ตอนที่ 588 ข้าชอบการสารภาพรักเช่นนี้
ภายในหทัยของฮ่องเต้หยวนชิงรู้สึกไม่พอพระทัยสักเท่าไรนัก…ทำไม ? ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเหมือนบิดาของเจ้าอย่างนั้นหรือ !
ฮ่องเต้ชราพระองค์นี้ก็เจ้าโทสะเหลือเกิน็ คนที่ตื่นเต้นยามเห็นพระองค์ก็บ่นว่าไร้สมาธิ ส่วนคนที่ไม่รู้สึกอะไรยามเห็นพระองค์ก็ตำหนิว่าไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา…ช่างเอาพระทัยยากยิ่งนัก !
หลังจากการสอบหน้าพระที่นั่งจบลง ก็มาถึงขั้นตอนการตรวจข้อสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน คำตอบของเจียงโม่หานทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ขุนนางผู้ตรวจข้อสอบ แนวความคิดของเขารุนแรงเกินไปในสายตาของขุนนางฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางคน แต่ในสายตาของกลุ่มคนทำงานและนักปฏิรูปแล้วเหมือนทองคำที่เปล่งประกายอย่างไรอย่างนั้น ทุกถ้อยคำล้วนยอดเยี่ยมยิ่งนัก !
จนสุดท้ายฮ่องเต้หยวนชิงก็พยายามหักล้างข้อโต้แย้งต่าง ๆ และทำให้เจียงโม่หานได้เป็นจอหงวน (ผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของการสอบเตี้ยนซื่อ) ! ภายในหทัยของฮ่องเต้หยวนชิงดำริว่า ‘ด้วยหน้าตาเฉยชาอย่างเขา อย่างมากก็เป็นได้แค่ทั่นฮวา (ผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับสาม รองจากตำแหน่งปั้งเหยี่ยน) เท่านั้น แต่บทความที่เขาตอบมานั้นถูกใจเจิ้นยิ่งนัก หากไม่ให้เขาเป็นจอหงวน เจิ้นคงรู้สึกผิดแน่นอน’
การให้เจียงโม่หานขึ้นเป็นจอหงวน นับเป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้หยวนชิงยอมขัดแย้งกับขุนนางฝ่ายอนุรักษ์นิยมและแสดงออกอย่างชัดเจนถึงจุดยืนของพระองค์ที่จะทำให้แผ่นดินต้าเซี่ยกลายเป็นแคว้นมหาอำนาจทางตะวันออก ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปฏิรูปเพื่อแก้ไขปัญหา !
ส่วนตำแหน่งปั้งเหยี่ยน (ผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับสอง รองจากตำแหน่งจอหงวน) ได้แก่ ผู้สอบได้อันดับสองในการสอบฮุ่ยซื่อ นามหยานจิงหยู ส่วนตำแหน่งทั่นฮวา…ได้แก่บุตรชายของบัณฑิตหยวนซึ่งหน้าตาก็นับว่าไม่เลว การตอบคำถามนับว่าโดดเด่น ให้ครองตำแหน่งทั่นฮวาไปแล้วกัน !
การสอบขุนนางของราชวงศ์ต้าเซี่ย ประจำรัชสมัยหยวนชิงปีที่หก ผู้สอบได้สามอันดับแรกล้วนเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา หยานจิงหยูที่มีอายุมากสุดก็เพิ่งจะผ่านพิธีสวมกวานเมื่อไม่นานมานี้เอง !
ตอนที่ขบวนแห่เคลื่อนไปบนท้องถนน เหล่าสตรีบนร้านอาหารตลอดสองฝั่งถนนก็แทบคลั่ง ! ดอกไม้ ถุงหอม ผ้าเช็ดหน้า ป้ายหยก…ต่างก็ถูกโยนลงมาให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งทั้งสามราวกับสายฝนก็ไม่ปาน
ผู้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดย่อมเป็นจอหงวนผู้มีใบหน้าหล่อเหลากว่าใคร ! ไม่ว่าจะเป็นสตรีทั่วไปหรือสตรีในตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงที่อยู่สองฟากของถนนล้วนไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย พวกนางตะโกนร้องเรียก ‘ท่านจอหงวน’ หวังว่าจะได้รับความสนใจจากเขา
ทว่าท่านจอหงวนที่อายุยังน้อยและมีใบหน้างดงามกลับทำตัวเหมือนพระโพธิสัตว์ที่แสนสงบนิ่ง เอาแต่นั่งอยู่บนหลังม้าและมองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ หยานจิงหยูและหยวนเจี๋ยรับดอกไม้ที่ไม่รู้ว่าใครโยนมาแล้วทัดหูเอาไว้พลางขยิบตาเป็นเชิงหยอกล้อให้แก่กัน
“มาแล้ว มาแล้ว ! ” ในห้องมุมดีที่สุดบนชั้นสองของโรงน้ำชาจวินเยว่ หลินจื่อเหยียนยื่นลำตัวครึ่งหนึ่งออกมาจากหน้าต่างโดยมีติงหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างคอยชำเลืองมองเขาเป็นระยะ เพราะกังวลว่าเขาจะไม่ทันระวังแล้วตกหน้าต่างลงไป
หลินเว่ยเว่ยที่เฝ้ารออย่างร้อนใจมานาน เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบพุ่งไปยังริมหน้าต่างพลางผลักน้องชายไปอยู่อีกด้านแล้วยื่นศีรษะของตัวเองออกไป “หมู่เฟย ขบวนแห่มาแล้วเพคะ ทอดพระเนตรตรงนั้นสิ คนที่อยู่บนหลังม้าตัวสีน้ำตาลเข้มก็คือบัณฑิตน้อยของเราไม่ใช่หรือเพคะ ? ”
หลินจื่อเหยียนถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่ากู่เหนียงน้อย หน้าต่างบานหนึ่งถูกหลินเว่ยเว่ยยึดเอาไว้ อีกบานหนึ่งมีหมินหวางเฟยยืนอยู่ ส่วนสองบานที่เหลือก็มีติงหลิงเอ๋อร์ ชิงหลีจวิ้นจู่ องค์หญิงเจียวเจียวและหยานชิงชิง (น้องสาวของหยานจิงหยู) ยึดครอง หลินจื่อเหยียนจึงได้แต่หลบอยู่ข้างกายพี่สาวอย่างน่าสงสารพลางยื่นคอออกไปด้านนอก…
ขบวนแห่ค่อย ๆ เข้าใกล้โรงน้ำชาจวินเยว่ ห้องทั้งด้านซ้ายและด้านขวาต่างก็มีเสียงแหลมที่เต็มไปด้วยความดีใจดังออกมา หลินเว่ยเว่ยก็ไม่ยอมแพ้ นางส่งเสียงตะโกนไปยังท่านจอหงวนที่นำขบวนอยู่ “ท่านจอหงวนหล่อเหลือเกิน ! ท่านจอหงวน ข้าชอบท่าน ! ท่านจอหงวน ข้าจะแต่งงานกับท่าน ! ! ”
เสียงแหลมเล็กของห้องด้านข้างพลันเงียบลง ส่วนจิ้นซื่อ (บัณฑิตชั้นสูง) หลายคนที่เดินตามอยู่ด้านหลังขบวนต่างเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่ดังลงมาอย่างพร้อมเพรียง สวรรค์ ! สตรีสมัยนี้ใจกล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? นี่จะตรงเกินไปหน่อยกระมัง ?
หยานจิงหยูและหยวนเจี๋ยจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร จึงกลอกตามองบนแบบไม่ได้นัดหมาย ‘สองคนนี้แสดงความรักต่อกันอีกแล้ว ! องค์หญิงเว่ยเว่ย ท่านอยากอภิเษกกับคู่หมั้นก็กลับไปบอกที่บ้าน อย่ามาทำร้ายคนไร้คู่บนถนนเช่นนี้จะได้หรือไม่ ? ’
เจียงโม่หานก็ได้ยินเสียงของคู่หมั้นเช่นกัน แม้ภายในใจจะรู้สึกเอือมระอาอยู่บ้าง แต่สายตากลับเปล่งประกายอ่อนโยนออกมา ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยสงวนท่าที แต่ข้าชอบการสารภาพรักเช่นนี้ !
เมื่อมาถึงด้านล่างของโรงน้ำชาจวินเยว่ เขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ในสายตาและหัวใจของเขามีเพียงร่างระหงร่างนั้นที่โผล่ออกมานอกหน้าต่างครึ่งหนึ่ง
“กรี๊ด…” ห้องของโรงน้ำชาจวินเยว่ที่อยู่ติดกับถนนอีกหลายห้องก็พลันมีเสียงแหลมสูงของเหล่าสตรีดังขึ้น “ท่านจอหงวนมองข้าแล้ว ! ท่านจอหงวนรูปงามมาก ! ท่านจอหงวนได้โปรดรับดอกไม้ของข้าด้วย…”
หลินเว่ยเว่ยเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะทำท่าทางเกรี้ยวกราดใส่สตรีนางหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างบานข้าง ๆ “พูดเหลวไหลอะไร ? ท่านจอหงวนกำลังมองเจ้าหรือ ? เขากำลังมองข้าต่างหาก ! พวกเจ้าเป็นบุตรสาวบ้านไหน ระวังจะโดนเปิ่นกงจู่ทุบเข้าให้ ! ”
องค์หญิงเจียวเจียวก็ชะโงกพระพักตร์ออกไปพลางตรัสสำทับว่า “ใช่ ใช่ ! กล้าอยากได้พี่เขยของข้า พี่เว่ยเว่ยทุบให้นางเสียโฉมจนมารดาที่บ้านจำไม่ได้ไปเลย ! ! ”
“พวกเจ้าตะโกนอะไร ? ไม่รู้หรือว่าท่านจอหงวนมีเจ้าของแล้ว ? เขาต้องทัดดอกไม้ที่คู่หมั้นอย่างข้ามอบให้เท่านั้น ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดข่มสตรีห้องข้าง ๆ เสร็จก็ก้มลงไปส่งยิ้มหวานให้เจียงโม่หานที่อยู่ด้านล่างและเอ่ยว่า “ท่านจอหงวน ท่านกำลังมองข้าใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ ! ” เจียงโม่หานยิ้มเล็กน้อย เรียกเสียงกรีดร้องด้วยความหลงใหลได้ทันที
หลินเว่ยเว่ยโยนดอกกุหลาบสีแดงในมือให้เขาพลางมองเขาเอาดอกไม้ทัดบนหมวกจอหงวน ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านจอหงวนได้โปรดหยุดก่อน ฟังข้าร้องเพลงสักเพลงเถิด ? ”
เจียงโม่หานกระตุกบังเหียนเบา ๆ เหล่าจิ้นซื่อที่ตามมาทางด้านหลังก็ชะลอฝีเท้าลง ด้านบนมีเสียงร้องเพลงอันไพเราะดังขึ้น “ถอนใจอย่างไร เมื่อภูผามีต้นไม้ ต้นไม้มีกิ่งก้าน ยามดวงใจข้ามีท่าน ไยท่านจึงไม่รู้ ชาติก่อนข้าทำผิดต่อท่านมากเหลือเกิน ข้าถอนใจท่องบทกวีพลางเหม่อมองจันทรา สายเกินไปที่จะอยู่เคียงข้างท่าน เหลือเพียงพบเจอกันอีกคราในความฝัน…” ( เพลงถอนใจอย่างไร ศิลปิน เจิ้งอวี่ )
เมื่อฟังเพลงที่หลินเว่ยเว่ยร้องจนจบแล้ว เจียงโม่หานก็ตะโกนตอบนางว่า “ใจข้าก็เช่นกัน ! ”
ชาติก่อนเขาคลาดจากนาง ชีวิตจึงมีแต่ความมืดมนและหนาวเหน็บ ชาตินี้ต่อให้มีชีวิตที่ดีอย่างไรก็สู้การได้รู้จักและอยู่เคียงข้างนางไม่ได้ ต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องพบกันในความฝันอีกแล้ว เหลือเพียงจับมือและก้าวผ่านไปด้วยกัน !
หลินเว่ยเว่ยที่ได้รับคำตอบแล้วจิตใจพลันสงบลง ก่อนประกาศความเป็นเจ้าของ “ว่าที่สามี ชีวิตที่เหลือได้โปรดชี้แนะข้าด้วย ! ”
เจียงโม่หานจึงตอบนางว่า “ว่าที่ภรรยา ชาตินี้ข้าจะรักเจ้าเพียงคนเดียว ! ”
ท่านจอหงวนเอ่ยสารภาพรักกับว่าที่ภรรยาต่อหน้าหญิงสาวมากมายในเมืองหลวง เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้ทั่วทั้งถนนเจิ้งหยางเต็มไปด้วยความริษยา ทุกคนพากันอิจฉาตาร้อนไปหมด !
เจียงโม่หานไม่สามารถล่าช้าไปกว่านี้ได้อีก เขาจึงมองหลินเว่ยเว่ยด้วยแววตาลึกซึ้งอีกครั้ง ก่อนกระตุกบังเหียนเพื่อเดินหน้าต่อ หยานจิงหยูที่อยู่เยื้องไปด้านข้างก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาทันที ‘น้องชาย เจ้าก็ไม่เลวทีเดียว ปกติเห็นทำตัวเย็นชา คาดไม่ถึงว่าจะเกี้ยวพาสตรีเก่งเช่นนี้ คนเราตัดสินกันที่หน้าตาไม่ได้จริง ๆ ! ’
หยานชิงชิงมองกลุ่มจิ้นซื่อที่เดินผ่านด้านล่างอย่างครึกครื้น ก่อนจะก้มมองดอกไม้ในมือของตน พลางนึกขึ้นได้ว่า “เฮ้อ ลืมโยนดอกไม้ให้พี่ชายของข้าเลย พี่เว่ยเว่ย เป็นเพราะท่าน ข้าถึงลืมไปเสียสนิท ! ”
ติงหลิงเอ๋อร์ทำสีหน้าเพ้อฝันพลางกุมใบหน้าของตัวเอง ดวงตาเป็นประกาย “เฮ้อ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรักสินะ ตอนนี้ข้าเชื่อในเรื่องความรักแล้ว ! ”
หลินจื่อเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าเพิ่งอายุเท่าไรเอง ? พูดราวกับตัวเองเคยผิดหวังจากความรักมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น ! ”