หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 609 เจ้าเป็นภรรยาที่ดีของข้า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 609 เจ้าเป็นภรรยาที่ดีของข้า

เจียงโม่หานมองรายชื่อเกณฑ์คนที่ถูกส่งมา เขาพบว่ามีหลายครัวเรือนที่ส่งแรงงานมาเกิน 2 คนขึ้นไป…เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาในชาติก่อนหรือชาตินี้ก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เมื่อก่อน เวลาเกณฑ์คนมาทำงานให้ทางการ หากบ้านไหนมีเงินก็ออกเงิน บ้านไหนไม่มีก็ซ่อนตัว ถ้าซ่อนไม่ได้จริงๆ ก็จะยอมรับชะตากรรมไปทำงานหนักเหล่านั้น เนื่องจากในขอบเขตอำนาจของเขาเคยมีชาวบ้านล้มตายเพราะงานของทางการครอบครัวละ 2 – 3 สามคนให้เห็น

เขาเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่นาน จึงไม่ได้คิดว่าพวกชาวบ้านจะให้เกียรติเขาถึงขนาดนี้ เขาเริ่มพลิกดูภูมิลำเนาที่อยู่ด้านหลัง…อ้อ ! เข้าใจแล้ว หมู่บ้านที่ส่งแรงงานมามากกว่าปกติคือหมู่บ้านที่กระจุกตัวอยู่รอบที่ดินซึ่งฝูเหรินเริ่มแผ้วถางนั่นเอง

หรือจะพูดให้ชัดคือครอบครัวที่เคยทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้ภรรยาตัวเอง ! โดยเฉพาะหมู่บ้านคนบาปซึ่งแทบจะส่งแรงงานออกมาหมดหมู่บ้าน !

ก่อนมาลงชื่อในการเกณฑ์คน หัวหน้าครอบครัวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านคนบาปต่างพากันไปรวมตัวที่บ้านเฉินหยุน…ใครใช้ให้บ้านสกุลเฉินได้บัตรผ่านจากภรรยานายอำเภอ ไม่เพียงจ้างเฉินหยุนเป็นลูกจ้างประจำ แต่ยังจ้างตาเฒ่าเฉิน (ปู่ของเฉินหยุน) ไปช่วยเลี้ยงสัตว์อีกด้วย

ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของปู่เฉินเคยดูแลทุ่งหญ้าเลี้ยงม้าให้แก่ฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อน (ไท่ผูซื่อชิง ขุนนางขั้นสาม) ฝีมือนี้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ! นอกจากเขาแล้ว ผู้อาวุโสแซ่ซุนจากหมู่บ้านตะวันตกก็เคยดูแลวัวให้คนอื่นในสมัยที่ยังเด็กอีกด้วย

ชายชราอายุห้าหกสิบปีสองคนกลายเป็นคนที่ได้งานมั่นคงที่สุดในหมู่บ้านคนบาป พูดกันว่าได้เงินเดือนถึง 800 อีแปะต่อเดือน ! เมื่อเทียบกับค่าแรงลูกจ้างชั่วคราวแล้วยังได้สูงกว่า จึงตกเป็นที่อิจฉาของชาวหมู่บ้านคนบาปทันที !

เจียงโม่หานไม่คาดคิดมาก่อนว่าการถางที่ดินของภรรยาจะสร้างประโยชน์ถึงขนาดนี้ ! เขาให้คนออกไปสำรวจเส้นทางซ่อมคลองที่ดีที่สุดไว้นานแล้ว โดยหมู่บ้านที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นจะเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ใกล้กับหมู่บ้าน หากตรงไหนไม่มีหมู่บ้านก็เลือกคนจากหมู่บ้านที่เสนอตัวมาเยอะที่สุดไปทำ

พวกแรงงานกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องอาหารเช้าและอาหารกลางวัน มันเป็นผักก้อนนึ่งแป้ง1สองลูกที่ใหญ่กว่ากำปั้น ธัญพืชหยาบ ผักป่าน้อย แม้จะเทียบกับหมั่นโถวแป้งข้าวโพดที่ภรรยานายอำเภอควักเงินจ่ายเองไม่ได้ แต่พวกคนหนุ่มก็กินอิ่มไปกว่าครึ่งกระเพาะ ตอนเช้าทำงาน 3 ชั่วยาม ช่วงบ่ายอีก 3 ชั่วยาม คนที่อยู่ใกล้บ้านไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับงาน เพราะตอนเที่ยงสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ เมื่อเทียบกับแรงงานที่ถูกเกณฑ์และให้ทำงานอย่างอดอยากจนหิวตายในสมัยก่อน การปฏิบัติต่อคนงานพวกนี้ยังดีกว่าหลายเท่า

ในคลังของอำเภอหนิงซีมีเสบียงอยู่ไม่มากนัก เจียงโม่หานจึงทำเรื่องขอยืมจากนายอำเภอหวางแห่งอำเภอเป่าชิงโดยมีองค์หญิงเว่ยเว่ยและหมินหวางเฟยรับประกัน นายอำเภอหวางก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล ทว่าอย่างไรก็ต้องเดินเรื่องถวายฎีกาขึ้นรายงานฮ่องเต้ก่อน

ผักป่าเป็นของที่ซื้อมาจากคนในละแวกนั้น แค่เงินอีแปะเดียวก็ซื้อได้ตะกร้าใหญ่แล้ว ! ขณะมองเงินเล็กน้อยในที่ว่าการอำเภอ เจียงโม่หานก็เริ่มกลัดกลุ้ม…ไม่ว่าอาหารหรือเงินก็ไม่เพียงพอสำหรับการซ่อมคลองจนเสร็จ เฮ้อ เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ2 !

หลินเว่ยเว่ยกำลังนอนฟุบอยู่อีกข้าง นางเขียนแผนการในช่วงนี้อยู่…ถางที่ดินเพื่อปลูกข้าวสาลีฤดูหนาว สร้างคอกวัว จับพวกหมูน้อยกลับมาเลี้ยงเป็นฟาร์มหมู เจ้าหนูน้อยอยากเลี้ยงกระต่ายก็สร้างคอกกระต่ายให้เขา…ภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีอะไรมากที่สุด…พื้นที่รกร้าง ! และในพื้นที่รกร้างมีอะไรมากที่สุด…หญ้า ! ถ้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีก 20 ลี้ ก็เป็นเขตทุ่งหญ้าแล้วยังต้องกังวลเรื่องอาหารของพวกสัตว์อีกหรือ ? ถ้าไม่ได้จริง ๆ นางสามารถขนเมล็ดพืชที่เหมาะกับพวกสัตว์มาได้ นางจะเป็นคนสร้างฟาร์มปศุสัตว์เองทั้งหมด !

มูลสัตว์ยังเอามาทำปุ๋ยคอกได้ ในมือนางมีสูตรปุ๋ยธรรมชาติอยู่หลายสูตร แม้จะเทียบไม่ได้กับปุ๋ยเคมีในชาติก่อน แต่มันก็ปลอดภัยและดีต่อสิ่งแวดล้อม !

รอให้ขุดร่องน้ำเสร็จเมื่อใด นางจะลองปลูกข้าวขาวอีกสัก 10 กว่าหมู่…หืม ! ภาคตะวันตกเฉียงเหนือเคยมีตัวอย่างข้าวขาวมาก่อนหรือไม่ ? ช่างเถิด ถึงแม้ไม่มี นางก็จะเป็นคนเริ่มเอง !

หืม ? เหตุใดบัณฑิตน้อยจึงขมวดคิ้วมากขนาดนั้น หรือว่าไปเจอปัญหาหนักใจอะไรมา ? นางเก่งเรื่องสอนแก้ปัญหา ก็แค่เรื่องง่าย ๆ หลินเว่ยเว่ยวางพู่กันขนห่านในมือลงแล้วถามเจียงโม่หานว่า “นายอำเภอเจียงไปเจอปัญหาหนักใจมาหรือ ? ระบายมาสิ แม้ข้าจะไม่ฉลาดเหมือนเจ้า หรือเข้าใจวิถีขุนนางเหล่านั้น แต่ ‘สามคนเขลา เทียบเท่าหนึ่งจูกัดเหลียง’ ! ดูเจ้าสิ ขมวดคิ้วจนจะกลายเป็นเฒ่าทารกอยู่แล้ว ! ”

เจียงโม่หานคลายคิ้วออกแล้วหันไปพูดกับนาง “ถ้าข้ากลายเป็นเฒ่าทารกแล้ว เจ้าจะไม่ชอบหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยรีบพูด “จะเป็นไปได้อย่างไร ! ถ้าเจ้ากลายเป็นเฒ่าทารก ก็ต้องเป็นเฒ่าทารกรูปหล่อที่สุด ยายแก่อย่างข้าคนนี้ยังจะเป็นผู้สนับสนุนที่ภักดีของเจ้าเหมือนเดิม ! ”

เจียงโม่หานเล่าถึงปัญหาของที่ว่าการอำเภอในเวลานี้ให้นางฟัง หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ง่ายมาก ! เจ้าลองคิดดูนะ ใครได้เงินมาง่ายที่สุด ? ก็ต้องเป็นพวกพ่อค้าอยู่แล้ว ! ไม่มีเงินก็ขอบริจาคจากพวกพ่อค้าในอำเภอหนิงซีหรือทั่วทั้งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ! ”

เจียงโม่หานเหลือบมองนาง “การบริจาคที่เจ้าพูดถึงทำราวกับพวกเขาจะยอมบริจาคง่าย ๆ อย่างไรอย่างนั้น ? เจ้าเห็นว่าพวกเขาพูดด้วยง่ายหรือไร ! ”

หลินเว่ยเว่ยยิ้ม “พ่อค้าชอบผลประโยชน์ เช่นนั้นก็ให้ผลประโยชน์พวกเขาหน่อย ! เช่นบริจาคเท่าไรจึงจะสามารถลดหย่อนภาษีได้หนึ่งปี ! บริจาคเท่าไรสามารถรับภาพลายพระหัตถ์ของหมินอ๋อง ! บริจาคเท่าไรชื่อของพวกเขาถึงจะได้อยู่ในซุ้มประตูเชิดชูเกียรติที่ราชสำนักจัดทำขึ้น…ชื่อเสียง ลาภยศ พ่อค้าหลายคนไม่ขาดเงิน แต่ที่ขาดคือสร้างชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ! ”

เจียงโม่หานคิดตกทันที เขาเคาะศีรษะน้อย ๆ ของนางด้วยความชอบใจ “เจ้าว่าเหตุใดสมองน้อย ๆ ของเจ้าถึงโตขึ้นได้ ? โชคดีที่สุดในชาตินี้ของข้า เจียงโม่หาน ก็คือได้แต่งกับภรรยาที่ดีอย่างเจ้า ! ”

ใช่ว่านางฉลาด แต่เพราะชาติก่อนนางอ่านนิยายแนวทะลุมิติมาเยอะ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่นางยืมคนอื่นมาทั้งสิ้น แต่ที่บัณฑิตน้อยบอกว่าการได้แต่งกับนางถือเป็นโชคดีที่สุดสำหรับเขา ทำให้หลินเว่ยเว่ยดีใจจนตัวลอย นางรีบกระโดดเข้าไปจุมพิตเขา ถ้าไม่ใช่เพราะนางกำนัลของหมินหวางเฟยยกอาหารมื้อดึกมาส่งให้ พวกนางก็อาจเป็นถ่านติดไฟ ทำอะไรในห้องหนังสือ…แค่ก แค่ก ทุกคนคงรู้ดี !

เจียงโม่หานส่งเทียบเชิญไปให้พ่อค้าหลายสิบคนที่มีเงินทุนค่อนข้างหนาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นอย่างที่หลินเว่ยเว่ยพูดไว้ว่าพ่อค้าบางคนในกลุ่มนี้พุ่งเป้ามาที่การลดหย่อนภาษี บางคนอยากทิ้งชื่อไว้ให้คนรุ่นหลังรับรู้ และมีบางคนอยากได้ภาพลายพระหัตถ์หมินอ๋อง พูดกันว่าหมินอ๋องเคยช่วยชีวิตพวกตนจากมือกบฏราชวงศ์ก่อน ! ในเมื่อบุตรเขยของพระองค์มารับตำแหน่ง จึงต้องสนับสนุน ! !

ลู่เหวินจวินขนเครื่องเคลือบลายครามมาที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนืออย่างแข็งขัน เมื่อมาถึงอำเภอหนิงซีแล้วเขาก็ลงเรือ ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้ลูกน้องเป็นคนจัดการ พอได้ยินว่าหากบริจาคมากพอจะมีชื่อในซุ้มประตูเชิดชูเกียรติ เขาก็รีบควักเงินบริจาคมากถึงสองหมื่นตำลึงเงิน ทำให้ตัวเองได้สลักชื่อไว้ในซุ้มประตูเชิดชูเกียรติได้สำเร็จ !

เจ้าเด็กคนนี้ร่วมลงทุนทำการค้าเมล็ดสนปากอ้าและเมล็ดถั่วคั่วต่าง ๆ กับหลินเว่ยเว่ย ช่วงปีใหม่จึงทำเงินได้ก้อนโต ! รวมกับเงินที่ขายสินค้าจากทุ่งหญ้าได้แล้ว เงินสองหมื่นตำลึงนี้จึงเป็นเงินก้อนเล็กสำหรับเขา ! เงินไม่มีก็สามารถหาใหม่ได้ แต่เสาหลักอย่างหลินเว่ยเว่ยต้องเกาะให้แน่น แบบนี้แล้วต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหาเงินอีก

‘ซุ้มประตูเชิดชูเกียรติ’ ยังไม่เริ่มสร้าง ที่ว่าการอำเภอหนิงซีก็ได้รับเงินบริจาคมากกว่า 300,000 ตำลึงเงินแล้ว ไม่ใช่แค่พ่อค้าในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะแม้แต่พ่อค้าที่ผ่านไปผ่านมาทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือก็ยังพากันบริจาคเพื่อคว้าโอกาสดี ๆ ที่จะได้สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลนี้ไว้ !

[i]

1 ผักก้อนนึ่งแป้ง คือ การนำผักป่าไปคลุกกับแป้งข้าวโพดหยาบ ปั้นเป็นก้อนแล้วนึ่ง

2 เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ หมายถึง ความลำบากเล็กน้อยกลับทำให้เรื่องสำคัญไม่อาจดำเนินต่อไปได้

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท