ตอนที่ 639 หรือยังต้องรอฤกษ์งามยามดีด้วย ?
วันนี้เจียงโม่หานเลิกงานค่อนข้างเย็น หลังเก็บเอกสารบนโต๊ะแล้วจู่ ๆ เขาก็พบว่าเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป หืม ? เหตุใดคืนนี้ภรรยาตัวน้อยของเขาถึงไม่มาที่ห้องหนังสือ ?
เมื่อเห็นว่าห้องนอนยังมีแสงไฟอยู่ เขาก็ผลักประตูเข้าไปด้วยความสงสัยและเห็นเพียงภรรยาตัวน้อยกำลังนั่งพิงหัวเตียงและอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างออกรส
เจียงโม่หานส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม…เด็กน้อยไปได้หนังสือเล่มใหม่มาจากที่ใดอีกจึงอ่านเพลินขนาดนี้ แม้แต่เขาเดินเข้ามา นางก็ยังไม่รู้ตัว
รองผู้ตรวจการเจียงผู้โดนเมินจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อเข้าไปนั่งข้างภรรยาแล้ว นางก็ยังอ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างตั้งใจ เจียงโม่หานรู้สึกสงสัยยิ่งกว่าเดิมจึงชะโงกหน้าไปดู…
เท่านั้นเอง ใบหน้าอันหล่อเหลาของรองผู้ตรวจการเจียงก็เป็นเหมือนปูต้มทันที คือ…แดงไปหมด เขาทำตัวเหมือนโดนน้ำร้อนลวกและกระโดดออกจากเตียงพลางถอยห่างไปหลายก้าวจนทำให้กระถางต้นไม้ข้างเตียงล้มกลิ้ง
ในที่สุดเสียงของกระถางต้นไม้ล้มก็ทำให้หลินเว่ยเว่ยหันมาสนใจโดยละสายตาจากหนังสือเล่มนั้น เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเจียงโม่หานเป็นเหมือนก้นลิง ภายใต้แสงเทียน บุรุษที่งดงามดั่งเทพเซียนกำลังยืนเขินอายอยู่แบบนั้น ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะดึงเทพเซียนองค์นี้ลงมายังโลกมนุษย์
นางกะพริบดวงตากลมโตขณะชี้ภาพชายหญิงกำลังคลอเคลียกันในหนังสือ จากนั้นนางก็พุ่งไปตรงเบื้องหน้าของบัณฑิตน้อยแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านพี่ ท่านดูภาพแปลก ๆ นี่สิ ชายหญิงกำลังต่อสู้กัน ! ผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดีสุด ๆ ถึงขั้นกดผู้หญิงไว้ด้านล่าง…”
ใบหน้าของเจียงโม่หานแดงกว่าเดิมทันที ทั้งตัวร้อนเหมือนไฟ เขาถอยไปด้านหลังอีกสองก้าวพลางหลบสายตาไม่กล้ามองหนังสือเล่มนั้นแล้วพูดอย่างติดอ่างว่า “นะ…นั่นไม่ใช่การต่อสู้…ใครให้หนังสือเล่มนี้กับเจ้า ? ” มีอย่างที่ไหนกัน ในเรือนถึงขั้นมีคนกล้าทำเรื่องแบบนี้ใต้เปลือกตาของเขา ถึงช่วงนี้จะงานยุ่งไปหน่อย แต่ก็ยังหาเวลาออกมาสั่งสอนพวกบ่าวได้ !
“ไม่ได้สู้กันแล้วทำอะไร ? ” หลินเว่ยเว่ยยังพลิกไปอีกหน้าแล้วร้อง ไอโหยว ออกมา “ท่านพี่ ท่านรีบดูเร็ว เจ้าคนชั่วกำลังทรมานผู้หญิงอยู่ล่ะ…ดูท่าทางนางเจ็บปวดมาก ! ”
“…” เจียงโม่หานอยากบอกว่านั่นไม่ใช่ท่าทางของคนเจ็บ !
เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงเลี่ยงไม่ตอบดีกว่า เจียงโม่หานถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เจ้ายังไม่ได้ตอบเลยว่าใครให้หนังสือนี้แก่เจ้า ! ”
“หมู่เฟย ! จะเป็นใครได้อีก ? ” หลินเว่ยเว่ยพลิกหนังสือ เมื่อคิดว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้วนางก็โยนทิ้งไปด้านข้าง ก่อนจะเงยหน้ามาชื่นชมสีหน้าแดงก่ำของสามี “วันนี้ข้าทำขนมไปเยี่ยมหมู่เฟยที่ตำหนัก นางตรัสถามข้าว่าอายุ 19 ปีแล้วใช่หรือไม่…เป็นมารดาแล้วจะไม่รู้อายุของบุตรได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าจงใจถาม ! ”
คิ้วของเจียงโม่หานค่อย ๆ คลายออก…นี่หมู่เฟยคิดกระตุ้นให้พวกเขาร่วมหอ ! แต่เขายังมีความไม่พอใจอยู่พอสมควร ‘อยากอุ้มหลานไว ๆ ก็ไม่ควรเอาหนังสือนี้มาให้ภรรยาของข้าดู ! ประเดี๋ยวก็ทำให้ภรรยาเสียคนหมด…’
ไม่สิ ! ในเวลาปกติเด็กน้อยใจกล้าจะตาย ชอบปากว่ามือถึงกับเขาอยู่บ่อยครั้ง แล้วจะไม่เข้าใจเนื้อหาในหนังสือนั้นได้อย่างไร…ชายหญิงต่อสู้อะไรกัน ! นางจงใจแน่นอน ! อยากเห็นเขาเขินจนหน้าแดง เด็กตัวแสบไร้จิตสำนึก !
เมื่อเผชิญหน้ากับสตรีไร้ยางอายก็ต้องทำหน้าให้หนากว่านางเข้าไว้! เจียงโม่หานทำใจแข็งแล้วก้าวเข้าไปใกล้ภรรยาพลางเผยแววตาระยิบระยับน่าหวั่นไหวออกมา “ฝูเหรินอยากรู้จริงหรือว่า…ภาพในหนังสือคืออะไร ? ประเดี๋ยวข้าจะใช้ร่างกายสาธิตให้เจ้าดูอย่างละเอียด ก่อนอื่น…ต้องถอดเสื้อผ้าให้หมดก่อน…”
ขณะพูดก็เริ่มปลดเข็มขัดของตน ต่อด้วยเสื้อชั้นนอกแล้วเหลือไว้แต่ผ้าเนื้อบาง…
หลินเว่ยเว่ยกลืนน้ำลายลงคอ รูปร่างของบัณฑิตน้อยภายใต้ชุดด้านในที่โปร่งบางนี้ดูมีทรวดทรง เป็นรูปร่างในแบบที่นางชอบที่สุด…ดูเหมือนผอมแต่ไม่ได้เสียความงามไป ไอโหยว น้ำลายจะไหลแล้ว !
หรือว่า…บัณฑิตน้อยจะรู้แจ้ง วันนี้จึงคิดเผด็จศึกนาง ? หลินเว่ยเว่ยมีทั้งความรู้สึกรอคอยและประหม่า แม้ว่าชาติก่อนนางจะอ่านฉากอีโรติกของนิยายทะลุมิติมาแล้วหลายเล่ม แต่ก็ไม่เคยทำจริงสักครั้ง ทฤษฎีพอมีอยู่บ้าง แต่ยังขาดประสบการณ์จริง บัณฑิตน้อยก็ดูขาดประสบการณ์เช่นกัน ทั้งสองจะทำจนเหงื่อออกแต่ไม่เข้าถึงบทสักทีหรือเปล่า ?
“ดูดีหรือไม่ ? ” ขณะมองหลินเว่ยเว่ยที่กำลังจ้องตาเขม็ง เจียงโม่หานก็หุบยิ้ม ความกระหายในแววตาของเจ้าน่ะ ช่วยเก็บหน่อยได้ไหม !
“ดูดี ! ผู้ชายที่ข้าเลือกจะไม่ดูดีได้อย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยจงใจเผยท่าทางลามกออกมา แต่ศีรษะกลับโดนเจียงโม่หานตี นางลูบศีรษะแล้วเผลอพูดว่า “บัณฑิตน้อย วันนี้…เจ้าจะเข้าหอกับข้าหรือ ? ”
สีหน้าของเจียงโม่หานดูแข็งค้างในทันทีและแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป ก่อนจะมองภรรยาอย่างเสน่หา “เจ้าอยาก…เข้าหอกับข้าวันนี้หรือ ? ”
“อยาก ! ” หลินเว่ยเว่ยยอมจำนนต่อความงดงามและรีบพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวสารทันที
เจียงโม่หานใช้นิ้วจิ้มหน้าผากนาง “อยากก็ต้องทนไว้ ! วันนี้ไม่ได้ การร่วมหอของพวกเราจะทำแบบรีบร้อนได้อย่างไร ? ”
“แล้วอย่างไร ? เข้าหอยังต้องเลือกฤกษ์งามยามดีแล้วต้องจัดพิธีอย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่มือไม่อยู่สุขเพราะเอื้อมไปจับกล้ามหน้าท้องของบัณฑิตน้อย ดูเหมือนนิ่มแต่ที่จริงแล้วแข็ง…หืม ? บัณฑิตน้อยที่อ่อนแอก็มีกล้ามหน้าท้องด้วย
เจียงโม่หานรีบตีมือที่อยู่ไม่สุขของนาง จากนั้นหยิบเสื้อผ้าบนเก้าอี้มาสวมใส่อีกรอบเพื่อปกปิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกาย เขากระแอมไอขึ้นมาเบา ๆ สองครั้ง “อย่างไรก็ต้องจัดแบบง่าย ๆ ! ”
สายตาของหลินเว่ยเว่ยกวาดมองบางจุดของบัณฑิตน้อย “ในเมื่อจัดแบบ ‘ง่าย ๆ ’ เช่นนั้นต้องการอะไรก็สั่งให้พวกบ่าวไปทำสิ วันดีไม่สู้วันนี้ บัณฑิตน้อย เจ้ายอมเป็นของข้าเถิด ! ” คำพูดประโยคสุดท้ายนางเลียนแบบมาจากคำพูดนางมารในเรื่อง ‘การเดินทางสู่ทิศตะวันตก’ ทำให้การเปลี่ยนแปลงของบัณฑิตน้อยดูรุนแรงกว่าเดิมทันที !
ลูกกระเดือกเจียงโม่หานขยับขึ้นลง หลินเว่ยเว่ยกลอกตา ก่อนจะออกคำสั่งต่อชุนซิ่งที่อยู่ด้านนอกว่า “ไปเอาเทียนแดงคู่ที่ห้องเก็บของ ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มและผ้าม่านเปลี่ยนเป็นสีมงคล ยังมีผ้าปูโต๊ะก็เปลี่ยนเป็นสีแดงให้หมด…บัณฑิตน้อย เจ้ายังต้องการอะไรอีก ? จริงสิ เตรียมสุราอีกสองจอก ถ้าพูดถึงพิธีมงคลแล้ว จะขาดสุราได้อย่างไร ! ”
เจียงโม่หานห้ามไม่ทัน เพราะชุนซิ่งออกไปเตรียมของขณะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ผ่านไปไม่นานห้องนอนของทั้งสองก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีมงคล…เหมือนวันที่เข้าพิธีแต่งงานกันไม่ผิดเพี้ยน
หลังจากพวกสาวใช้ถอยออกไปแล้ว ชุนซิ่งยังปิดประตูให้ทั้งสองอย่างเอาใจใส่ด้วย หลินเว่ยเว่ยดึงเสื้อบัณฑิตน้อยออกแล้วผลักเขาให้ล้มบนเตียงเบา ๆ ก่อนจะขึ้นไปทาบทับตัวเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นว่า “มาเถิด ! ท่านพี่จอหงวน ค่ำคืนเข้าหอมีค่ามากกว่าพันตำลึงทอง…”