ตอนที่ 602 ความหวังของหมู่บ้านคนบาป
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกราษฎรชนชั้นรากหญ้าก็ยังไม่มีความกระตือรือร้นในการแผ้วถางอยู่ดี…เพราะผลผลิตที่ได้ต่ำเกินไป แม้จะไม่จ่ายภาษีก็ยังมีไม่พอให้อิ่มท้อง สู้ไปทำงานหนักในบ่อเกลือยังจะดีกว่า !
ในอำเภอหนิงซีมีบ่อเกลือ คนที่ทำงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านพลัดถิ่นหรือผู้ต้องหาของทางการ เกลือในสมัยโบราณเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องมีทุกครัวเรือนอยู่แล้ว บ่อเกลือแห่งนี้จึงกลายเป็นเสมือนไข่ทองคำ…น่าเสียดายที่มันอยู่ภายใต้อำนาจราชสำนัก ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับอำเภอหนิงซี
เจียงโม่หานหาข้อมูลมาแล้วว่าในอำเภอหนิงซีมีหมู่บ้านพิเศษอยู่แห่งหนึ่ง…หมู่บ้านคนบาป ! หรือหมู่บ้านนักโทษที่ฝ่าบาทตรัสถึง เป็นที่อยู่อาศัยของลูกหลานขุนนางที่โดนเนรเทศ กฎของราชสำนักคือหากผู้ที่โดนเนรเทศไม่ได้กระทำการทุจริตผิดอาญาแผ่นดินภายในสามชั่วอายุคน ลูกหลานรุ่นที่สามจะได้อยู่ในชนชั้นสามัญชน แต่พวกชาวบ้านทั่วไปไม่ให้การยอมรับลูกหลานของ ‘คนบาป’ เหล่านี้ ไม่ว่าหมู่บ้านไหนก็ไม่ยินดีต้อนรับพวกเขาทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงปลีกตัวออกไปอยู่ให้ห่างไกลผู้คนและตั้งหมู่บ้านของตนขึ้นมา
ชาวบ้านในหมู่บ้านคนบาปทุกข์ระทมกว่าชาวบ้านธรรมดามาก คนที่ผ่านภัยแล้งในช่วง 2 ปีที่แล้วมาได้ ถือเป็นพวกดวงแข็งทั้งหมด ! คนพวกนี้ไม่มีที่นาและยึดอาชีพทำงานหนักในบ่อเกลือเหมือนคนอื่น ๆ ความหนักของงานในบ่อเกลือไม่ได้เป็นแค่คำว่าหนักธรรมดาเหมือนอย่างที่คนอื่นให้คำนิยาม ผู้ดูแลบ่อเกลือปฏิบัติต่อลูกจ้างเหมือนไม่ใช่คน มีหลายคนต้องล้มตายเพราะงานในบ่อเกลือ…มีคนพูดว่าบ่อเกลือทำมาจากกองกระดูกของหมู่บ้านคนบาปและคำพูดนี้ก็ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด
สองสามีภรรยาสนับสนุนให้คนแผ้วถางที่ดิน แต่พวกชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือ หลินเว่ยเว่ยจึงพับแขนเสื้อแล้วเข้าไปสนับสนุนสามีด้วยตัวเอง ที่ดินผืนใหญ่ซึ่งนางชอบก็ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านคนบาป ตรงนั้นมีดินดำอันอุดมสมบูรณ์ แต่ก็มีดินทรายที่แห้งแล้งอยู่ด้วย เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนาง ขอแค่มีพื้นที่กว้าง ๆ ก็พอแล้ว !
ที่ดินรกร้างไม่มีคนแผ้วถางแล้วจะทำอย่างไร ? ก็จ้างสิ ! ในอำเภอหนิงซีมีคนออกมาขายแรงงานมากมาย !
หลินเว่ยเว่ยไปยังที่ว่าการ…สามีของนางใช้เงินเล็กน้อยเพื่อเช่าที่ดินรกร้างมา 1,000 หมู่ เมื่อได้หนังสือสัญญาเช่ามาครองแล้ว นางก็ให้หลิวว่ายจื่อไปจ้างชายฉกรรจ์มาทำงาน 5 ชั่วยามต่อหนึ่งวัน ค่าแรงวันละ 20 อีแปะและเปิดรับลูกจ้างชั่วคราวอีก 100 ตำแหน่ง
นอกจากนี้นางยังส่งจดหมายถึงหลิวเอ้อร์ล่าย ให้เขาเดินทางไปที่เขตอวี้อันเพื่อซื้อวัวกลับมา 10 ตัว…เขตอวี้อันอยู่ติดกับทุ่งหญ้า ที่นั่นจึงมีทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวและมีผู้คนจำนวนมากไปหาซื้อทุกปี ! ขณะมองแผ่นดินรกร้างไร้ที่สิ้นสุดใกล้กับหมู่บ้านคนบาป หลินเว่ยเว่ยก็ชี้ไปที่แผ่นดินแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ที่นี่จะเป็น ‘ฟาร์ม’ วัวใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ! ”
นางเป็นนักศึกษาของภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตรแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรจีน ดังนั้นนางจึงเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชได้อย่างมืออาชีพ !
หลินเว่ยเว่ยนั่งคุมงานอยู่ใน ‘ตลาดค้าแรงงาน’ ด้วยตัวเอง นางมองหลิวว่ายจื่อซักประวัติ ‘ผู้สมัคร’ ถามชื่อ อายุ ที่อยู่และประทับลายนิ้วมือลงในหนังสือสัญญาอย่างผู้ชำนาญงาน
ในหนังสือสัญญาเขียนระยะเวลาทำงาน ค่าแรงและโทษที่ลูกจ้างขโมยหรือมีการคดโกงใด ๆ เกิดขึ้นไว้อย่างชัดเจน…ค่าแรงวันละ 20 อีแปะ ตอนกลางวันยังมีอาหารกลางวันให้ ชาวบ้านในอำเภอหนิงซีต่างรู้ว่าแม้พวกตนจะจุดตะเกียงตามหาก็ยังหางานแบบนี้ได้ยาก ! กลอุบายต่าง ๆ หายไปโดยพลัน ! พวกเขาแทบอยากจะทำงานในไร่ถึงวันละ 10 ชั่วยาม แต่ก็กลัวนายจ้างจะไล่ออกเสียก่อน !
ในประกาศของทางการเขียนไว้ว่า รับสมัครลูกจ้างชั่วคราว 100 ตำแหน่งเท่านั้น ราษฎรในอำเภอหนิงซีที่เห็นประกาศจึงรีบตรงไปทางหมู่บ้านคนบาป เพราะกลัวว่าจะไปช้าแล้วพลาดโอกาส พวกเขาไม่ได้ไปคนเดียวแต่ยังส่งข่าวสารไปบอกญาติมิตรทั้งหลายที่มีสิทธิ์ด้วย ผ่านไปไม่นาน หน้าเพิงที่พักชั่วคราวของหลิวว่ายจื่อก็มีคนมาต่อแถวยาวเหยียดแล้ว
ณ หมู่บ้านคนบาป ชายในอาภรณ์ไม่เรียบร้อยคนหนึ่งพูดกับปู่และมารดาที่อ่อนแอว่า “ข้าได้ยินว่าที่ดินรกร้างละแวกนี้ถูกภรรยานายอำเภอเช่าไว้และนางกำลังเปิดรับสมัครคนแผ้วถางที่ดิน ! ค่าแรงวันละ 20 อีแปะและยังมีอาหารกลางวันให้ด้วย ข้าคิดว่าจะไปลองเสี่ยงดวงขอรับ ! ”
“หยุนเอ๋อร์ พวกเราเป็นคนในหมู่บ้านคนบาป แล้วภรรยานายอำเภอจะจ้างหรือ ? ”
เฉินหยุนตัดสินใจแล้ว “จ้างไม่จ้าง ก็ต้องลองไปดูก่อน อย่างมากสุดก็โดนซ้อมกลับมาเท่านั้น ! ”
ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่เฉินหยุนเตรียมตัวจะไปเข้าแถวสมัครงานของภรรยานายอำเภอก็แพร่ไปทั้งหมู่บ้านคนบาป มีคนที่ตรงตามเกณฑ์บางคนรู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน ทว่า…ทางการและชาวบ้านในอำเภอหนิงซีต่างหวาดระแวงและพากันคิดร้ายต่อคนในหมู่บ้านคนบาป ถ้าไปแล้วก็อาจไม่ได้กลับมาทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนในหมู่บ้านคนบาปไปหางานที่ตัวอำเภอและท่าเรือมาเช่นกัน แต่โดนชาวบ้านที่บอกว่าเป็นคนดีซ้อมจนเหลือแค่ลมหายใจรวยริน แบกกลับมาได้แค่ 2 วันก็จากไปแล้ว…พอคิดได้แบบนั้น คนพวกนี้ก็หยุดหวังทันที
เฉินหยุนหอบความหวังครึ่งๆ กลางๆ มายืนต่อหลังฝูงชนอย่างเงียบ ๆ พอหลินเว่ยเว่ยเห็นแบบนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย…อย่างไรก็ต้องมีคนออกมาให้เห็นก่อน นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่หรือ ?
หลินเว่ยเว่ยทำความเข้าใจมาแล้วว่าชาวบ้านในหมู่บ้านคนบาปเป็นชนรุ่นหลังของขุนนางที่โดนเนรเทศ อดีตฮ่องเต้ผู้โง่เขลาจึงมีขุนนางมากมายถูกใส่ความ ชนรุ่นหลังก็เคารพกฎหมาย แม้ชีวิตจะยากลำบากขนาดไหนก็ไม่เคยออกไปทำเรื่องลักขโมยมาก่อน
แต่สำหรับพวกชั่วช้าจริง ๆ หากชนรุ่นหลังของพวกเขาไม่ได้กลายเป็นขโมยก็กลายเป็นนักโทษประหาร…ก่อนหน้านี้กฎของทางการถึงขั้นรุนแรงกับพวกในหมู่บ้านคนบาป การจัดการไม่จำเป็นต้องขึ้นศาล แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ทำเอกสารหรือเจ้าหน้าที่เล็ก ๆ ก็สามารถยัดข้อหาอะไรสักอย่างมาประหารพวกเขาได้แล้ว !
“เขาเป็นคนในหมู่บ้านคนบาป ! ” ชาวบ้านในแถวจำเฉินหยุนได้ พวกเขาต่างพูดด้วยความโกรธเคือง “แม้แต่นักโทษก็ยังกล้ามาปะปนอยู่ในฝูงชน เขาต้องมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แน่นอน อยากทำลายการแผ้วถางที่ดินของฝูเหริน ซ้อมเขา ! ตีเขาให้ตายไปเลย ! ! ! ”
หากชาวบ้านธรรมดาทุบตีคนในหมู่บ้านคนบาปจะไม่ได้รับโทษอันใด ชาวบ้านหนิงซีพวกนี้เชื่องยิ่งกว่าแกะเมื่ออยู่ต่อหน้าทางการ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินหยุนกลับกลายเป็นหมาป่าที่หิวกระหาย !
องครักษ์ตำหนักหมินอ๋องที่ดูแลรักษาความปลอดภัยก็เห็นกลุ่มคนพยายามก่อความวุ่นวาย จึงรีบเข้าไปห้ามไว้ทันที “จะทำอะไร ! ผู้ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการจ้างงานสักคนเดียว พวกเจ้าไม่กี่คนนี้ ใครเป็นคนลงมือก่อน ? ”
เฉินหยุนเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วชี้ไปยังคนที่ลงมือกับเขา “เป็นเขาขอรับ ! ”
“เหลวไหลสิ้นดี ! นายท่าน ท่านอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด เขาเป็นลูกหลานนักโทษ เป็นคนเลวโดยสันดาน เพราะเขาอยากทำลายงานของภรรยานายอำเภอ รีบจับเขาไปเร็วขอรับ ! ” คนที่ลงมือดูไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด
หลินเว่ยเว่ยเดินเอามือไพล่หลังเข้ามา นางชี้ไปยังพวกที่ลงมือและคนที่เอ่ยพลิกขาวเป็นดำ “ลากคนพวกนี้ออกไป ! วาดรูปลักษณ์และชื่อสกุลพวกเขาไว้ ต่อไปงานที่เกี่ยวข้องกับทางการ ข้าจะไม่จ้างคนพวกนี้ ! ”
“ฝูเหริน! เขาเป็นคนในหมู่บ้านคนบาปนะขอรับ! ท่านอย่าโดนเขาหลอก จิตใจเขาไม่ดีนะขอรับ ! ” ชาวบ้านที่ถูกไล่ออกมาแกล้งพูดอย่างคนใจกล้า
“เขาเคยฆ่าคนหรือเคยวางเพลิงที่ไหนมาก่อน ? ขโมยไก่หรือสุนัข ? เจ้าเคยเห็นเขากระทำความผิดกับตาตัวเองหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองชายหนุ่มร่างผอมบางตรงหน้าแล้วหันไปเอ่ยถามผู้ลงมือด้วยรอยยิ้มเย็นชา
ผู้นำคนนั้นพูดจาตะกุกตะกัก ภายใต้สายตาบีบบังคับของหลินเว่ยเว่ย ท้ายที่สุดเขาก็ต้องส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว
“ตามกฎของแผ่นดิน ลูกหลานรุ่นที่สามของขุนนางต้องโทษและเป็นลูกหลานที่ไม่เคยทำผิดกฎหมายใด ๆ ก็สามารถเปลี่ยนชนชั้นกลับมาเป็นสามัญชนเหมือนเดิมได้ ไม่ทราบว่าเจ้ามีชนชั้นอะไร ? ” หลินเว่ยเว่ยค่อย ๆ เดินเข้าไปกดดันอีกฝ่าย