ตอนที่ 620 แม้เป็นมังกรก็มีวันต้องจำศีล
หมินอ๋องพานักฆ่าที่กลายเป็นโจรจำนวน 50 คนมายังที่ว่าการอำเภอแทนนาง เจียงโม่หานให้หมอช่วยพันแผลพวกเขาอย่างง่าย ๆ แล้วจึงพาตัวไปยังบ่อเกลือ
แม่ทัพเฉาเห็นนายอำเภอพา ‘เชลยศึกไม่สมประกอบ’ มากลุ่มใหญ่ จึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “น้องเจียง นี่เจ้า…”
เจียงโม่หานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าน้อยอยากใช้คนพวกนี้แลกกับคนงานเก่าที่อ่อนแอในบ่อเกลือสักหน่อย…” ขณะพูดก็นำรายชื่อคนที่อยากแลกมายื่นให้แม่ทัพเฉา
หลังจากอ่านแล้วแม่ทัพเฉาก็ขมวดคิ้วพลางถาม “นี่เป็นความคิดของเจ้า หรือว่า…” ขณะพูด เขาก็ชี้นิ้วขึ้นด้านบน
เจียงโม่หานไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดว่า “คนพวกนี้ต่างเป็นปัญญาชนที่อ่อนแอไร้พละกำลัง สตรีและเด็ก อยู่ในบ่อเกลือก็ช่วยงานอะไรไม่ได้ ข้าน้อยจะพาคนพวกนี้ไป ส่วนนักโทษที่ข้าน้อยพามา แม้จะบาดเจ็บบ้างแต่พอรักษาหายแล้วก็เป็นแรงงานที่แข็งแรง แม่ทัพเฉา ท่านไม่เสียเปรียบหรอกขอรับ ! ”
“เป็นบัณฑิตหยวนขอร้องเจ้าอย่างนั้นหรือ ? หืม แต่เจ้าเป็นบัณฑิตจากภาคเหนือ บัณฑิตหยวนเป็นคนทางใต้ เจ้าสองคนไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร ? ” แม่ทัพเฉาพับรายชื่อในมืออย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันมามองเจียงโม่หานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เจียงโม่หานเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธ จึงรู้ว่าอาจสำเร็จแล้ว “คนพวกนี้เป็นขุนนางที่มีความสามารถของราชวงศ์ก่อน เพียงแต่อดีตฮ่องเต้โง่เขลาเบาปัญญา ริษยาผู้ที่มีความสามารถเหนือตนจึงสั่งเนรเทศพวกเขามายังที่นี่ บัดนี้ราชสำนักต้องการผู้มีความสามารถ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีการอภัยโทษลงมาและให้เรียกใช้พวกเขาอีกครั้ง…”
ชาติก่อน ตอนที่ฮ่องเต้มีพระราชโองการลงมา อดีตขุนนางมากความสามารถเหล่านี้ก็เหลือรอดเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งยังสุขภาพย่ำแย่สุด ๆ ผ่านไปไม่กี่ปีก็เสียชีวิต ฮ่องเต้หยวนชิงคร่ำครวญถึงคนพวกนี้ยามประชุมราชสำนักหลายต่อหลายครั้ง…
แม้ว่าแม่ทัพเฉาจะเป็นคนแข็งกระด้าง แต่สำหรับปัญญาชนที่มีสมองเฉียบแหลมก็ยังพอให้ความยกย่องอยู่บ้าง หลังครุ่นคิดแล้วเขาก็พูดกับเจียงโม่หานว่า “ได้ ! เขื่อนกั้นน้ำทางนั้นก็ต้องการคนเช่นกัน ในบรรดาคนพวกนี้มีคนที่เคยอยู่กรมโยธาธิการมาก่อน ถ้าอย่างไร…ให้เจ้ายืมใช้ก่อนก็ได้ ! แต่หากเบื้องบนตำหนิลงมา ข้าจะไม่ช่วยปกปิดแทนเจ้าหรอก ! ทหาร ! พาคนที่ใต้เท้าเจียงนำมาลงไปในบ่อเกลือ ให้พวกมันได้ใช้ชีวิตตามที่ควรจะเป็น ! ”
ในบ่อเกลือมีนักโทษที่กระทำความผิดมากมาย ลูกน้องของแม่ทัพเฉาจึงมีวิธีจัดการกับคนพวกนี้อย่างชำนาญ เมื่อมาถึงถิ่นของเหล่าเฉาผู้นี้แล้ว แม้แต่มังกรก็ยังต้องเปลี่ยนเป็นหนอนผีเสื้อตัวหนึ่งที่ให้เขาได้บีบเค้นตามใจชอบ !
คนส่วนใหญ่ในใบรายชื่อของเจียงโม่หานเป็นอดีตขุนนางที่ถูกเนรเทศจากราชวงศ์ก่อน มีขุนนางขั้นหนึ่งและขั้นสองไม่น้อย ก่อนหน้านี้มีคนชรากับสตรีอ่อนแอที่ต้องเสียชีวิตในขณะเดินทางมาชายแดนและยังมีคนที่จบชีวิตลงเพราะป่วยในบ่อเกลือ…คนที่เหลือรอด พอรวมกับครอบครัวของพวกเขาแล้วก็ยังมีแค่สามสิบกว่าคนเท่านั้น
ทว่าจากสภาพของพวกเขาแล้ว แม่ทัพเฉาน่าจะปฏิบัติดีด้วยเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นในบ่อเกลือที่มีงานหนักเช่นนี้ ปัญญาชนผู้อ่อนแอก็คงยากที่จะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้
แม่ทัพเฉาพูดกับพวกเขาว่า “ท่านนี้คือนายอำเภอหนิงซี เป็นจอหงวนของปีก่อน อำเภอหนิงซีของเขากำลังสร้างระบบชลประทาน แต่คนในมือไม่พอ ในบรรดาพวกเจ้ามีใครเคยทำงานให้กรมโยธาธิการมาก่อนบ้าง ? ”
เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ก็มีชายชราร่างกายอ่อนแอเดินออกมาจากฝูงชน เจียงโม่หานจำได้ว่าอีกฝ่ายคือศิษย์คนที่ห้าของผู้อาวุโสเซวีย อายุมากกว่าบัณฑิตหยวนเพียง 7-8 ปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนชายชราจริง ๆ ผมขาวหมดทั้งศีรษะ ใบหน้าเหี่ยวย่น แสดงออกให้เห็นถึงความลำบากที่ได้เผชิญ
ต่อจากนั้นยังมีชายอายุประมาณสามสิบปีต้น ๆ เดินออกมาอีกคน เขาทำมือคารวะเจียงโม่หาน “ท่านพ่อเคยรับหน้าที่ซ่อมแซมระบบชลประทานทางใต้มาก่อนและทำอยู่หลายสิบปีขอรับ”
เจียงโม่หานกวาดตามองฝูงชน เหมือนกำลังตามหาคนที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง ชายผู้นั้นพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ท่านพ่อไม่สบาย ได้แต่นอนติดเตียง…ข้าน้อยขอวิงวอนต่อใต้เท้า ได้โปรดเชิญหมอมาดูอาการท่านพ่อด้วยเถิดขอรับ”
หลังสอบถามถึงตำแหน่งและสังกัดในสมัยก่อนของคนที่เหลือแล้ว เจียงโม่หานก็หันมาพูดกับแม่ทัพเฉาว่า “ข้าน้อยสามารถใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้ได้ ต้องขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านแม่ทัพเฉามากขอรับ ! ”
แม่ทัพเฉาโบกมือ “พวกเขาจะไปทำงานที่ไหนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ? หาเกลือหรือขุดคลองก็ทำเพื่อแผ่นดินทั้งสิ้น ! จริงสิ บุตรสาวข้าชอบขนมที่ฝูเหรินเจ้าทำมาก…”
“…” บุตรสาวท่านไปที่ว่าการอำเภออยู่บ่อยครั้งเพื่อกินขนมของภรรยาข้าไม่ใช่หรือ? ท่านอยากกินเองก็ไม่ต้องโยนไปให้บุตรสาว ! เจียงโม่หานพยักหน้า “เมื่อกลับไปยังที่ว่าการแล้ว ข้าน้อยจะสั่งให้ฝูเหรินห่อให้นางเอากลับมาเยอะ ๆ หน่อย”
หลังจากพอใจแล้ว แม่ทัพเฉาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้เขาพาคนออกไปได้
ในบรรดา 36 คนนี้ มี 3 คนเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเซวียและยังมีอีก 4 คนที่เป็นขุนนางมากความสามารถของราชวงศ์ก่อน ส่วนที่เหลือต่างเป็นญาติของพวกเขาหรือคนในครอบครัวขุนนางที่เสียชีวิตไปแล้ว
ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์ก่อนช่างโง่เขลา หลงเชื่อคำยุยงของขุนนางกังฉินแล้วหันมาทำร้ายขุนนางตงฉินแทน หากราชวงศ์ไม่ล่มสลายก็แปลก !
เจียงโม่หานให้พวกเขาพักอยู่ที่เรือนหลังที่ว่าการแล้วเปิดประตูที่สามารถออกไปข้างนอกได้ทิ้งไว้ เจียงโม่หานพูดกับชายชราที่มีอายุประมาณ 50 กว่าปีว่า “ใต้เท้าหลิ่ว ในราชวงศ์ก่อน ท่านเคยรับหน้าที่ในกรมคลัง ดูแลเรื่องไร่นามาก่อนด้วย รอให้ฝูเหรินสร้างบ้านไร่เสร็จเมื่อใด ท่านก็พาครอบครัวไปอยู่ที่นั่นเถิด ! ใต้เท้าหู ใต้เท้าจาง รอให้อากาศอบอุ่นกว่านี้หน่อย พวกท่านก็ตามข้าไปสำรวจแม่น้ำ ข้ามีความคิดบางอย่างที่อยากให้ใต้เท้าทั้งสองช่วยออกความเห็น”
อดีตขุนนางเฒ่าที่มีวัยเกือบ 60 ปีทั้งสามคนนี้ ทำงานอยู่ในบ่อเกลือมาหลายสิบปีจึงทรมานจนไม่เหลือสภาพดี ๆ แล้ว สภาพในตอนนี้เหมือนชาวบ้านธรรมดาไม่มีผิด พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวว่า “ข้าน้อยไม่กล้ารับคำเรียกว่าใต้เท้าจากท่านนายอำเภอหรอกขอรับ…”
หลินเว่ยเว่ยพาชุนซิ่งและชิงหลิ่วมาดู นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น…เรียกพวกท่านว่าผู้อาวุโสหลิ่ว ผู้อาวุโสหูและผู้อาวุโสจางก็แล้วกัน ท่านพี่ ห้องครัวเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว พวกท่านทั้งหลายอาบน้ำกันก่อน แล้วข้าจะให้คนเชิญหมอมาตรวจสุขภาพ ! ”
ผู้อาวุโสหลิ่ว…ก็คือศิษย์คนที่ห้าของผู้อาวุโสเซวีย เขาพูดด้วยความสุภาพและดูเหินห่างเล็กหน่อย “ขอบคุณท่านนายอำเภอและฝูเหรินมากขอรับ”
หลังจัดการเรื่องคนพวกนี้เสร็จแล้ว เจียงโม่หานก็ออกไปพร้อมภรรยา จางว่านหลี่เห็นหลังบ้านไม่มีทหารคอยเฝ้าไว้ จึงหันไปมองหลิ่วจงเทาหรือผู้อาวุโสหลิ่วแล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “เจ้าคิดว่า…นายอำเภอเจียงจะมาไม้ไหน ? ถ้าจะขุดคลองก็ต้องเอาคนหนุ่มที่มีแรงเยอะ ๆ สิ เอาคนแก่อ่อนแออย่างพวกเรามาจะมีประโยชน์อะไร ? ”
“ท่านพ่อขอรับ นายอำเภอก็พูดแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาอยากได้ประสบการณ์ในการสร้างระบบชลประทานจากท่านกับท่านลุงหู…” บุตรชายคนที่สองของจางว่านหลี่มองชุดเครื่องนอนครบครันในห้อง แม้ห้องมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็ดีกว่าที่พักในบ่อเกลือมากแล้ว “แม้จะแย่แค่ไหนก็ไม่แย่เท่าบ่อเกลือหรอกขอรับ…”
แม้ว่าแม่ทัพเฉาจะดูแลพวกเขาเป็นกรณีพิเศษ แต่งานหนักของทุกวันก็ไม่อาจเลี่ยงได้ งานที่บ่อเกลือไม่ใช่งานที่คนจะทำไหว งานที่พวกคนแก่อ่อนแออย่างผู้อาวุโสจางและผู้อาวุโสหลิ่วได้ทำยังถือว่าดีหน่อย แต่คนรุ่นหลังของพวกเขาไม่ได้โชคดีแบบนั้นด้วย ทว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว ความลำบากของพวกเขายังถือว่าลดลงไปมาก
“ในเมื่อมาเเล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข…” ผู้อาวุโสหลิ่วใช้มือทุบเอวตัวเอง หลานชายของเขาจึงรีบเข้ามานวดให้ทันที