ตอนที่ 607 ยกบัณฑิตน้อยให้เจ้า !
สาวน้อยในชุดขี่ม้าคนนั้นเข้าไปจับไหล่ของเจียงโม่หาน “ช้าก่อน ! เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย…”
“เอามือของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ! ” เมื่อหลินเว่ยเว่ยเข้ามาก็เห็นเด็กสาวหน้าตาดีกำลังฉุดรั้งสามีตัวเองอยู่ จึงรีบพุ่งเข้าใส่แล้วปัดมืออีกฝ่ายทิ้ง ก่อนจะพูดตาขวางว่า “นายอำเภอมีเจ้าของแล้ว ดึง ๆ รั้ง ๆ เช่นนี้เหมาะสมที่ไหนกัน ! ”
คุณหนูเฉาโดนตีจนเจ็บหลังมือ พอมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้ว นางก็เชิดคางขึ้นพูดด้วยความเย่อหยิ่งว่า “เจ้าก็คือบุตรสาวหมินอ๋อง ? เจ้าใช้กระบวนท่ารำหอกสกุลจ้าวเป็นหรือไม่ ? ข้าอยากท้าประลองกับเจ้า ! ”
แม่ทัพเฉาและหมินอ๋องล้วนเป็นขุนนางอาวุโสที่ติดตามทำสงครามสร้างแผ่นดินมากับฮ่องเต้ หมินอ๋องกล้าหาญ รบไม่เคยแพ้จนได้ฉายาว่าเป็น ‘เทพสงคราม’ แม่ทัพเฉาไม่ยอมรับจึงเคยท้าประลองด้วยถึงหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้
พอคุณหนูเฉาได้ยินว่าบุตรสาวหมินอ๋องมาอยู่ที่อำเภอหนิงซี นางก็อยากเอาชนะหลินเว่ยเว่ยเพื่อพิสูจน์ว่าเพลงกระบี่ของสกุลเฉาดีกว่ากระบวนท่ารำหอกของสกุลจ้าว
หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วพลางมองเด็กสาวผู้งดงามตรงเบื้องหน้า เมื่อเห็นแววตาอีกฝ่ายดูไม่มีกิเลสใดเจือปนอยู่ นางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อยากท้าประลองกับข้า ได้สิ ! มีรางวัลหรือไม่เล่า ? ”
คุณหนูเฉาขมวดคิ้ว “เจ้าอยากได้รางวัลอะไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยมองนางอย่างขี้เล่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเจ้าแพ้ ต้องยอมรับข้าเป็นลูกพี่ ! ถ้าข้าแพ้…ข้าจะยกบัณฑิตน้อยให้เจ้า ! ” ขณะพูด นางก็ผลักเจียงโม่หานให้เดินไปด้านหน้าสองสามก้าว
เจียงโม่หานเหลือบมองนางอย่างไม่สบอารมณ์…เด็กคนนี้ หากสามวันไม่ตี เด็กซนจะปีนหลังคาเราะกระเบื้อง…เฮ้อ ภรรยาที่แต่งเข้ามาด้วยความยากลำบาก เขาจะตีนางลงได้อย่างไร ? อีกอย่างก็สู้นางไม่ได้ด้วย…
คุณหนูเฉาทำหน้ารังเกียจทันที “เจ้าก็ฉลาดคิดเสียจริง ! ข้าจะเอาสามีเจ้าไปทำอะไร ? ถ้าข้าแพ้ ข้าเชื่อฟังเจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า ! ”
“ตกลง ! ” หลินเว่ยเว่ยหยิบอาวุธออกมาจากห้องส่วนตัว…กระบองเหล็กนิลประดับพู่แดง มันถูกสร้างมาเพื่อนางโดยเฉพาะ เวลาใช้จึงถนัดมือสุด ๆ
หลินเว่ยเว่ยกวัดแกว่งกระบองเหล็กนิลไปมาสองรอบ ขณะจับไว้ด้วยมือข้างเดียว นางก็ใช้มืออีกข้างชี้ไปทางคุณหนูเฉา “เข้ามา ! เราจะตัดสินกันในกระบวนท่าเดียว ! ”
คุณหนูเฉาโมโหจนหน้าแดง คิดว่าคำพูดของหลินเว่ยเว่ยเป็นการดูถูก นางชักกระบี่ออกมาแล้วฟาดเข้าหาหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยไม่หลบแต่อย่างใด นางยกกระบองเหล็กนิลขึ้นกันคมกระบี่ของคุณหนูเฉา ไม่รู้ว่าคุณหนูเฉาผู้นี้มีวรยุทธระดับไหน นางกลัวจะทำร้ายอีกฝ่ายจึงใช้แรงแค่สามส่วนเท่านั้น แต่อาวุธของนางมีน้ำหนักถึง 180 ชั่ง แค่น้ำหนักนี้ก็พอจะทำร้ายอีกฝ่ายได้แล้ว
คุณหนูเฉาปวดฝ่ามือมาก กระบี่ในมือกระเด็นออกไปทันที เด็กสาวก็ตกตะลึงเช่นกัน ‘เป็นไปไม่ได้ ! นี่นาง…แพ้แล้วหรือ ? อีกฝ่ายยังไม่ทันสู้กับนางด้วยซ้ำ ! เพลงกระบี่ที่นางเรียนมาสิบกว่าปี เปราะบางขนาดนี้เลยหรือ ? ’ ดวงตาของเด็กสาวเริ่มแดงขึ้นทีละนิด…
จบเห่ ! เหมือนว่าจะรังแกจนอีกฝ่ายร้องไห้แล้ว หลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาอย่างลนลาน นางค่อย ๆ ปลอบเด็กสาวที่ถูกทำร้ายคนนี้ว่า “เอ่อ คือ…เรื่องนี้จะโทษที่เจ้าไม่ตั้งใจเรียนให้ดีก็คงไม่ได้…เพราะตัวข้ามีพละกำลังมหาศาลโดยกำเนิด ! อาวุธในมือข้าดูเหมือนของธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้วมันหนักเกือบ 200 ชั่ง อย่าว่าแต่เจ้าเลย ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ถ้าปะทะกันตรง ๆ ก็ต้องแพ้ทั้งนั้น เวลาฟู่หวางสู้กับข้าก็ยังไม่กล้าปะทะด้วยตรง ๆ เลย…เจ้าอย่าร้อง ข้ากลัวเด็กผู้หญิงร้องไห้ที่สุดแล้ว ! ”
“เจ้าพูดจริงหรือ ? ที่ข้าแพ้ก็เพราะมีพละกำลังไม่เท่าเจ้า ? ไม่ได้แพ้เพราะกระบวนท่าการต่อสู้ ? ถ้าเช่นนั้น…เจ้าลองสู้กับท่านพ่อของข้า เพราะข้าอยากเห็นกระบวนท่ารำหอกของสกุลจ้าวด้วยตาสักครั้ง ! ”
แม่ทัพเฉา “…” บุตรสาววางหลุมพรางบิดา ! เจ้าไม่ได้ยินที่องค์หญิงเว่ยเว่ยตรัสหรือไร แม้แต่หมินอ๋องก็ยังไม่กล้าปะทะกับนางโดยตรง ? อยากเห็นบิดาของเจ้าขายหน้าหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างไร…ข้ารำหอกสกุลจ้าวให้เจ้าดูอยู่ข้าง ๆ ก็ได้แล้วใช่หรือไม่ ? ”
คุณหนูเฉามุ่ยปากพร้อมตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไร “ถ้าเช่นนั้น…ก็ได้ ! ”
จากนั้นนางก็ตั้งใจดูท่ารำหอก แต่ผ่านไปไม่นานก็ต้องเมามายเพราะมัน…การร่ายรำลื่นไหลดั่งมังกรเล่นน้ำ พายุฝนฟ้าคะนองพัดผ่านเข้ามา เพิ่งผ่อนคลายไม่นานก็กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง หยินหยางแปรเปลี่ยน แยบยลจนไร้สิ้นสุด ไม่ว่าจะความมีชีวิตชีวาหรือความแข็งแกร่งก็ทำออกมาได้เหมือนพายุฝนทั้งสิ้น
“ดี ! ” แม่ทัพเฉาเอ่ยชม ทำให้คุณหนูเฉาตื่นจากภวังค์ “วิเศษไปเลย ! กระบวนท่ารำหอกนี้เจ้าทำออกมาได้ดีกว่าพ่อของเจ้าเสียอีก เข้าใจถึงแก่นแท้ของกระบวนท่ารำหอกสกุลจ้าว ! เป็นสีครามที่กลั่นออกมาจากต้นคราม1อย่างแท้จริง ! ”
บนใบหน้าของคุณหนูเฉาไม่มีความหยิ่งยโสอยู่อีกต่อไป นางเหมือนกับ ‘แฟนคลับ’ ตัวน้อยที่วิ่งเข้าหาหลินเว่ยเว่ยแล้วประเคนยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ “พี่จ้าว ท่านเช็ดเหงื่อก่อน ! พี่จ้าว ท่านเหนื่อยหรือไม่ ? พี่จ้าว ข้าช่วยถือกระบองให้ท่าน…”
หลินเว่ยเว่ยพบว่าตัวเองดึงดูดแฟนคลับมาได้อีกหนึ่งคน อย่างไรรอบกายก็ชอบมีเด็กสาวน่ารักมาวนเวียนเสมอ คุณหนูเฉาคนนี้ภายนอกดูเย็นชา คาดไม่ถึงว่าจะติดคนอื่นแบบนี้
“คุณหนูเฉาอายุเท่าไร ? ” หากเรียงตามลำดับอาวุโส ทั้งสองคนเกิดปีเดียวกัน แต่อายุเดือนของคุณหนูเฉามากกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งสองประลองกันว่าถ้าใครแพ้ต้องเรียกอีกฝ่ายลูกพี่ คุณหนูเฉาเรียกคำว่า ‘พี่’ โดยไร้ซึ่งความกดดันใด ๆ
หลินเว่ยเว่ยซัดกระบองเหล็กนิลลงพื้น ทันใดนั้นพื้นก็กลายเป็นร่องลึกและกระบองเหล็กนิลก็ตั้งตรงอยู่แบบนั้น นางเช็ดเหงื่อบนใบหน้าพลางพูดกับคุณหนูเฉาว่า “ข้าไม่ใช่คุณหนูจ้าว ข้าแซ่เดียวกับหมู่เฟย เจ้าเรียกข้าว่าเว่ยเว่ยแล้วกัน”
คุณหนูเฉาพูดด้วยความดีใจ “เว่ยเว่ย ข้าชื่อเฉาอันหราน เจ้าเรียกข้าว่าอันหรานหรือหรานหรานก็ได้ เว่ยเว่ย ข้าชอบนิสัยของเจ้า เพราะเจ้าไม่เหมือนคุณหนูจวนขุนนางพวกนั้นที่ทำตัวมีจริต แต่ในใจเต็มไปด้วยเล่ห์กล…เว่ยเว่ย นี่พวกเราเรียกว่าไม่ต่อสู้ไม่รู้จักกันหรือเปล่า ! ”
ต่อสู้ ? เจ้ามั่นใจว่านั่นเรียกต่อสู้ ? แต่ไม่ใช่โดนต่อยตีเสียเอง ? เอาเถิด ให้เกียรติเจ้าหน่อย ไม่อย่างนั้นเจ้าได้เล่นใหญ่แน่
แม่ทัพเฉาเข้าไปให้ห้องหนังสือกับเจียงโม่หาน ทั้งสองสนทนากันเรื่องคันไถล้อคู่ เจียงโม่หานหยิบพู่กันขนห่านที่ภรรยาใช้จดบันทึกมาวาดภาพหน้าไม้…หน้าไม้ชนิดนี้ ก่อนที่เขาจะถูกประหารในชาติก่อนมันเพิ่งถูกใช้ในกองทัพ
แม่ทัพเฉาร่วมรบกับฮ่องเต้มาหลายสิบปีจึงยังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอาวุธชนิดนี้ไม่ใช่ของธรรมดา เขาเงยหน้ามองเจียงโม่หานแล้วถามว่า “ใต้เท้าเจียง หมายความว่าอย่างไร ? ”
“ไม่ได้มีความหมายอะไร ก็แค่อยากมอบผลงานชิ้นนี้ให้ท่านแม่ทัพเฉาเท่านั้น” เจียงโม่หานรินชาให้อีกฝ่ายพร้อมมองด้วยรอยยิ้ม
แม่ทัพเฉาเผยสีหน้าเคร่งขรึม “ผลงานชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดไม่มอบให้พ่อตาของเจ้า ? ข้ากับเจ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน…พูดมา มีเรื่องใดอยากไหว้วานข้าหรือ ? ”
“แม่ทัพเฉาไม่ต้องเครียด ภรรยาของข้าน้อยกำลังแผ้วถางที่ดินบริเวณใกล้กับหมู่บ้านคนบาป แต่ขาดแคลนสัตว์มาช่วยทุ่นแรง…ตอนนี้กองทัพไม่มีสงคราม ม้าศึกในกองทัพของแม่ทัพเฉาว่างอยู่…” เจียงโม่หานเป็นสามีดีเด่นแห่งชาติจริง ๆ เขาไม่อยากให้ภรรยาเป็นกังวลเพราะเรื่องสัตว์สำหรับงานไร่
แม่ทัพเฉาพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านี้ ? ”
“เพื่อเรื่องม้าเท่านั้นหรือ ? เว่ยเว่ย เจ้าบอกข้าตามตรงก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ ? ” เฉาอันหรานพยายามขยับกระบองเหล็กนิลสองสามครั้ง แต่มันไม่ขยับเลยสักนิด นางจึงชื่นชมหลินเว่ยเว่ยยิ่งกว่าเดิม…นี่เป็นสตรีแข็งแกร่งที่น่าเคารพที่สุด
[i]
1 สีครามที่กลั่นออกมาจากต้นคราม หมายถึง ศิษย์เหนือกว่าอาจารย์ คนรุ่นหลังเหนือกว่าคนรุ่นก่อน