ตอนที่ 595 กลับบ้านเกิดพร้อมเกียรติยศ
แม่ทัพหลินพาภรรยาและบุตรทั้งสองไปนั่งรถม้าอีกคัน ส่วนซัวถัว หยาเอ๋อร์ ชุนซิ่ง สาวใช้และนางกำนัลที่หมินหวางเฟยพามาด้วยก็นั่งเบียดกันในรถม้าสองคัน นอกจากนี้ยังมีรถม้าขนของอีกสองคัน มันบรรทุกของขวัญที่หลินเว่ยเว่ยเตรียมให้คนสนิทที่หมู่บ้านฉือหลี่โกว
ขบวนรถม้าอันยิ่งใหญ่เคลื่อนตัวสู่ถนนบนหุบเขาแสนคดเคี้ยว หลิวต้าซวนและเหลยหยู่ที่ออกมาส่งสินค้าในเขตเริ่นอันก็มองขบวนรถม้านี้ ก่อนจะบ่นในใจว่า คนพวกนี้เหมือนกำลังไปที่ฉือหลี่โกว เป็นแขกของบ้านใครกัน ? ตั้งแต่เสี่ยวเว่ยไปที่เมืองหลวงก็ไม่มีขบวนรถม้าอลังการเช่นนี้มาที่ฉือหลี่โกวอีกเลย !
“ท่านลุง ข้าเห็นคนที่นั่งอยู่ในรถม้าคันสุดท้าย เหมือนว่าเป็นพี่เขยของข้า ! ” เหลยหยู่ตาดี แค่มองออกไปก็เห็นร่างอันคุ้นตาบนรถม้าแล้ว
หลิวต้าซวนหรี่ตามอง หลังมองดี ๆ แล้วเขาก็มีดวงตาเบิกกว้างทันที “ใช่จริง ๆ ด้วย ! ถ้าอย่างนั้น…เสี่ยวเว่ยก็กลับมาแล้ว ? ”
เหลยหยู่รีบเตือน “จะเรียกเสี่ยวเว่ยตรง ๆ ไม่ได้แล้ว ตอนนี้นางเป็นจวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋อง…” ใครบอกว่าพี่รองหลินไม่คู่ควรกับพี่โม่หานกันเล่า ? จวิ้นจู่กับจอหงวน นับเป็นคู่ที่เหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก !
หลิวต้าซวนตบปากตัวเอง “เป็นจวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋องจริง ๆ ด้วย ดูความเปล่งประกายของขบวนรถม้าแล้วช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ! คนที่ขี่ม้าขนาบสองข้างนั้นคงไม่ใช่องครักษ์ตำหนักอ๋องหรอกกระมัง ? สวรรค์ มีตั้งสิบกว่าคน ! เวลาฮ่องเต้กับองค์ชายหรือองค์หญิงทั้งหลายออกเดินทางก็คงประมาณนี้ใช่หรือไม่ ? ”
ทันใดนั้นขบวนรถม้าก็หยุดลง ก่อนที่ร่างเพรียวบางของใครบางคนจะกระโดดลงจากรถม้า…ที่แท้หลินเว่ยเว่ยก็เห็นพวกเขาแล้ว
หลินเว่ยเว่ยพาหยาเอ๋อร์วิ่งเข้ามาหาพวกเขา ก่อนจะกระโดดขึ้นรถม้าของหลิวต้าซวนอย่างคนที่ทำจนเคยชิน “ลุงต้าซวน ไม่ได้เจอกันนานเลย ท่านกับป้ากุ้ยฮวาสบายดีหรือไม่ ? ” ส่วนรถม้าอีกคัน หยาเอ๋อร์และเหลยหยู่สองพี่น้องก็เริ่มสนทนากันแล้ว
คำเรียก ‘ลุงต้าซวน’ ที่ฟังดูสนิทสนมนี้ทำให้ความตึงเครียดและความคิดมากในใจของหลิวต้าซวนหายไปทันที เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “สบายดีทุกคน สบายดีทุกคนนั่นแหละ ! ป้าของเจ้าดูแลโรงงานแปรรูป ทำงานแต่ละวันแบบมีความสุขสุด ๆ ปีก่อนเมล็ดทานตะวันหลากหลายรสชาติของพวกเราได้รับความนิยมมาก ร้านขายเมล็ดถั่วคั่วที่อยู่รอบเมืองหรืออำเภอเราต่างมาซื้อของถึงในหมู่บ้าน ! พอสรุปบัญชีตอนสิ้นปีแล้วแทบทุกบ้านมีรายได้เกือบ 100 ตำลึง ! ”
“ส่วนเนื้อแผ่นกับผลไม้อบแห้งของบ้านเจ้า เสี่ยวเฉียงเป็นคนดูแล หมู่บ้านเรากับหมู่บ้านใกล้เคียงพากันเลี้ยงหมูบ้านละหลายตัว เจ้าไม่ต้องกลัวว่าเนื้อแผ่นจะขาดวัตถุดิบ ส่วนกระต่ายที่หลังบ้านของเจ้า เสี่ยวร่างพาโก่วเชิ่งเอ๋อร์และมู่เกินเอ๋อร์มาช่วยกันเลี้ยงได้ดีเชียวล่ะ ! ส่วนโรงงานทอผ้าไหมของพี่สาวเจ้าก็มีช่างทอผ้าเพิ่มอีกหลายคน หนอนไหมที่เลี้ยงในปีนี้จึงมีเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว ! ”
จากคำพูดของลุงต้าซวน หลินเว่ยเว่ยจึงได้รู้ว่าแม้ตัวนางไม่ได้อยู่ที่ฉือหลี่โกว แต่กิจการทั้งหมดของครอบครัวก็ยังดำเนินต่อไป ก่อนนางหวงจะถูกรับไปที่เมืองหลวง เดิมทีก็คิดว่าจะหยุดกิจการเนื้อแผ่นและผลไม้อบแห้ง แต่พวกป้า ๆ สองสามคนที่จ้างมาทำงานล้วนมาจากครอบครัวที่ยากจน ถ้าหยุดกิจการ ชีวิตของพวกนางก็จะมีผลกระทบตามไปด้วย หลังจากลองครุ่นคิดแล้ว นางหวงก็สอนสูตรทำเนื้อแผ่นและกระต่ายเส้นให้บุตรสาวคนโต จึงรักษากิจการในบ้านไว้ได้
ระหว่างสนทนากัน ขบวนรถม้าก็ขับเข้ามาถึงหน้าหมู่บ้านฉือหลี่โกว พวกเด็กน้อยจอมซนที่เล่นกันอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านก็เห็นรถม้าขบวนใหญ่เข้ามา จึงมาห้อมล้อมอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้า มู่เกินเอ๋อร์ถือตะกร้าหญ้าสดใบเขียว ขณะก้าวเข้าไปถามด้วยความใจกล้า “พวกท่านมาจากไหน แล้วมาหาใคร ? ”
“มู่เกินเอ๋อร์ ! โก่วเชิ่งเอ๋อร์ ! เสี่ยวหนี่ชิว เสี่ยวถู่โต้ว…” เจ้าหนูน้อยกระโดดลงจากรถม้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหาบรรดาสหาย
“อ้าว ! เอ้อร์ฮว๋ากลับมาแล้ว ! ยังมีหลินซิ่วไฉ…น้าหวงกับน้าเฝิงก็กลับมาด้วย ! ! ” กลุ่มถั่วงอกน้อยเข้ามาล้อมรอบนางหวงและเจ้าหนูน้อยเอาไว้พลางพูดทักทายด้วยความดีใจ
วังตงเฉียงสายตาดีจึงเห็นหลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากรถม้าคันหลังสุด เขารีบตะโกนว่า “พี่รองหลิน ! เป็นพี่รองหลิน ! พี่รองหลินกลับมาแล้ว ! ! ”
เขาวิ่งเข้าไปประจบหลินเว่ยเว่ยเป็นคนแรก “พี่รองหลิน ท่านไปตั้งครึ่งปี ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว ! ! ”
เจ้าหนูน้อยใช้ไหล่กระแทกเขาพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “คิดถึงพี่รองของข้า หรือคิดถึงขนมฝีมือพี่รองกันแน่ ? ”
“ออกไปเลย ! ข้าต้องคิดถึงพี่รองหลินอยู่แล้ว ! อยากกินขนม ข้าไม่มีปัญญาหาซื้อที่เขตหรือไร ? ” วังตงเฉียงใช้แขนรัดคอเจ้าหนูน้อยเบา ๆ “เอ้อร์ฮว๋า เจ้าเป็นสหายคนเดียวในกลุ่มที่เคยไปเยือนเมืองหลวง รีบเล่ามาเลยว่าเมืองหลวงมีหน้าตาเป็นอย่างไร ? ใหญ่มากหรือไม่ ? คนเยอะหรือเปล่า…”
ตอนรถม้ามาหยุดที่หน้าบ้านสกุลหลิน ผู้ใหญ่บ้านและพวกชาวบ้านที่ได้ทราบข่าวก็พากันมาต้อนรับและทักทายพวกนางอย่างสนิทสนม
ประตูบ้านตระกูลหลินถูกเปิดออก พี่สาวคนโตเดินออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นแม่ทัพหลินกำลังจะผลักประตูเข้ามา นางก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วผ่านไปไม่นานก็จำเขาได้จากคิ้วที่แสนคุ้นตา “ท่านพ่อ ? เป็นท่านพ่อหรือเจ้าคะ ? ”
หลินจื่อเหยียนเขียนจดหมายมาให้ที่บ้านแล้ว บอกว่าเขาตามหาบิดาเจอ เพราะไม่อย่างนั้นแม่ทัพหลินที่มีหนวดเคราเต็มหน้าเช่นนี้ พี่ใหญ่ก็คงไม่กล้ายอมรับว่าเป็นบิดาตัวเอง !
“เฉียงเอ๋อร์ เป็นพ่อเอง ! พ่อกลับมาแล้ว ! ! ” แม่ทัพหลินฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ…บุตรสาวเหมือนกัน แต่เจ้ารองไม่อ่อนโยนและช่างเอาใจเหมือนบุตรสาวคนโตเลย
ตอนที่แม่ทัพหลินหายตัวไป หลินเฉียงเอ๋อร์อายุใกล้ครบ 10 ขวบแล้ว เมื่อนำร่างสูงสง่าในความทรงจำมาซ้อนทับกับชายเคราหนาตรงเบื้องหน้าแล้ว นางก็ตาแดงก่ำขึ้นมาทันที “ท่านพ่อ ท่านยังมีชีวิตอยู่…วิเศษเหลือเกินเจ้าค่ะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยเบียดเข้ามา เมื่อเห็นดวงตาสีเหมือนตากระต่ายของพี่สาวแล้วนางก็แกล้งหยอกล้อว่า “ไอโหยว ! เห็นข้ากลับมาแล้วตื้นตันขนาดนั้นเลยหรือ ? มาสิ อ้อมกอดของพี่รอเจ้าอยู่เสมอ ! ”
“ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เรียก ‘พี่’ กับใครกัน ! ” หลินเฉียงเอ๋อร์ถูกขัดจังหวะ ความซาบซึ้งใจจึงลดลงกว่าครึ่ง นางกลอกตาใส่หลินเว่ยเว่ยแรง ๆ
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็อุ้มนางขึ้นมาแล้วตบแผ่นหลังของนาง ก่อนจะพูดด้วยใจจริง “ลำบากเจ้าแล้ว ! ”
หลินเฉียงเอ๋อร์ร้องด้วยความเจ็บปวดและรีบผลักน้องสาวออกทันที “เจ้าแรงเยอะขนาดไหน ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ? นี่เจ้ากำลังขอบคุณหรือฆ่ากันแน่ ? ”
นางเฝิงคอยเตือนอยู่ด้านข้าง “เว่ยเอ๋อร์ เจ้าเบามือหน่อย พี่สาวแต่งงานได้ครึ่งปีแล้ว ถ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ เจ้าอาจทำให้หลานหลุดออกมาได้ ! ”
หลินเว่ยเว่ยตาโตทันที “ว่าอย่างไรนะ ? พี่ใหญ่ เจ้าท้องหรือ ? ”
“ใครท้อง ? ไม่มีเรื่องนี้สักหน่อย อย่างพูดจาเหลวไหล ! ! ” หลินเฉียงเอ๋อร์อายจนหน้าแดงแล้วผลักหลินเว่ยเว่ยอีกรอบ ตอนนี้นางต้องดูแลกิจการสองอย่าง งานยุ่งจนไม่มีเวลาว่างกินข้าวด้วยซ้ำแล้วจะเอาเรื่องลูกมาจากที่ใด ? นางปรึกษากับหนอนหนังสือที่บ้านแล้วว่าอีกสองปีค่อยมีลูก อย่างน้อยก็รอให้โรงงานทอผ้ามั่นคงแล้วค่อยคิดเรื่องอื่นอีกที
ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังสนทนากับแม่ทัพหลินก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ของอีกฝ่าย จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หย่งอวี้ บ้านพวกเจ้าจะพักกันพอหรือ ? ”
ยังไม่ทันรอให้แม่ทัพหลินได้พูดอะไร หลิวต้าซวนก็พูดขึ้นมาว่า “ที่พักไม่พอก็ยังมีพวกพ้องอย่างพวกเราอยู่ไม่ใช่หรือ ? บ้านข้าสร้างเสร็จแล้ว ปล่อยให้สีแห้งมาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้ย้ายเข้าอยู่เลย…ในหมู่บ้านก็มีหลายคนที่สร้างบ้านหลังใหม่ วางใจได้ อย่างไรก็มีที่ให้อยู่แน่นอน ! ” พวกชาวบ้านก็พากันเอ่ยสนับสนุน