ตอนที่ 622 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ช่างไม่ถูกหลักการ
หลังปลูกข้าวสาลีและข้าวโพดในฤดูใบไม้ผลิเสร็จแล้ว หลีชิงก็พาองครักษ์กับลูกจ้างประจำออกเดินลาดตระเวนรอบไร่และจับโจรที่มาขโมยเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดได้หลายรายตามคาด ! คนที่ทำแบบนี้ หากไม่ได้ทำเพราะเกียจคร้านงานหนัก แต่มีใจโลภอยากได้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดชั้นดี ก็เป็นเพราะเศรษฐีในท้องที่อยากได้เมล็ดพันธุ์ชั้นดีพวกนี้กลับไปปลูกเอากำไร
เจียงโม่หานจัดการคนพวกนี้อย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าจะเป็นใคร พอจับได้แล้วก็ส่งไปเป็นแรงงานที่บ่อเกลือนานหนึ่งปี ! ซึ่งทุกหมู่บ้านในอำเภอก็มีเหตุการณ์เช่นนี้ปรากฎขึ้นเหมือนกันหมด
พวกผู้ใหญ่บ้านต้องเอ่ยชมแผนการของนายอำเภอ หลังมีคนลาดตระเวนแล้ว โจรขโมยเมล็ดพันธุ์ล้วนประสบความล้มเหลวทุกราย ตรงกันข้ามยังเป็นการส่งตัวเองไปเป็นแรงงานที่บ่อเกลืออีกด้วย…ต่อจากนั้นก็ไม่มีใครพุ่งเป้ามาที่เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดของอำเภอหนิงซีอีกต่อไป !
ในเวลาเดียวกัน เมื่อภาพเขื่อนกั้นน้ำของเจียงโม่หานถูกผู้อาวุโสหูและผู้อาวุโสจางช่วยวิจารณ์แล้วก็ถูกปรับเปลี่ยนอีกเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มก่อสร้าง ในด้านการสร้างกลไกสำหรับเปิดปิดประตูควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านนั้นเป็นความคิดของหลินเว่ยเว่ย
ผู้อาวุโสหูและผู้อาวุโสจางมองภาพวาดในมือ แล้วหันไปมองสิ่งก่อสร้างกลางแดดแผดเผา ทันใดนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ‘คนหนุ่มสาวสมัยนี้ ช่างคิดจริง ๆ ! เมื่อมีประตูกั้นน้ำนี้แล้วก็จะสะดวกในการควบคุมระดับน้ำ โดยเฉพาะเวลาที่มีน้ำหลากก็สามารถปิดประตูเพื่อกั้นน้ำได้ ราษฎรไม่ต้องทุกข์ทรมานเพราะน้ำท่วมกันอีก ! ’
นายอำเภอหนุ่มคนนี้มีความสามารถอย่างแท้จริง คนผู้นี้ไม่ใช่บัวใต้ตม อนาคตจะต้องสดใสแน่นอน !
ขุดร่องน้ำ ขุดคลอง ซ่อมคลองส่งน้ำ สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างเขื่อนกั้นน้ำ แทบจะถูกสร้างขึ้นในเวลาเดียวกัน อีกทั้งสิ่งที่ไม่ขาดแคลนคือแรงงาน ในยามที่ผลผลิตเก็บเกี่ยวไม่ทันเช่นนี้ก็มีชาวบ้านจำนวนมากยอมออกมาใช้แรงงานแลกกับอาหารสองมื้อต่อวัน ส่วนเรื่องข้าวสารก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะหมินหวางเฟยให้คนขนข้าวสารมาจากทางใต้ เรือลำแล้วลำเล่าล่องสู่น่านน้ำอำเภอหนิงซี
เจียงโม่หานยังร่วมมือกับแม่ทัพเฉาเพื่อกวาดล้างกองโจรสลัดกลุ่มใหญ่ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำก็ปลอดภัยขึ้นมาก พ่อค้าที่ต้องเดินทางล้วนซาบซึ้งใจในการทำงานของนายอำเภอคนปัจจุบัน พวกเขาจึงร่วมบริจาคทรัพย์สินและเสบียงเพื่อสนับสนุนการสร้างระบบชลประทานของอำเภอหนิงซี…
“หืม ! คึกคักกันเหลือเกิน ! ” องค์ชายเจ็ดในท่วงท่าสง่างามกำลังอยู่บนหลังอาชา ขณะทอดพระเนตรชาวบ้านที่กำลังถอดเสื้อแล้วช่วยกันขุดคลองอย่างขยันขันแข็ง ทรงมุ่ยพระโอษฐ์พลางตรัสว่า “จอหงวนคนนี้เพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่ถึงปีก็เกณฑ์คนมามากมายขนาดนี้แล้ว ไม่กลัวกระแสตีกลับของชาวบ้านหรืออย่างไร ? ”
นับตั้งแต่สมัยโบราณ การเรียกเกณฑ์คนของทางการมักกลายเป็นการบีบให้ชาวบ้านกลายเป็นกบฏ เดิมทีภาคตะวันตกเฉียงเหนือก็ไม่ค่อยสงบอยู่แล้ว ตอนที่พระองค์ขนอาหารบรรเทาทุกข์มาแจกจ่ายก็เกือบโดนโจรสลัดปล้นไปเช่นกัน !
“กินข้าว ! ! มาเข้าแถวให้เรียบร้อย หมั่นโถวคนละสองลูก หัวไชเท้าดองเค็มคนละหนึ่งหัว ! วันนี้ยังมีโจ๊กข้าวโพดเพิ่มอีกคนละหนึ่งชาม ! ” หมั่นโถวตะกร้าแล้วตะกร้าเล่าและหม้อโจ๊กข้าวโพดหม้อแล้วหม้อเล่าถูกยกเข้ามา ชาวบ้านที่ขุดคลองอยู่ก็พากันมาเข้าแถวรับอาหารของวันนี้ตามปกติ
หลังรับอาหารเสร็จแล้วก็ไปนั่งบนพื้น จากนั้นเริ่มกินหมั่นโถวคำโต ชายผิวดำคนหนึ่งที่พอกินโจ๊กข้าวโพดไปคำหนึ่งแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โจ๊กนี้อร่อยมาก ! คงไม่ได้ทำมาจากข้าวโพดให้ผลผลิตสูงของอำเภอหนิงซีเราหรอกกระมัง ? ”
“ต้องใช่แน่นอน ! เพราะนอกจากอำเภอหนิงซีของเราแล้วยังจะหาข้าวโพดที่อร่อยขนาดนี้จากที่ไหนได้อีก ? เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ท่านภรรยานายอำเภอนำมา ทั้งให้ผลผลิตสูงและรสชาติดี ต่อไปชาวบ้านในอำเภอหนิงซีจะได้มีลาภปากแล้ว” หลังชายหนุ่มอีกคนพูดจบก็ยกชามโจ๊กขึ้นซดคำใหญ่ โจ๊กข้าวโพดไม่ได้เหนียวหนืด ทั้งอร่อยและอยู่ท้อง !
“พอได้กินโจ๊กข้าวโพดนี้แล้วร่างกายก็เต็มไปด้วยพละกำลัง ! แม้จะให้ทำงานอีกสองชั่วยาม ข้าก็ยังไหว ! ” ชายคนหนึ่งคุยโว
เจ้าหน้าที่แจกอาหารให้ชาวบ้านพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ระเบียบของนายอำเภอคือให้มีเวลาพักกินข้าวหนึ่งชั่วยาม เจ้าวิ่งไปทำงานแบบนั้นก็เท่ากับว่าพาพี่น้องของพวกเราไปทำผิดกฎด้วยไม่ใช่หรือ ? คนที่ไม่รู้ก็จะเข้าใจผิดว่านายอำเภอใช้แรงงานเจ้าเหมือนทาส ! ”
“สมัยก่อน เจ้าหน้าที่แทบอยากจะฆ่าแรงงานให้ตาย ทำงานช้าหน่อยก็ใช้แส้เฆี่ยนตี แต่ในเวลานี้แรงงานอย่างพวกเราอาสาทำงานเพิ่ม เจ้าหน้าที่อย่างพวกท่านกลับไม่ยอมให้ทำ” ชายผู้นั้นสนิทกับเจ้าหน้าที่แล้วจึงกล้าพูดติดตลก
เจ้าหน้าที่พูดด้วยรอยยิ้ม “นี่ไม่ถือว่าเป็นความเมตตาของนายอำเภอเจียงหรอกหรือ ? นายอำเภอและฝูเหรินที่ดีขนาดนี้จะไปหาจากที่ไหนได้อีก ? พวกเจ้าเพลิดเพลินกับความสุขไปเถิด ! ”
องค์ชายเจ็ดลงจากหลังอาชาพลางดำเนินมาคุกพระชานุลงข้างแรงงานคนหนึ่งแล้วตรัสถามว่า “เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดให้ผลผลิตสูงที่เจ้าพูดถึงเมื่อครู่ ได้ผลผลิต 500 ชั่งต่อหมู่จริงหรือ ? คงไม่ได้สร้างตัวเลขเท็จขึ้นมาหรอกกระมัง ? ”
แรงงานคนนั้นเช็ดปากแล้วหันไปมองพระองค์ด้วยความหวาดระแวง “เจ้าคงไม่ได้คิดจะมาซื้อเมล็ดพันธุ์จากท่านฝูเหรินนายอำเภอใช่หรือไม่ ? ข้าแนะนำเจ้าว่ามาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้น เพราะท่านฝูเหรินนายอำเภอพูดไว้แล้วว่าเมล็ดข้าวโพดเหล่านี้เก็บไว้ให้ชาวบ้านอำเภอหนิงซีก่อน ถ้ามีเหลือก็ขายในอำเภอที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนที่อื่นนั้น…งดพิจารณาชั่วคราว ! ”
แรงงานหนุ่มที่อยู่ด้านข้างก็พูดกับองค์ชายเจ็ดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “เมล็ดข้าวโพดของท่านฝูเหรินนายอำเภอ อย่างน้อยจะได้ผลผลิตประมาณ 500 ชั่ง แต่นี่ยังเป็นปริมาณที่ได้จากการปลูกในที่ดินเพิ่งแผ้วถางและเป็นดินทราย ถ้าเปลี่ยนเป็นดินอุดมสมบูรณ์ ปริมาณก็ต้องมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ! ไม่ปิดบังเจ้า เพราะปีก่อนข้าไปช่วยเก็บข้าวโพดจึงพบว่าข้าวโพดหนึ่งหมู่กองเป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ น่าดีใจมากเลย ! ปีนี้บ้านข้าปลูกไว้ 8 หมู่…เสี่ยวซวนจื่อ รีบช่วยข้าคำนวณหน่อยว่าหลังเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วจะได้ธัญพืชหยาบมาเท่าไหร่ ? ”
เสี่ยวซวนจื่อที่อยู่ด้านข้างเป็นเพียงเด็กอายุ 10 กว่าขวบ เขานับนิ้วอยู่นานสองนานก่อนจะพูดขึ้นว่า “เหมือนจะ…4,000 ชั่ง ? ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ! 4,000 ชั่ง ! แม้จะให้ครอบครัวข้าทั้งหกคนกินแล้วก็ยังกินไม่หมด ! ” แรงงานหนุ่มคนนั้นดีใจจนมือไม้อยู่ไม่สุข ราวกับว่าในเวลานี้มีกองข้าวโพดสีเหลืองทองมากองอยู่ตรงเบื้องหน้า
องค์ชายเจ็ดใช้เงินซื้อโจ๊กข้าวโพดมาจากแรงงานที่เพิ่งได้รับมาหนึ่งชาม หลังลองชิมแล้วก็พบว่ามันอร่อยอย่างที่พวกชาวบ้านพูด ขอบอกตามตรงว่าข้าวโพดในนั้นมีอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาวเสียมากกว่า แต่ข้าวโพดก็ให้ความรู้สึกเหนียวหนึบในปากและยังเพิ่มรสสัมผัส ทำให้รสชาติดียิ่งกว่าเดิม !
องค์ชายเจ็ดตรัสด้วยโทสะ “เมล็ดพันธุ์ที่ล้ำค่าขนาดนี้ หลินเว่ยเว่ยกลับเอามาใช้ต้มโจ๊กให้แรงงานกิน ! ทำตัวฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว ! ! ”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมองสำรวจพระวรกายตั้งแต่บนจรดล่างเพื่อคาดเดาฐานะ เนื่องจากกลัวอีกฝ่ายเข้าใจท่านภรรยานายอำเภอผิดไปจึงอธิบายว่า “ข้าวโพดพวกนี้ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ไม่ได้ แค่ราษฎรในอำเภอหนิงซีก็ทำให้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดไม่เพียงพอแล้ว ท่านฝูเหรินนายอำเภอจะเอามาต้มโจ๊กได้อย่างไร ? ”
“หืม ? ถ้าเช่นนั้นเหตุใดท่านฝูเหรินนายอำเภอของพวกเจ้าไม่ปลูกให้มากหน่อย ? ” องค์ชายเจ็ดตรัสถามเจ้าหน้าที่คนนั้น
เจ้าหน้าที่รีบพูดว่า “ตอนท่านนายอำเภอมาถึงก็เข้าสู่เดือนเจ็ดแล้ว สายน้ำไม่คอยท่า กาลเวลาไม่คอยใคร จึงทำได้แค่แผ้วถางที่ดินเท่านั้น ตอนเข้าฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ก็ถางอีกหลายร้อยหมู่ ทั้งหมดล้วนเอามาใช้ปลูกข้าวโพด และปีหน้าชาวบ้านในอำเภอหนิงซีก็จะได้ปลูกเมล็ดพันธุ์แบบนี้แล้ว ใครจะไปคาดคิดว่าข้าวโพดที่ทุกคนต่างดูแคลนจะให้ผลผลิตมากมายถึงขนาดนี้กันเล่า ? ”
เจ้าหน้าที่อีกคนพูดเสริมด้วยรอยยิ้ม “มีชาวบ้านไม่น้อยในอำเภอหนิงซีที่พูดกันว่าท่านฝูเหรินนายอำเภอเป็นเทพธิดาผู้เชี่ยวชาญการเกษตรลงมาจุติ ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ! ”