หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 586 เสี่ยวซานหยวนไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 586 เสี่ยวซานหยวนไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป

หยานจิงหยูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็ช่างไม่ดูเลยว่าเถ้าแก่เนี้ยของร้านเถียนมี่ฉือกวงเป็นใคร ! ”

“ใครหรือ ? ” บัณฑิตท่านนั้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่แค่ตา ! ” หยานจิงหยูทำท่าทางพยักพเยิดไปทางหลินเว่ยเว่ย “ขนมรูปแบบใหม่ทั้งหมดของร้านเถียนมี่ฉือกวงล้วนมาจากฝีมือขององค์หญิงเว่ยเว่ย ! ”

เอ่ยจบก็ยื่นมือไปยังขนมอีกชนิดที่ไม่เคยชิมมาก่อน…‘อืม อร่อยมาก ! ’

เหล่าบัณฑิตที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ต่างก็หันไปมองทางกู่เหนียงน้อยที่ยิ้มอย่างเจิดจ้า ร้านเถียนมี่ฉือกวงเป็นกิจการขององค์หญิงเว่ยเว่ยอย่างนั้นหรือ ?

นับตั้งแต่ร้านเถียนมี่ฉือกวงเปิดกิจการในวันที่ยี่สิบหก เดือนสิบสอง เป็นต้นมา ภายในระยะเวลาแค่สามเดือนก็สามารถเอาชนะร้านขนมเก่าแก่ของเมืองหลวงจำนวนมากมายลงได้ และกลายเป็นร้านขนมเจ้าใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เป็นที่กล่าวถึงในงานพิธีปักปิ่นขององค์หญิงเว่ยเว่ย ดึงดูดสตรีสูงศักดิ์และเหล่าฝูเหรินในเมืองหลวงได้เป็นจำนวนมาก…

ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะไปเยี่ยมญาติสนิทมิตรสหายหรือต้อนรับแขก หากไม่มีขนมของร้านเถียนมี่ฉือกวงก็ถือเป็นเรื่องเสียหน้าอย่างมากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้

ของที่นิยมใช้ในการเยี่ยมญาติสนิทมากที่สุด ไม่ใช่อัญมณีหรือผ้าไหมล้ำค่า แต่เป็นขนมของร้านเถียนมี่ฉือกวง เพราะขนมของร้านนี้ในทุกวันจะวางขายจำนวนจำกัด แต่ละชนิดมีเพียง 200 ชิ้นเท่านั้น ขายหมดแล้วไม่มีการทำเพิ่ม หากอยากกินก็ทำได้เพียงรอวันถัดไปเท่านั้น

กลยุทธ์ด้านการตลาดเช่นนี้ทำให้ร้านเถียนมี่ฉือกวงโด่งดังขึ้นอีกหลายเท่า สิ่งที่ต้องการแต่ไม่สามารถครอบครองได้ย่อมล้ำค่าที่สุด หากนำขนมของร้านเถียนมี่ฉือกวงไปเยี่ยมแล้วก็จะได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความจริงใจ ดังนั้นจึงทำให้ร้านเถียนมี่ฉือกวงได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก

การผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วของร้านเถียนมี่ฉือกวงทำให้คนจำนวนไม่น้อยคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าใครอยู่เบื้องหลังร้านขนมนี้กันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นบุตรสาวที่ตำหนักหมินอ๋องเพิ่งหาตัวพบ องค์หญิงเว่ยเว่ยที่ฮ่องเต้เป็นผู้แต่งตั้ง !

เหล่าบัณฑิตเมืองหลวงกินขนมไปหนึ่งคำ ‘อืม’ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดร้านเถียนมี่ฉือกวงจึงสามารถเป็นที่นิยมในเมืองหลวงได้รวดเร็วเช่นนี้ ช่างอร่อยจริง ๆ ! ’

“ประกาศผลแล้ว ประกาศผลสอบแล้ว ! ! ” เมื่อเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา สายตาของทุกคนในหอจอหงวนก็ล้วนมองไปยังกระดานที่ติดประกาศยังฝั่งตรงข้าม ทหารกลุ่มหนึ่งคุ้มกันเจ้าหน้าที่ฝ่าฝูงชนเข้าไปเพื่อนำรายชื่อมาติดบนกระดานประกาศผล

ทันใดนั้น กลุ่มคนที่รออยู่บริเวณป้ายประกาศก็ราวกับน้ำหนึ่งหยดตกสู่น้ำมันร้อน ๆ ในกระทะ ทุกคนกรูเข้าไปยังกระดานประกาศผล หนึ่งในนั้นมีซัวถัวและหลินจื่อเหยียนที่ไม่ยอมนั่งรออยู่เฉย ๆ ด้วยกัน

หากไม่ใช่เพราะเจียงโม่หานกุมมือของหลินเว่ยเว่ยที่ใต้โต๊ะเอาไว้แน่น นางคงอดใจรอไม่ไหวแล้วพุ่งตัวไปที่กระดานประกาศผลตั้งนานแล้ว พลังของนางแข็งแกร่งกว่าผู้ใดย่อมสามารถแหวกเข้าไปถึงหน้ากระดานได้ในทันที และกลับมายังหอจอหงวนได้อย่างรวดเร็ว นางหวังว่าจะได้เป็นคนบอกอันดับรายชื่อของบัณฑิตน้อยด้วยตัวนางเอง !

บนเก้าอี้ราวกับมีตะปูตอกเอาไว้ หลินเว่ยเว่ยจึงลุก ๆ นั่ง ๆ แบบอยู่ไม่สุข แต่ไม่ใช่มีเพียงนางคนเดียวเพราะเหล่าบัณฑิตในหอจอหงวนแม้จะฝืนข่มใจให้สงบเพียงใด ทว่าก็ยังกุมถ้วยชาในมือแน่นจนสั่นเล็กน้อยอีกด้วย การรอคอยนับเป็นความทรมานรูปแบบหนึ่ง…

เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ แต่สำหรับพวกเขายาวนานยิ่ง…

ในที่สุดก็มีคนพุ่งตัวออกมาจากกลุ่มคนที่กระจุกกันอยู่ตรงหน้าป้ายประกาศพร้อมวิ่งมาที่หอจอหงวนอย่างรวดเร็ว สายตาของบัณฑิตทั้งหมดจดจ้องไปที่เขา เด็กน้อยรูปร่างแข็งแกร่งผู้นี้วิ่งเข้ามาในหอจอหงวนอย่างรวดเร็ว ปากก็ตะโกนเสียงดังว่า “ข่าวดี ! ขอแสดงความยินดีกับเจียงโม่หานแห่งอำเภอเป่าชิง ได้อันดับหนึ่งของการสอบ ! ”

“ติดแล้ว ! บัณฑิตน้อยเจ้าสอบติดแล้ว ! แถมได้ที่หนึ่งอีกด้วย ! ” หลินเว่ยเว่ยดึงมือออกจากการเกาะกุมของเจียงโม่หานด้วยความดีใจ ก่อนจะกระโดดจนตัวลอยแล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ เขาถึงสองรอบ พลางกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

มุมปากของเจียงโม่หานโค้งขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่มองหลินเว่ยเว่ยเปล่งประกายระยิบระยับ ใช่แล้ว เขาสอบติดแล้ว สมความปรารถนาในชาติก่อนของเขาแล้วเช่นกัน เกียรติยศนี้ไม่ใช่ของเขาแต่เพียงผู้เดียว ทว่าต้องยกความดีความชอบให้คู่หมั้นครึ่งหนึ่งด้วย !

“ยินดีด้วยน้องเจียง ! ” หยานจิงหยูเป็นคนแรกที่เข้ามาแสดงความยินดี นับตั้งแต่การสอบเยวี่ยนซื่อ เขาก็มักจะถูกเจ้าเด็กอัจฉริยะที่อายุน้อยกว่าสี่ปีผู้นี้เอาชนะอยู่เสมอ ความเก่งกาจที่น่าตกตะลึงเช่นนี้เกิดมาเพื่อเอาชนะจริง ๆ โชคดีที่เขาชินกับอันดับที่สองตลอดกาลเสียแล้ว…แค่ก แค่ก คำพูดนี้ยังเร็วเกินไป บัณฑิตของเมืองหลวงและภาคใต้ที่เก่งกาจมีมากมาย เขาจะสามารถรักษาอันดับที่สองเอาไว้ได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย

ขณะที่เหล่าบัณฑิตกำลังแสดงความยินดีต่อเจียงโม่หานอยู่นั้น หลินเว่ยเว่ยก็รับถุงเงินมาจากมือของชุนซิ่ง ก่อนยัดใส่มือให้คนที่มาแจ้งข่าว เพราะการสอบจอหงวนจึงทำให้เกิดอาชีพใหม่ขึ้น คนแจ้งข่าวดีเหล่านี้โดยปกติแล้วเป็นคนหนุ่มที่มีรูปร่างแข็งแรง เมื่อแจ้งข่าวดีกับบัณฑิตสำเร็จแล้วจะได้ค่าตอบแทนห้าตำลึง เทียบเท่ากับคนธรรมดาที่ต้องทำงานเกือบครึ่งปีเลยทีเดียว !

แน่นอนว่ามีคนที่จ่ายหนักยิ่งกว่านั้น ตัวอย่างเช่นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งคนใหม่ตรงหน้าผู้นี้ คนแจ้งข่าวลองชั่งน้ำหนักถุงเงินในมือ เกรงว่าจะมีถึงยี่สิบตำลึงเลยทีเดียว !

แต่การทำอาชีพเช่นนี้ของพวกเขาก็ไม่ง่ายเลย ดูได้จากผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยและรองเท้าที่หายไปข้างหนึ่งก็พอจะยืนยันได้แล้ว

“พี่รอง ! ติดแล้ว ! พี่เขยรองสอบได้อันดับหนึ่ง ! ” หลินจื่อเหยียนที่หมวกบิดเบี้ยวก็รีบวิ่งเข้ามาในหอจอหงวนเพื่อแจ้งข่าวดีให้พี่สาวได้ทราบ

หลินเว่ยเว่ยกลอกตามองบนใส่เขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าทำอะไรชักช้าเสียจริง รอเจ้ามาแจ้งข่าวดี ดอกไม้จีน ( จำฉ่าย ) เย็นหมดแล้ว1 ! ” สายตาของนางเต็มไปด้วยความดูแคลน แขนขาเล็กเช่นนี้คงทำได้เพียงตวัดพู่กันเท่านั้น ช่างเป็นบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ !

เหล่าบัณฑิตในหอจอหงวน “…”

หลินจื่อเหยียนหัวเราะแฮะแฮะ แล้วมองไปทางหยานจิงหยู “พี่หยาน ท่านได้อันดับสอง” ฮี่ฮี่ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาแพ้ให้กับพี่เขยรอง สมกับเป็นที่สองตลอดกาลจริง ๆ

ทว่าที่สองตลอดกาลอย่างหยานจิงหยูรู้สึกดีใจมาก เขามองไปยังหลินจื่อเหยียนด้วยสายตาหยอกล้อ “ข้าต้องให้เงินค่าแจ้งข่าวดีกับเจ้าหรือไม่ ? ”

การเขียนบทความของบัณฑิตภาคเหนือไม่โดดเด่น อย่าว่าแต่สู้กับงานของบัณฑิตทางใต้เลย แม้แต่ของบัณฑิตเมืองหลวงก็ยังสู้ไม่ได้ การสอบครั้งก่อน ๆ ในบรรดาสามร้อยคน หากบัณฑิตภาคเหนือสามารถติดอันดับได้สามถึงห้าคนก็นับว่าไม่เลวแล้ว การจะติดสามอันดับแรกยิ่งเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่คาดไม่ถึงว่าปีนี้ทั้งสองอันดับแรกล้วนมาจากเมืองจงโจว ช่างเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้แก่บัณฑิตภาคเหนืออย่างมาก ดังนั้นบัณฑิตภาคเหนือที่ร่วมโต๊ะด้วยกัน แม้จะรู้สึกอิจฉาแต่ก็รู้สึกดีใจแทนพวกเขาอย่างมาก

“ข่าวดี ยินดีกับหยานจิงหยูจากเมืองจงโจว สอบได้อันดับสอง ! ” ผู้แจ้งข่าวดีเห็นหลินจื่อเหยียนไปรับถุงเงินในมือของหยานจิงหยูด้วยสายตาหยอกล้อแล้ว เขาก็นิ่งไปทันที เจ้าเด็กคนนี้เป็นใคร ? โผล่มาจากที่ใด ? ถึงได้มาแย่งอาชีพเขาเช่นนี้ ช่างไร้จรรยาบรรณจริง ๆ !

บ่าวรับใช้ของหยานจิงหยูจึงนำถุงเงินวางใส่มือของเขา พลันสายตาเกรี้ยวกราดของผู้แจ้งข่าวดีก็มลายหายไปแล้วจากไปอย่างดีใจ เหล่าบัณฑิตร่วมโต๊ะก็แสดงความยินดีกันอีกครั้ง

อันดับสามและอันดับสี่ก็เป็นผู้ที่เข้าร่วมสอบหน้าใหม่เช่นกัน มือทั้งสองข้างของหยวนเจี๋ยจับกันแน่น ภายในใจตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ รอบนี้มีผู้เข้าสอบที่โดดเด่นเช่นเจียงโม่หาน บัณฑิตหยวนจึงอยากให้บุตรชายรอไปอีกสักสามปีเพื่อจะได้สอบติดอันดับหนึ่ง แต่หยวนเจี๋ยยืนยันที่จะเข้าร่วมให้ได้

เป็นบัณฑิตแล้วหากไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา อนาคตจะยืนหยัดเป็นขุนนางได้อย่างไร ? ยังไม่ทันลงแข่งก็ยอมแพ้เสียแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่นิสัยของเขา

[i]

1ดอกไม้จีนเย็นหมดแล้ว หมายถึง ช้าเกินไป สายเกินไปแล้ว

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท