ตอนที่ 657 หลินทั่นฮวามีความรักเหมือนคนอื่นแล้ว
แต่ในช่วงหลายปีนี้ความคิดของหลินจื่อเหยียนจดจ่ออยู่ที่การอ่านตำรามาโดยตลอด ทุกครั้งที่นางหวงพูดเรื่องนี้ เขาก็จะบ่ายเบี่ยงไปโดยให้เหตุผลว่าอยากประสบความสำเร็จก่อนเสมอ ตอนนี้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงแล้วจึงถึงเวลาที่จะคิดเรื่องคู่ครอง
หลินจื่อเหยียนแอบไปหาหลินเว่ยเว่ยแล้วพูดถึงสตรีที่อยู่ในดวงใจออกมาด้วยความเขินอาย หลินเว่ยเว่ยตาโตทันที “เจ้า…แอบไปเกี้ยวพาใครมา ? ”
“ไม่มี ยังไม่มี ! ข้าแอบชอบนาง แต่นางยังไม่รู้…” หลินจื่อเหยียนกลัวจะทำลายชื่อเสียงของอีกฝ่ายจึงโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
สุดท้ายก็แอบชอบชาวบ้าน ! หลินเว่ยเว่ยมองน้องชายด้วยสายตารังเกียจ “บอกมา เจ้าไปแอบชอบใครเข้า ? ข้าจะให้หมู่เฟยช่วยสืบท่าทีของคนบ้านนางให้”
“เสี่ยวหมี่ลี่ น้าชิงหลีมาหาเจ้าแล้ว ! ” โม่ชิงหลียังไม่ทันมาถึง เสียงก็ดังมาก่อนตัวแล้ว
หลินเว่ยเว่ยสังเกตเห็นความลนลานและสายตาที่เขินอายของน้องชายได้…เวรล่ะ! เจ้าเด็กนี่ไปชอบจวิ้นจู่น้อยบ้านนั้นตั้งแต่เมื่อใด ? แต่ก็นะ ถือว่าสายตาดีใช้ได้ !
“หืม ? หลินทั่นฮวาก็อยู่ด้วยหรือ ! พอดีเลย ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ! ” โม่ชิงหลีที่อายุ 16 ปี กำลังงดงามราวกับดอกฝูหรง แม้จะมีรูปโฉมงดงามแต่ก็ไม่อวดดี ทั้งร่าเริงและเป็นธรรมชาติ ตามวัยของนางควรได้หมั้นหมายแล้ว แต่ในกายนางมีสายเลือดของราชวงศ์ก่อนไหลเวียนอยู่จึงไม่มีใครมาสู่ขอสักที
หลินจื่อเหยียนถูมือด้วยความเขินอาย หลังจากเหลือบมองอยู่นานสองนาน เขาก็ตอบกลับเบาๆ ว่า “ขอบใจมาก…” ในเวลานี้เด็กสาวเข้าไปอยู่ข้างเตียงของพี่รองแล้ว นางเข้าไปแหย่เสี่ยวหมี่ลี่ที่เพิ่งดื่มนมเสร็จและกำลังจับเท้าตัวเองเล่นด้วยความสนุกสนาน
หลินจื่อเหยียนเห็นเด็กสาวไม่ได้สนใจเขาจึงกล้ามองนางตรง ๆ เฮอะ ขี้ขลาดชะมัด ! ไม่ได้ความกล้าจากพี่รองไปเลยสักนิด…ชอบก็เกี้ยว ! จะอายอะไร ? !
“น้องหลีเอ๋อร์ หมู่เฟยของเจ้ายังกระตุ้นให้ไปดูตัวอยู่หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยและโม่ชิงหลีเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนกันแล้ว บัดนี้นางช่วยถามแทนน้องชายเพื่อดูว่าจะมีศัตรูหัวใจของเขาอยู่หรือเปล่า
โม่ชิงหลีหยิบกระดิ่งเงินขึ้นมาเล่นกับนางหนูเสี่ยวหมี่ลี่ หลังได้ยินแบบนั้นนางก็พูดว่า “พี่เว่ยเว่ย เราไม่พูดถึงเรื่องน่ารำคาญนี้ได้หรือไม่ ? ตอนอยู่ที่ตำหนัก ข้าก็โดนหมู่เฟยบ่นใส่ไม่หยุดแล้ว จนต้องหนีมาซ่อนตัวที่บ้านท่าน ใครจะคิดว่ายังหลบหัวข้อนี้ไม่พ้นอีก ! ”
“บุรุษแต่งงาน สตรีออกเรือน ! หมู่เฟยของเจ้าก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น ! ” หลังได้เป็นแม่คนแล้ว หลินเว่ยเว่ยถึงได้เข้าใจว่าการ ‘เลี้ยงลูก 100 ปี กังวลไปแล้ว 99 ปี’ นั้นเป็นอย่างไร
โม่ชิงหลีมุ่ยปาก “พวกที่ยอมเกี่ยวดองกับบ้านข้าจะมีคนดี ๆ อยู่กี่คนเชียว ? คนที่หมู่เฟยชอบ เขาก็พยายามเลี่ยงพวกเราอย่างกับเห็นเป็นอสรพิษ แล้วเหตุใดยังต้องเร่งรีบกับมันอีก ? ใครบอกว่าสตรีจะต้องออกเรือนอย่างเดียว ? อย่างมากข้าก็แค่โกนผมบวชชี ! ”
‘พรืด…’ หลินเว่ยเว่ยสำลักน้ำชาที่ดื่มเข้าไป “แม่ชีกินเนื้อไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่ ! ”
“ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็จะย้ายไปอยู่ในไร่ ! พี่เว่ยเว่ย ท่านช่วยไปหาข้อมูลให้ข้าหน่อยว่าใกล้กับไร่ของท่านพอจะมีที่ดินประกาศขายหรือไม่ อันที่จริงข้าคิดว่าการทำไร่ทำนา เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลว ! ” โม่ชิงหลีไม่คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องดี ได้แต่นั่งเบื่ออยู่ในเรือนหลังและยังโดนแม่สามีกับพวกพี่สะใภ้หาเรื่องอีก…
หลินเว่ยเว่ยเห็นบุตรสาวที่กำลังเล่นสนุกนั้นหยุดขยับตัวไปเสียดื้อ ๆ จึงรีบเข้าไปอุ้ม หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมที่เปื้อนปัสสาวะอุ่น ๆ แล้วก็ยัดทารกน้อยกลับเข้าอ้อมอกของโม่ชิงหลี “น้องหลีเอ๋อร์ ข้ามีบุรุษที่เหมาะสมอยู่ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากลองศึกษาหรือไม่ ? ”
“บุรุษที่เหมาะสม ? ถ้าเช่นนั้นก็อย่าถามว่าข้ายินดีหรือไม่ ควรถามอีกฝ่ายดีกว่า” โม่ชิงหลีพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันและดูถูกตัวเอง
หลินเว่ยเว่ยพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ขอแค่เจ้าเต็มใจ ทางฝั่งบุรุษนั้น ข้าจะรับประกันให้เอง ! ”
หลังจากโม่ชิงหลีได้ยินแบบนั้นนางก็ถามด้วยความสงสัยว่า “ใครหรือ ? พี่เว่ยเว่ย แตงที่ฝืนเด็ดจะไม่หวานหรอกนะ เราอย่าบังคับใจเขาดีกว่า ! ”
หลินเว่ยเว่ยลากหุ่นกระบอก…ซึ่งก็คือหลินจื่อเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เข้ามาแล้วทุบหน้าอกของเขาเหมือนเหล่าหวางขายแตง1 “เจ้าคิดว่าน้องชายผู้โง่เขลาของข้าเป็นอย่างไร ? เจ้าดูตัวเขานะ แม้จะเทียบกับพี่เขยรองของเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษคนอื่น ดูใบหน้ารูปไข่อีกทีสิ ถึงแม้จะดูดีไม่เท่าพี่เขยรองของเขา แต่คิ้วและดวงตาก็หล่อคม แถมยังพาไปโอ้อวดคนอื่นได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีด้านความรู้ แม้จะห่างชั้นกับพี่เขยรองอีกไกล แต่อย่างน้อยก็สอบได้ทั่นฮวาเชียวนะ หากดูที่ครอบครัวอีกรอบ พ่อแม่รักใคร่ น้องชายรู้ความ ครอบครัวเรียบง่ายไม่ถือตัว…”
โม่ชิงหลีเห็นหลินเว่ยเว่ยประเดี๋ยวก็ตบหน้าอกทั่นฮวา อีกประเดี๋ยวก็บีบแก้มทั่นฮวาจนทำให้ใบหน้าของทั่นฮวาเริ่มแดงและดูอึดอัด “ฮ่าฮ่า” นางจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทำให้หลินทั่นฮวาของเราหน้าแดงกว่าเดิมทันที เรียกว่าแดงยันคอเลยก็ได้ !
“หัวเราะอะไร ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้าตกลงแล้วนะ พอกลับไปแล้วข้าจะให้คนหาฤกษ์ดีแล้วหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้า ตกลงตามนี้แล้วกัน ! ”
“พี่เว่ยเว่ย ทำแบบนี้ไม่ได้ ! ” โม่ชิงหลีเหลือบมองหลินทั่นฮวาด้วยแววตาเศร้าสร้อยเล็กน้อย…ตอนนี้เขากำลังเนื้อหอม สตรีที่มีฐานะดีและนิสัยดีกว่านางก็ชื่นชอบเขาอยู่มากมาย !
สีแดงบนใบหน้าของหลินจื่อเหยียนจางลงทันที เขาอดถามไม่ได้ว่า “เหตุใดจึงไม่ได้ ? ”
“ท่านเองก็ทราบสถานการณ์ของบ้านข้าแล้ว มันจะส่งผลต่ออนาคตของท่าน ! ” แม้ว่าโม่ชิงหลีจะมีความรู้สึกช้า แต่ก็สัมผัสได้ถึงสายตาเปี่ยมความหมายของอีกฝ่าย แม้นางใจเต้นแรงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาคลอเบ้า
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “เจ้านี่นะ ! คิดมากเกินไปแล้ว ! ทองคำแม้จะไปอยู่ที่ใดก็ยังส่องประกาย ขอแค่เขามีปัญญามากพอ ไฉนเลยฮ่องเต้จะไม่เรียกใช้คนมีความสามารถ ? น้องหลีเอ๋อร์ หากเจ้าไม่รังเกียจน้องชายผู้โง่เขลาของข้า พวกเราก็มาเกี่ยวดองกันเถิด ! ”
หลังจากเหลือบมองใบหน้าเปื้อนด้วยความหวังของหลินจื่อเหยียนแล้ว ใบหน้าของโม่ชิงหลีก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ นางก้มหน้าลง ฟองแห่งความสุขในใจกำลังผุดขึ้นมาฟองแล้วฟองเล่า…
ต่อจากนั้นข่าวการแต่งงานของทั่นฮวาคนปัจจุบันกับจวิ้นจู่ตำหนักหนิงอ๋องก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง สตรีในเมืองหลวงถึงขั้นใจสลายกันเลยทีเดียว…พวกนางสู้ ‘เศษสวะ’ ที่มีสายเลือดราชวงศ์ก่อนอยู่ในกายไม่ได้เลยหรือ ? มีคนรู้จักแม่ทัพหลินไม่น้อยที่รู้สึกเศร้าใจแทนเขา เพราะคิดว่าอนาคตของบุตรชายเขาต้องพังย่อยยับแล้ว !
ตอนที่จวนสกุลหลินไปสู่ขอยังตำหนักหนิงอ๋อง ฝ่ายหนิงหวางเฟยทั้งแตกตื่นและดีพระทัย…พระนางเคยเจอนางหวงสองสามครั้ง พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดี เด็ก ๆ ในสกุลหลินก็โดดเด่นกันทั้งนั้น เป็นบุตรเขยที่ใครในเมืองหลวงก็อยากได้ แต่คาดไม่ถึงว่าเรื่องดี ๆ เช่นนี้จะตกมาอยู่กับพวกตน พระนางรู้สึกเหมือหทัยจะหยุดเต้นไม่มีผิด
หลังได้รู้ว่าบุตรเขยในอนาคตคิดจะออกไปทำงานต่างเมืองและหวังให้จัดงานแต่งทันก่อนได้รับมอบหมายตำแหน่งคือจัดงานแต่งกันที่เมืองหลวงเลย หลังจากลังเลพักหนึ่ง หนิงหวางเฟยก็เห็นด้วย เนื่องจากบุตรสาวเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าให้รอต่อไปก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อใด !
ผ่านไปไม่นาน ตำแหน่งงานของหลินจื่อเหยียนก็ถูกกำหนด เป็นไปตามที่หวังคือเขาได้เป็นนายอำเภอที่อยู่ใต้ปกครองของเมืองหนึ่งทางภาคใต้…แต่สถานที่แห่งนั้นอยู่ในหุบเขา สภาพแวดล้อมย่ำแย่และผู้คนยากจนอย่างกับอะไรดี
ขุนนางที่เคยคิดจะเกี่ยวดองกับจวนสกุลหลินต่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นทันที ‘ไม่ชอบบ้านพวกเรา แต่ไปดองกับตำหนักหนิงอ๋องแทน เป็นอย่างไรบ้างเล่า ? โดนฮ่องเต้รังเกียจแล้วสิท่า ? เข้าทำงานในสำนักบัณฑิตฮั่นหลินไม่ได้ก็พอว่า แต่ถูกส่งไปยังสถานที่รกร้างห่างไกลความเจริญนั่นอีก สมน้ำหน้า ! ’
[i]
1 เหล่าหวางขายแตง เปรียบเปรยว่า ขายเองชมเอง