ตอนที่ 593 เหตุใดยังกัดไม่ปล่อย
แม่ทัพหลินหดหู่กว่าเดิมทันที เขายกความหวังสุดท้ายไปฝากไว้ที่หลินจื่อเหยียน…‘ต้าฮว๋า ตอนเด็ก ๆ พ่อรักเจ้าที่สุด เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของบ้าน ช่วยแสดงความเห็นออกมาหน่อยเถิด ! ’
หลินจื่อเหยียนหลบสายตาของบิดาพร้อมบ่นออกมาเบา ๆ ว่า “ท่านอาจารย์บอกว่าการเรียนของข้าพอใช้ได้ แต่วิสัยทัศน์ยังไม่กว้าง ข้าอายุน้อย พี่รองกับท่านแม่ไม่อยากให้ข้าออกไปเผชิญใต้หล้าคนเดียว ข้าจึงจะไปหาประสบการณ์ที่โน้นด้วยอีกคน มีพี่เขยรองคอยช่วยชี้แนะ ก็ไม่ต้องกลัวเสียการเรียนด้วย…”
การอยู่ในเมืองหลวงต่อ เขาจะเป็นแค่บุตรขุนนางฝ่ายบู๊ขั้นสี่เท่านั้น ในเมืองหลวงมีขุนนางขั้นสองและขั้นสามมากมายบนท้องถนน บุตรขุนนางขั้นสี่มีเยอะจนเห็นได้ทั่วไป หากตามพี่รองไปภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็มีนางคอยปกป้อง เขาไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ท่านพ่อ ข้าขอโทษ…
แม่ทัพหลิน “…” มีความรู้สึกเหมือนโดนทรยศ !
ทันใดนั้น คู่บ่าวสาวหลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หานก็เข้ามาพอดี เพิ่งเดินเข้ามาแล้วหลินเว่ยเว่ยก็สัมผัสได้ถึงสายตาขุ่นเคือง นางจึงหันไปมองและทันใดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว “แม่ทัพหลิน เหตุใดท่านก็อยู่ด้วย ? ไม่ต้องไปทำงานหรอกหรือ ? ”
แม่ทัพหลินพูดอย่างแผ่วเบา “บุตรสาวออกเรือน จะไม่ให้บิดามีส่วนร่วมได้อย่างไร ? ”
“แม่ทัพหลิน เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับหรือเปล่า ? เหตุใดจึงดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ? ข้ามีชาผลไม้เพิ่มความสดชื่นอยู่ ขายโถละ 10 ตำลึง ท่านจะรับไปดื่มสักสองสามโถหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยใช้โอกาสนี้โฆษณาสินค้าของตน
“ข้าเป็นพ่อของเจ้า เงินแค่ 10 ตำลึงก็ยังกล้ามาเรียกเก็บกับพ่อ ? ” แม่ทัพหลินเริ่มเสียดายสินเดิมจำนวนมหาศาลที่ตัวเองส่งมา ข้าเอามาให้สุนัขกินสิท่า ! ของดีที่ได้มาจากตงหูก็ถูกยกให้เด็กคนนี้ทั้งหมด แต่เงินก้อนน้อยจำนวนแค่ 10 ตำลึงยังกล้าเรียกเก็บจากบิดาตัวเอง ?
หลินเว่ยเว่ยพูดพร้อมยิ้มแก้มปริ “ข้าแค่พูดถึงประโยชน์ของชาผลไม้ให้ท่านฟังเท่านั้น ถ้าข้างกายท่านมีสหายหรือสหายร่วมงานที่เหนื่อยล้าจากการนอนไม่พอก็จะได้ช่วยข้าแนะนำสินค้าแล้ว ข้าจะให้เงินส่วนแบ่งท่านโถละ 1 ตำลึง ! ”
“เจ้ารอง เจ้าต้องบอกพ่อให้ชัดเจนขนาดนี้เลยใช่หรือไม่ ? ” เสียงของแม่ทัพหลินเจือด้วยความเศร้าเล็กน้อย ก็แค่ไปหลงเชื่อผู้หญิงผิดคนไม่ใช่หรือ ? เขาไม่ได้มีอะไรกับนางจริง ๆ แค่ดูแลภรรยาม่ายของสหายเท่านั้น แล้วเหตุใดยังกัดไม่ปล่อยแบบนี้ ?
“พี่รอง เมื่อครู่เขาใช้โอกาสที่ท่านไม่อยู่มายุยงให้ท่านแม่อยู่ต่อที่เมืองหลวง ! ” เจ้าหนูน้อยฟ้องต่อหน้าแม่ทัพหลินด้วยความมั่นอกมั่นใจ หากมารดาเลือกจะอยู่ต่อ เขาก็ไม่ได้ไปอำเภอหนิงซีกับพี่รองแน่นอน ไม่ได้ เขาต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับพี่รอง
แม่ทัพหลินยื่นมือออกไปดึงตัวเจ้าหนูน้อยเข้ามาหาแล้วตีก้นเขาเบา ๆ “เด็กขี้ฟ้อง ! สิ่งใดเรียกว่า ‘ยุยง’ ? แม่ของเจ้าเป็นภรรยาของพ่อ จะอยู่ข้างกันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ ! ”
“ท่านมีหลักฐานอะไร ? ท่านมีทะเบียนสมรสหรือไม่ ? ” เจ้าหนูน้อยพยายามดิ้นแล้วเข้าไปหลบหลังกระโปรงของพี่รอง ก่อนจะยื่นหน้ามาแลบลิ้นให้แม่ทัพหลิน อย่างไรแม่ทัพหลินก็สู้พี่รองไม่ได้ พี่รองเป็นยันต์คุ้มภัยของเขา !
ทะเบียนสมรส ? ทะเบียนสมรสหายไปตั้งแต่หนีภัยสงครามแล้ว จะให้เขาไปหาทะเบียนสมรสมาจากที่ไหน ? เจ้าเด็กแสบ เป็นพวกเดียวกันกับเจ้ารอง หากสามวันไม่ตี เด็กซนจะปีนหลังคาเลาะกระเบื้อง…แม่ทัพหลินเริ่มม้วนแขนเสื้อขึ้น
“พี่รอง ช่วยข้าด้วย ! ” เจ้าหนูน้อยเข้าไปซ่อนด้านหลังของหลินเว่ยเว่ยโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวอย่างแท้จริง
นางหวงพูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง “เลิกทะเลาะกันเสียที เจ้ารองควรยกน้ำชาคารวะแม่สามีได้แล้ว…”
ทันใดนั้นสาวใช้ในเรือนก็ยกม่านประตูขึ้นแล้วทำความเคารพ “หมินอ๋องและหมินหวางเฟยเสด็จเจ้าค่ะ ! ”
นี่บุตรสาวเพิ่งออกเรือนมาแค่คืนเดียว หมินอ๋องกับหมินหวางเฟยก็ตามมาเยี่ยมบ้านลูกเขยแล้ว รักบุตรสาวแต่ก็ไม่ควรรักแบบนี้ ! ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง !
นางเฝิงรีบลุกขึ้นไปต้อนรับ…คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตัวนางเองจะไม่รู้หรือ ? หมินหวางเฟยมาเพราะอยากดื่มชาของลูกสะใภ้ต่างหาก !
ท้ายที่สุด ‘บิดา’ ‘มารดา’ ทั้งห้าก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องโถง จากนั้นเจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ย…ก็เริ่มยกน้ำชาคารวะทีละคน
“ฟู่หวาง หมู่เฟยเชิญดื่มชาเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ ! ”
“แม่สามีเชิญดื่มชาเจ้าค่ะ/ขอรับ ! ”
“ท่านแม่…ท่านพ่อ เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ/ขอรับ ! ! ”
คู่หนึ่งเป็นบิดามารดาแท้ ๆ ของเจียงโม่หาน คนหนึ่งคือมารดาที่เลี้ยงเขามาและยังมีบิดามารดาของหลินเว่ยเว่ยอีกคู่ คนเหล่านี้ให้ความรักเอ็นดูแก่พวกนางจริง ๆ จึงทำให้หลินเว่ยเว่ยคารวะน้ำชาด้วยความเต็มใจ
หมินอ๋องถลึงดวงเนตรใส่เจียงโม่หาน ก่อนจะหันไปทอดพระเนตรหลินเว่ยเว่ยด้วยแววตาแห่งรัก “เว่ยเอ๋อร์ คนแซ่เจียงไม่ได้รังแกเจ้าใช่หรือไม่ ? ถ้าเขาทำตัวไม่ดี เจ้าบอกพ่อได้เลย พ่อจะจัดการเขาเอง ! ”
หมินหวางเฟย นางเฝิงและแม่ทัพหลินเป็นคนที่รู้ความจริง จึงหันไปมองเจียงโม่หานด้วยความเห็นใจ หมินหวางเฟยไม่อยากให้บุตรชายคนเล็กได้รับความอยุติธรรมจึงถลึงดวงเนตรใส่พระสวามี “โม่หานรู้ที่หนักที่เบา ยังต้องให้พระองค์สั่งสอนอีกหรือเพคะ ? วันดี ๆ ของบุตรสาว พระองค์อย่าก่อเรื่อง ! ”
หมินอ๋องหันไปถลึงดวงเนตรใส่เจียงโม่หานอีกรอบ…ตัวแสบ ทำให้เปิ่นหวางต้องโดนภรรยาตำหนิ ฝากไว้ก่อนเถิด !
เจียงโม่หาน “…”
แม้จะหลบก็โดนอยู่ดี ! จะทำอย่างไรกับความไม่ชอบหน้าที่บิดาแท้ ๆ มีต่อตนเองดีเล่า ? ทำได้แค่เงียบต่อไป !
คู่บ่าวสาวมาอยู่เรือนหอได้ไม่นานก็ต้องออกเดินทางไปที่อำเภอหนิงซีแล้ว เนื่องจากมีหมินหวางเฟยและนางหวงที่ร่างกายอ่อนแอ ทุกคนจึงเลือกนั่งเรือไป
เรือโดยสารของทางราชการอันแข็งแรงและสง่างามถูกหมินอ๋องใช้เงินก้อนโตเหมายกลำ ก่อนออกเดินทางมีคนมาส่งจำนวนมาก องค์หญิงเจียวเจียวยังคงจับมือหลินเว่ยเว่ยไม่ปล่อยพลางตรัสด้วยน้ำตานองหน้า “ฟู่หวงนิสัยไม่ดีที่สุด พระองค์ไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าไปอำเภอหนิงซีกับพี่เว่ยเว่ย มิหนำซ้ำยังส่งราชองครักษ์มาคอยควบคุม เพราะกลัวข้าจะแอบหนีไป ! ”
พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าฝ่าบาททรงพระปรีชามาก ตอนนี้อำเภอหนิงซีเป็นอย่างไรบ้างจะยังไม่มีใครรู้เลยหรือ แล้วองค์หญิงผู้บอบบางอย่างเจ้า หากตามไปด้วยจะไม่เป็นการสร้างปัญหาหรือไร !
“จากลาเพื่อพานพบในวันที่ดียิ่งกว่า วางใจเถิด ใช้เวลาไม่นานหรอก ประเดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว ! พอถึงเวลานั้นพวกเราค่อยมาทำขนมด้วยกันใหม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยปลอบองค์หญิงน้อยที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่
กว่าจะปลอบองค์หญิงเจียวเจียวสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ชิงหลีจวิ้นจู่แห่งตำหนักหนิงอ๋องก็เข้ามาพร้อมดวงตาแดงก่ำอีกคน “อาหญิงหลิน อำเภอหนิงซีอยู่ห่างจากเมืองหนิงโจวแค่ 1 วัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีโจรชุกชุม ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไร ท่านรับป้ายหยกชิ้นนี้ไว้ แล้วเรียกใช้องครักษ์ตำหนักหมินอ๋องได้ตามใจชอบเลย ! ”
เดิมทีเมืองหนิงโจวเป็นที่ดินศักดินาของหนิงอ๋อง ตอนนี้ฮ่องเต้พระราชทานให้หลินเว่ยเว่ย แต่นางไม่อยากได้ ไม่ว่าจะถวายฎีกาขึ้นไปกี่ฉบับก็โดนปฏิเสธทั้งหมด ได้ยินว่าผืนดินของเมืองหนิงโจวแห้งแล้ง การเก็บภาษีที่ดินประจำปีก็ขาดทุนตลอด หลินเว่ยเว่ยจึงสงสัยว่าฮ่องเต้ตั้งพระทัยพระราชทานให้นางเพื่อโยนภาระมาให้หรือเปล่า !
แม้หนิงอ๋องจะคืนเมืองหนิงโจวให้แล้ว แต่ราชสำนักไม่ได้รับตำหนักหนิงอ๋องเอาไว้ ข้ารับใช้ที่จงรักภักดีจึงยังเฝ้าอยู่ที่นั่น ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของที่หนิงอ๋องให้บุตรสาวนำมาที่นี่ ถ้าเห็นป้ายหยกก็เหมือนเห็นตัวหนิงอ๋อง นี่เท่ากับยกตำหนักหนิงอ๋องให้แก่หลินเว่ยเว่ย
“จะทำแบบนี้ได้อย่างไร ? ” ราวกับถือมันเผาที่ลวกมือ หลินเว่ยเว่ยรีบดันป้ายหยกกลับไป
แต่โม่ชิงหลีก็ยังดันกลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพอสมควร “มีอะไรไม่ได้กันเล่า ? ชาตินี้พวกเราคงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวง ดังนั้นให้พวกเขาติดตามท่านก็ถือว่าได้เดินบนเส้นทางใหม่ ฟู่หวางของข้ากังวลว่าพวกเขาจะโดนคนจิตใจไม่บริสุทธิ์หลอกใช้จนไปก่อเหตุที่ไม่อาจละเว้นโทษได้ คนพวกนั้นติดตามฟู่หวางมานานตั้งแต่สิบถึงยี่สิบปี ฟู่หวางจึงทนเห็นพวกเขากระโดดเข้ากองไฟไม่ได้”