ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ในตำแหน่งตรงกลางบนเมฆสีขาวที่ดูธรรมดาขณะที่บินไปที่ระดับความสูงธรรมดาและกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยในลักษณะท่าทีปกติ
กระนั้นแท้จริงแล้วในหัวใจของเขาหาได้สงบสุขอย่างที่แสดงท่าทีออกมาไม่
เดิมทีเขาหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการเป็นผู้นำกลุ่มศิษย์ได้สำเร็จแล้ว แต่เขาไม่ได้คาดหวังให้ โหย่วฉินเสวียนหย่าเตะกลับมาหาเขาอีกครั้งเช่นนี้
อีกอย่างนางยังเชื่อมประตูสู่ความตาย และประทับตราผนึกระดับเซียนเทียนสองอันไว้บนนั้น
โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วได้โยนความผิดให้จิ่วอูแล้วสร้างภาพตัวเองว่าเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ถูกอาจารย์ลุงล้อเล่นอย่างน่าสังเวช ตอนนี้สถานการณ์จึงไม่ได้ต้องอดทนมากเท่าใดนัก
สำหรับภาพลักษณ์ที่เสียหายของจิ่วอู จิ่วอูย่อมไม่อาจตำหนิเขาได้ เพราะจิ่วอูขุดหลุมดักเขาไว้ก่อน และเขาก็แค่บังเอิญเตะศีรษะของนักพรตเต๋าร่างเตี้ยเมื่อตอนที่พยายามจะปีนออกมาจากก้นหลุมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในกรณีใดย่อมจะไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิหนึ่งในจิ่วเซียนทั้งเก้าจริงๆ เรื่องนี้จึงต้องจบลงไว้เพียงเท่านี้
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยว่าเหตุใดจิ่วอูถึงทำเยี่ยงนี้
บางทีนักพรตเต๋าร่างเตี้ยผู้นี้คงรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก
ในขณะที่พวกเขาดื่มด้วยกันไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ จิ่วอูได้พยายามสนับสนุนให้หลี่ฉางโซ่วสร้างชื่อให้กับตัวเองเพื่อเป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้เขาได้รับการดูแลจากสำนักโดยตรง
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกได้ชัดเจนว่าอาจารย์ลุงผู้นี้มีความรู้สึกรับผิดชอบต่อเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงอยากให้หลี่ฉางโซ่วเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาอยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นหกโดยการเป็นผู้นำกลุ่มศิษย์ในครั้งนี้ เพื่อให้เขาได้รับความสนใจจากสำนัก จากสถานะศิษย์ที่ยอดเยี่ยมไปสู่เมล็ดพันธุ์เซียน
แต่การทำเช่นนั้น…
มันไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง!
รังแต่จะสร้างปัญหาให้ข้าอย่างที่สุดเท่านั้น!
แล้วหลี่ฉางโซ่วก็อดจะถูขมับของเขาไม่ได้
ขอบเขตพลัง คือไพ่ไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดของเขา แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของไพ่ไม้ตายที่ถูกเปิดเผย แต่ก็จะมีผลเพิ่มภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเขา และทำให้คนอื่นๆ เริ่มให้ความสนใจในตัวเขา หรือแม้แต่เกรงกลัวเขาด้วยซ้ำ
ภายนอกของสำนักตู้เซียนนั้นดูสงบสุขกลมกลืนกัน ทว่าความจริงแล้วมีคลื่นใต้น้ำมากมาย แม้จะมีทรัพยากรมากมายในสำนัก แต่จำนวนศิษย์ของแต่ละยอดเขาต่างๆ ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และการแข่งขันอย่างลับๆ ระหว่างยอดเขานั้นก็ดุเดือดรุนแรงยิ่งนัก
คิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ น่ะรึ ว่าอาจารย์ของข้าได้รับบาดเจ็บอย่างไรในช่วงปีแรกๆ ของการฝึกฝน
ถึงเขาจะไม่มีหลักฐานที่แน่นอนสำหรับเรื่องนี้ ทว่าหลังจากวางแนวคิดและพิสูจน์แล้ว เขาก็สรุปได้ว่าจะต้องมีคนในสำนักวางแผนทำร้ายอาจารย์ของเขา!
จากท่าทีของอาจารย์ที่ไม่ปริปากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หลี่ฉางโซ่วก็สามารถลงความเห็นได้ว่า คนที่วางแผนทำร้ายอาจารย์ยังคงมีอำนาจในสำนักค่อนข้างมาก เขาต้องการทำลายรากฐานพลังของอาจารย์ เมื่ออาจารย์เป็นเซียนไม่ได้ก็จะทำลายสายสืบทอดของยอดเขาหยกน้อย ทว่าอาจารย์ของหลี่ฉางโซ่วต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อกลับเข้าสู่วิถีการฝึกฝนอีกครั้งและไม่ให้โอกาสวายร้ายนั้นกระทำซ้ำได้อีก
สำนักตู้เซียนมีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดมาก บรรดาศิษย์ที่ยังไม่ได้ทะยานขึ้นสู่เซียนแต่ต้องการออกเดินทางหาประสบการณ์ จะต้องไปรายงานตัวที่หอไป่ฝานก่อนเพื่อเตรียมการ และพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ก้าวออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาหลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น
หากศิษย์เหล่านี้เป็นเมล็ดพันธุ์เซียนซึ่งมีศักยภาพสูง ทางสำนักก็จะมอบหมายให้เซียนหยวนหรือแม้กระทั่งเซียนเสิ่นออกไปกับพวกเขาด้วย
เมื่อแปดสิบถึงเก้าสิบปีก่อน หลี่ฉางโซ่วก็พอคาดเดาได้แล้วว่าอาจารย์ของเขาอาจได้รับบาดเจ็บภายใต้สถานการณ์สองสามอย่าง
สถานการณ์แรก เมื่อเขาออกไปหาประสบการณ์
สถานการณ์ที่สอง เมื่อเขาเข้าร่วมการประลองภายในสำนัก
ซึ่งสถานการณ์ที่สองน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า
เมื่อสองสามพันปีก่อน จิ่วอูได้เข้าสู่สำนักและกราบปรมาจารย์หว่างฉิงเป็นอาจารย์ของเขา เขาเริ่มต้นในจุดที่สูงกว่าคนส่วนใหญ่และก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วมาก รวมทั้งเขายังอยู่ในสายสืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดของยอดเขาพิชิตสวรรค์ เขาจึงได้รับการปกป้องจนมองไม่เห็นการต่อสู้ดิ้นรนของเหล่า ‘สุนัข’ ที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในสำนัก
ทว่าหลี่ฉางโซ่วอดที่จะระวังพวกเขาไม่ได้ ยอดเขาหยกน้อยนั้นอ่อนแอที่สุดในสำนัก และทำให้หลี่ฉางโซ่วจำเป็นต้องมองข้ามสภาพแวดล้อมที่ดูเหมือนจะสงบสุขรอบตัวเขาและเฝ้าป้องกันทุกอย่างเอาไว้
ช่างมันเถิด เมื่อสิ่งต่างๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมไม่เหมาะสมที่ข้าจะปฏิเสธอีก
หากเขาอ้างว่าเจ็บป่วย หรือบอกว่าลมปราณกำลังแตกซ่าน เช่นนั้นก็มีโอกาสถึงแปดในสิบส่วนที่ปรมาจารย์ในสำนักจะก้าวเข้ามาตรวจสอบคำกล่าวอ้างของเขา
หากเขาแสร้งทำเหมือนว่าเขากำลังเข้าสู่จิตอริยะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญเช่นนี้ และยืนกรานว่าเขาต้องปิดด่านฝึกบำเพ็ญ ก็มีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่จะมีคนมาตรวจสอบร่างกายของเขาด้วยเช่นกัน
หากเขาตีหลิงเอ๋อร์อย่างหนักจนนางเกือบตายแล้วบอกว่าเขาต้องอยู่ข้างหลังเพื่อดูแลนาง?
เอ่อ ล้อเล่น ล้อเล่น! ข้าย่อมไม่อาจทนทำร้ายนางได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวสุดน่ารักที่ข้าเฝ้ามองดูนางเติบโตขึ้นมา…
ใช่แล้ว
ข้ามีแผนสำรอง
ในอีกสี่วันข้างหน้าที่เขาจะออกเดินทางไปยังทะเลบูรพา ตราบใดที่เขาไม่พูดอะไรสักคำหรือครึ่งคำหากไม่จำเป็น ปล่อยให้โหย่วฉินเสวียนหย่ากลายเป็นผู้นำที่สมควรได้รับของกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ ก็ย่อมสามารถลดความรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของหลี่ฉางโซ่วลงได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะ…เปิดตัวบุรุษหนุ่มหล่อเหลานามต้น ‘หลี่’ บุคลิกสง่างาม ท่าทีสงบสุขุมอ่อนโยน หล่อแบบธรรมดาๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ต้องบอกว่าโหย่วฉินเสวียนหย่าสมควรเป็นผู้นำจริงๆ ล่าสุดที่ไปดินแดนเทวะอุดร นางอาจถูกกระตุ้นเตือนจนจุดประกายบางอย่าง หลังจากกลับมาที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์และปิดด่านฝึกบำเพ็ญเป็นเวลาหลายปี ความก้าวหน้าในระดับการฝึกฝนของนางได้เข้าสู่ขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นแปดแล้ว นางยังเหนือกว่าศิษย์พี่ของนางซึ่งอยู่ในอันดับต้นๆ ของยอดเขาพิชิตสวรรค์มากนัก
นี่อาจเป็นเหตุผลด้านความมั่นใจของโหย่วฉินเสวียนหย่าจนกล้าก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำกลุ่มศิษย์ในวันนี้
การบรรลุความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะมีโอกาสโดยไม่แสวงหาได้ และมันไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดี เพราะทั้งหมดที่หลี่ฉางโซ่วรู้นั้น นี่อาจจะเป็นการปูทางนำไปสู่ทัณฑ์สวรรค์ที่โหย่วฉินเสวียนหย่าจะต้องข้ามผ่านในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวในทางปฏิบัติที่ว่า ‘เร่งเกินไปไม่สำเร็จ’ เช่นเดียวกับขอบเขตพลังของหลี่ฉางโซ่วในเวลานี้ เขาต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไปทีละขั้นอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ
ประมาณหกสิบปีก่อน หลังจากแอบบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตคืนกลับอนัตตาอย่างลับๆ แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้เห็นคนที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในสำนักต้องสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
หลังจากนั้นเขาจึงได้เริ่มระงับขอบเขตพลังของเขาเอง และมุ่งเน้นอยู่กับการทำความเข้าใจรายละเอียดในแต่ละขอบเขตพลังอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังทบทวนสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมไปกับเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติม
เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเขามีความเข้าใจที่สมบูรณ์และมั่นคง ดังนั้นในทุกๆ ขอบเขตพลังเล็กๆ ของเขาจะต้องถูกตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงจุดที่ประสานเข้าด้วยกันอย่างไม่มีที่เปรียบได้ เขาถึงจะก้าวต่อไปโดยไม่มีจุดจบ อีกทั้งเขาจะคำนวณอย่างระมัดระวังเพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอดผ่านทัณฑ์สวรรค์ในอนาคตได้
ในเวลานั้นหลี่ฉางโซ่วก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า แม้ว่าเขาจะใช้เวลามากกว่าสองร้อยปีในการวางรากฐานที่มั่นคง เขาก็ยังจะทำทุกอย่างที่จำเป็นอย่างดีเพื่อเตรียมการต้านรับทัณฑ์สวรรค์
ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ความก้าวหน้าในการฝึกบำเพ็ญของเขากลับไม่ได้ช้าลงจากเหตุดังที่ว่ามา แต่ตรงกันข้ามมันมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ในการทะลวงฝ่าขอบเขตต่อๆ ไป และทำให้ยิ่งยากมากขึ้นที่เขาจะระงับฐานพลังการฝึกฝนของเขาเอง
นี่อาจเป็นการทดสอบเฉพาะที่เต๋าอันยิ่งใหญ่ต้องการให้เขาข้ามผ่าน
……