นหน้าคุ้นตามากมาย ที่ได้พบบ่อยครั้งหน่อยก็คือปลาพระจันทร์ผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการสอบเยวี่ยนซื่อหรือเซียงซื่อก็ล้วนเป็นรองให้เจียงโม่หานและที่บังเอิญยิ่งกว่าก็คือกู่เหนียงน้อยที่หลินเว่ยเว่ยเคยช่วยเอาไว้ตอนเทศกาลโคมไฟก็คือน้องสาวของหยานจิงหยูนั่นเอง
กู่เหนียงน้อยรู้จากพี่ชายว่าหลินเว่ยเว่ยมักจะมาที่ถนนหย่งอันบ่อยๆ จึงตามมาเพื่อขอบคุณหลินเว่ยเว่ยด้วยตัวเอง หลังจากได้ทานขนมที่หลินเว่ยเว่ยทำมาให้เจียงโม่หานแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ได้ผู้ติดตามมาอีกหนึ่งคน
บิดาของพี่น้องตระกูลหยานเป็นช่างชูแห่งกรมโยธาธิการนับเป็นขุนนางขั้นสอง กังหันน้ำกระดูกมังกรที่เจียงโม่หานทำออกมาก็ถูกหยานช่างชูจดจำเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะเขาจะสอบขุนนางแล้วล่ะก็ หยานช่างชูคงถวายฎีกาต่อฝ่าบาทให้เจียงโม่หานมาอยู่กรมโยธาธิการเป็นกรณีพิเศษไปแล้ว ดังนั้นหยานช่างชูจึงพึงพอใจที่เห็นหยานจิงหยูและเจียงโม่หานไปมาหาสู่กัน
ผู้เข้าสอบจากภาคเหนือที่หลินเว่ยเว่ยรู้จักอย่างเฝิงชิวฟานก็อยู่ในนั้นเช่นกัน การสอบเซียงซื่อที่เมืองเหอโจว เขาเองก็ติดอันดับเพียงแต่อยู่อันดับท้าย ๆ ทำให้ตอนอยู่ที่เขตเริ่นอันนั้นเฝิงชิวฟานเริ่มห่างกับเจียงโม่หานมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากสอบเป็นซิ่วไฉแล้ว เขาก็ไปเรียนที่สำนักศึกษาในตัวอำเภอ บุรุษทั้งสองจึงแทบจะขาดการติดต่อจากกันไปเลย
หลังจากที่ในเมืองหลวงมีข่าวว่าหลินเว่ยเว่ยกลายเป็น ‘องค์หญิงเว่ยเว่ย’ แล้ว เฝิงชิวฟานที่มารอสอบอยู่ในเมืองหลวงก็ได้เชิญบัณฑิตภาคเหนือสี่ห้าคนมาหาเจียงโม่หาน โดยใช้ข้ออ้างว่าต้องการขอคำชี้แนะจาก ‘เจี้ยหยวน’…คนผู้นี้เป็นพวกที่เห็นแก่ผลประโยชน์ นิสัยแก้ไม่หายจริง ๆ !
เจียงโม่หานยังไม่คิดจะฉีกหน้าอีกฝ่ายตอนนี้ เพราะชาติที่แล้วเฝิงชิวฟานก้าวหน้าในราชสำนักได้เพราะตำหนักหมินอ๋องคอยสนับสนุน แต่ในชาตินี้ได้สูญเสียแรงสนับสนุนจากตำหนักหมินอ๋องไปแล้วคงไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อีก !
ฮ่องเต้ต้องการดาบสักเล่มไม่ใช่หรือ ? เจียงโม่หานไม่รังเกียจที่จะผลักดันคนแซ่เฝิงผู้นี้ ชาติที่แล้วตนต้องก้าวเดินไปพร้อมความหวาดหวั่นบนคมดาบ ชาตินี้สมควรให้คนแซ่เฝิงได้ลิ้มรสดูบ้าง !
การสอบฮุ่ยซื่อจัดขึ้นในปลายเดือนสอง สภาพอากาศจึงไม่ค่อยดีสักเท่าไร อากาศที่เดิมทีอุ่นขึ้นกลับลดลงอย่างรวดเร็วก่อนการสอบ และก่อนวันสอบเพียงหนึ่งวันก็มีหิมะตกลงมาเสียได้
หลินเว่ยเว่ยที่ช่วยเจียงโม่หานจัดข้าวของสำหรับใช้ในการเข้าสนามสอบถึงขั้นขมวดคิ้วมุ่นพลางพร่ำบ่นว่า “สวรรค์บ้า จู่ ๆ ก็หนาวเหน็บขึ้นมา ไม่อยากให้พวกเจ้าที่เข้าสอบในรอบนี้ได้สอบอย่างสบายเลยหรือ ? ”
เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยที่ยิ่งเข้าใกล้การสอบก็ยิ่งกังวล เจียงโม่หานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปีนี้สามารถสวมชุดหนา ๆ เข้าสอบได้ก็นับว่าดีมากแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำได้เพียงสวมเสื้อบาง ๆ เพียงไม่กี่ชั้นเท่านั้น มีหลายครั้งที่บัณฑิตมากมายล้มป่วยก่อนสิ้นสุดการสอบด้วยซ้ำ”
หลินเว่ยเว่ยยัดถุงใบเล็กที่มีขนาดเท่าฝ่ามือหลายใบลงในตะกร้าเข้าสอบของเขาพลางเอ่ยเตือนว่า “นี่คือถุงร้อน หากเจ้ารู้สึกหนาวขึ้นมาก็ให้ยัดถุงนี้เข้าไปใต้เสื้อผ้าหนึ่งใบ จำไว้ว่าต้องมีเสื้อช่วยกั้นระหว่างผิวกับถุงร้อนอีกชั้นหนึ่งด้วย ไม่เช่นนั้นจะโดนลวกเอาได้”
“นี่คือผลงานที่เจ้าคิดค้นมาหลายเดือนอย่างนั้นหรือ ? ” เจียงโม่หานหยิบขึ้นมาหนึ่งใบ ก่อนยัดเอาไว้ที่บริเวณเข็มขัด ไม่นานก็รู้สึกว่าตรงนั้นร้อนวูบวาบ ราวกับยัดที่อุ่นมือหนึ่งอันเข้าไปในเสื้ออย่างไรอย่างนั้น เขาถึงขั้นหยิบถุงร้อนออกมาพิจารณาด้วยความตกใจเลยทีเดียว
หลินเว่ยเว่ยเผยท่าทางภูมิใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะย่นจมูกและเอ่ยว่า “ถุงร้อนเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น ที่สำคัญก็คือ ‘หม้อไฟสำเร็จรูป’ ต่างหาก ! ”
หลินเว่ยเว่ยหยิบผลงานที่น่าภาคภูมิใจของตนออกมาและแสดงวิธีใช้งานให้เจียงโม่หานดู สอนเขาใช้งานพลางบ่นเรื่องการสอบว่า “อากาศหนาวเช่นนี้ นอกจากเทียนแล้วไม่ให้จุดกองไฟ สวมเสื้อผ้าไม่อุ่น กินไม่อิ่ม ปฏิบัติราวกับผู้เข้าสอบไม่ใช่มนุษย์ ! ”
เจียงโม่หานจึงเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “การสอบขุนนางไม่เพียงอาศัยความรู้ความสามารถ แต่ยังต้องอาศัยโชคไม่น้อยด้วย มีคนเก่งหลายคนที่ได้เลขนั่งสอบไม่ดีหรือมีปัญหาสุขภาพจนทำให้สอบตก”
“บัณฑิตน้อย หากเจ้ารู้สึกไม่สบายขึ้นมาก็ไม่ต้องฝืน ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ย่อมมีความหวัง รออีกสามปีเท่านั้นเอง ! ” หลินเว่ยเว่ยเคยได้ยินเจียงโม่หานพูดว่าทุกปีจะมีผู้เข้าสอบป่วยแต่ฝืนทน หากโชคร้ายก็เสียชีวิตทั้งที่ยังไม่ทันออกจากสนามสอบด้วยซ้ำ นางมองร่างบอบบางของบัณฑิตน้อยแล้วอย่างไรก็ไม่อาจวางใจได้ !
หลินจื่อเหยียนที่อยู่ด้านข้างจึงเอ่ยว่า “พี่รอง พวกเราพูดสิ่งที่เป็นมงคลจะดีกว่าหรือไม่ ? พรุ่งนี้พี่เขยรองต้องเข้าสนามสอบแล้ว ท่านพูดจาเช่นนี้ช่างอัปมงคลยิ่งนัก ! ”
หลินเว่ยเว่ยรีบถุยน้ำลายลงพื้นหลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยกับเจียงโม่หานด้วยรอยยิ้มหวาน “มีถุงร้อนและหม้อไฟสำเร็จรูปของข้าแล้ว บัณฑิตน้อยจะต้องทำสำเร็จ ได้รับชัยชนะและติดอันดับเป็นจอหงวนแน่นอน…มา ข้าจะสอนวิธีใช้งานหม้อไฟสำเร็จรูปให้เจ้า ขั้นแรกให้นำถุงตาข่ายใส่ลงในกล่องเหล็กขนาดใหญ่ จากนั้นก็เติมน้ำลงไปแล้วนำกล่องเหล็กที่มีขนาดเล็กกว่ามาวางซ้อนไว้ด้านในอีกชั้น กล่องเหล็กขนาดเล็กสามารถเติมข้าวและน้ำลงไป…”
ขณะที่หลินเว่ยเว่ยอธิบายอยู่นั้น เจียงโม่หานก็ทำตามอย่างไม่อิดออด นางคอยเตือนบัณฑิตน้อยให้ระวังดี ๆ อย่าเผลอทำลวกมือตนเองเด็ดขาด มือของผู้เข้าสอบนับว่าล้ำค่ายิ่งนัก หากบาดเจ็บขึ้นมาก็ต้องเสียเวลาไปอีกสามปี…ถุย ถุย ถุย ! สวรรค์ได้โปรดคุ้มครองบัณฑิตน้อย ได้โปรดอวยพรให้การสอบครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นด้วยเถิด…
วันต่อมา หิมะหยุดตกแล้ว แต่อากาศก็ยังคงหนาวเหน็บและใช่ว่าผู้เข้าสอบจะสามารถซื้อผ้าขนแกะมาทำเสื้อตัวนอกได้ทุกคน ผู้เข้าสอบที่สวมชุดบาง ๆ เหล่านั้นล้วนตัวสั่นท่ามกลางลมหนาว หลินเว่ยเว่ยที่มาส่งเจียงโม่หานเข้าสนามสอบแค่มองก็ยังรู้สึกหนาวแทน
นางหยิบถุงร้อนออกมาให้เจียงโม่หานยัดเข้าอกเสื้อและแผ่นหลัง “แถวเข้าสนามสอบทางด้านหน้ายาวเพียงนั้น ต้องใช้ถุงร้อนทำให้ร่างกายอบอุ่นเข้าไว้ อย่าปล่อยให้ตัวเองหนาวเด็ดขาด ! ”
เจียงโม่หานเขย่าเสื้อคลุมตัวหนาแล้วลูบศีรษะน้อย ๆ ของนางพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่หนาวแล้ว แต่เหตุใดรู้สึกว่าเจ้าตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก ? ”
“ข้าไม่ตื่นเต้น เจ้าก็ไม่ต้องตื่นเต้น ! ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสอบผ่านแน่นอน ! ” หัวใจของหลินเว่ยเว่ยเหมือนมีบางอย่างมากดทับเอาไว้ นางสูดหายใจเข้าลึก พยามยามระงับความตื่นเต้นภายในใจเพราะเกรงว่าจะแพร่ไปสู่เจียงโม่หาน
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่บัณฑิตน้อยเข้าสู่สนามสอบ หลินเว่ยเว่ยยืนมองส่งเขาเข้าสนามสอบจนแผ่นหลังของอีกฝ่ายหายลับไปหลังประตูที่เปิดกว้าง…